18 ธ.ค. 2019 เวลา 14:07 • ไลฟ์สไตล์
#ชีวิต101 ภาค 2 ตอนที่ 16
วันที่ 17 ธันวาคม 2561(ต่อ)
ผมเดินทางออกจากเกาะราชาไปกับเรืออีกลำเพื่อไปดำน้ำ จากนั้นเค้าก็จะพาไปต่อที่เกาะเฮหรือในชื่อที่นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักกันคือ Coral Island
ซึ่งถึงแม้ว่าผมจะสลับมาขึ้นเรืออีกลำตามประสาคนบินเดี่ยว ยังไงก็ได้
แต่ลำนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งจริงๆหน้านี้ไม่ใช่ฤดูไฮซีซั่น
แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวก็ยังพอสมควรแต่ก็ไม่ถึงกับแน่นมาก ใครมาหน้านี้ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้พอสมควร เพราะมีโปรโมรชั่นเยอะ
แต่กับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ขนาดได้ยินว่ามาน้อยลงกว่าเดิมเพราะพึ่งเกิดเหตุโศกนาฏกรรมทางน้ำไปไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ที่เรือฟีนิกซ์ล่มที่เป็นข่าวใหญ่มาก มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ซึ่งจุดที่เรือล่ม
ก็อยู่ในบริเวณเส้นทางเดินเรือของผมวันนี้ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับคนที่มาเที่ยวแล้วเค้าก็คงไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ก็มาเพื่อความสุขสนุกสนานกันไปเป็นธรรมดา
แต่สำหรับผมนั้นแตกต่างออกไปเพราะผมมาทำงานสำรวจหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวทางเรือแต่แฝงอยู่ในการท่องเที่ยวซึ่งเรื่องราวอุบัติเหตุทางเรือก็เป็นสิ่งที่ผมต้องศึกษาด้วยเหมือนกัน ข้อสังเกตุต่างๆที่พบระหว่างวันพอกลางคืนผมก็จะกลับไปสรุปบันทึกไว้ ดังนั้นมุมมองของผมจะไม่ใช่มุมจากคนมาเที่ยวปกติ และในการเดินทางผมก็จะศึกษาพยากรณ์อากาศก่อนและก็พบว่าช่วงนี้ก็มีฝนฟ้าคะนองกระจายอยู่ แต่เมื่อได้ออกมาแล้วก็ได้แต่แหงนดูท้องฟ้าและหวังว่ามันจะไม่ตก
แผนที่เกาะ
แต่ก็ไม่ต้องกังวลมากครับสำหรับคนที่มาเที่ยวกับทัวร์เพราะถ้าปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของหน่วยงานและผู้เกี่ยวข้อง ถ้ามีพายุอะไรเค้าก็จะแจ้งเตือนกันตลอดว่าขนาดไหนออกเรือได้ขนาดไหนออกเรือไม่ได้ ถ้าปฏิบัติตามก็จะปลอดภัย
และผมก็เดินทางมาถึงเกาะเฮหรือเกาะCoral Island ซึ่งทางพี่ไกด์ทัวร์บอกว่าเราจะกินข้าวกันที่นี่ ซึ่งทางทัวร์จัดไว้ให้แล้ว สามารถเดินไปทานในอาคารได้เลยเป็นแบบบุฟเฟ่ ผมก็เข้าไปนั่งกินจากนั้นก็ไปเลือกทำเลหาเปลสนามที่ชายหาดที่เค้าจัดเตรียมไว้ ผมก็หาที่ร่มๆและนอนพัก ผมคงไม่นอนอาบแดดแบบชาวต่างชาติ
หาที่นอนพัก
พอพักย่อยอาหารหายเหนื่อย ผมก็ลองไปเดินสำรวจดูเกาะแห่งนี้พบว่ามีท่าเรือชั่วคราวเป็นทุ่นโฟมลอยโคลงเคลงอยู่ ประจวบกับวันนี้มีคลื่นลม
การขึ้นลงเรือก็จะเซๆกันนิดหนึ่ง
ขึ้นลงเรือ
การเดินโคลงเคลง
ที่นี่ดูแลโดยเอกชน ไม่มีเรือโดยสารประจำ จะมีเฉพาะเรือทัวร์ท่องเที่ยวซึ่งจะมีเรือสปีดโบท เรือยอร์ต เข้ามาจอดรับส่งนักท่องเที่ยว
กล้องเลนส์ซูม
พอผมเดินสำรวจสักพักก็หันมาชมความสวยงามของเกาะบ้างดีกว่า
เพราะเกาะนี้ธรรมชาติก็สวยงามไม่น้อยและผมยังเจอนกเงือกอยู่บนเกาะด้วยบงบอกถึงความเป็นธรรมชาติของที่แห่งนี้ เวลานี้ท้องฟ้าบนหัวผมยังมีแดดอยู่แต่ถ้ามองออกไปจากเกาะจะเริ่มเห็นเมฆดำกำลังก่อตัวมาอีกฝั่ง
ทะเลใสและฟ้าครึ้ม
ในระหว่างเดินเล่นผมก็ไปเจอคนหนึ่งหนุ่มสาวคู่หนึ่งเค้ากำลังถ่ายรูปและขอให้ผมถ่ายรูปให้ และไหนๆผมก็มาแล้วผมก็อยากมีรูปเก็บไว้สักรูปก็เลยขอให้เค้าถ่ายรูปให้ด้วยเช่นกัน
บันทึกไว้
พอเย็นๆก็ได้เวลากลับ ซึ่งขากลับนั้นพี่ไกด์ก็ถามผมว่าจะกลับลำไหน เพราะทริปนี้ผมนั่งเรือสองลำละ ผมก็บอกว่ากลับลำเดิมขามาละกันครับ
จากนั้นเราก็เดินทางกลับกัน ซึ่งทริปนี้ถือว่าคุ้มมากกับราคาไม่ถึงพันแต่ได้มาสถานที่สวยงามแบบนี้ ได้ดำน้ำเล่นน้ำตามเกาะ ผมถือว่าโอเครมาก ซึ่งแต่ก่อนผมเข้าใจว่าการจะมาเที่ยวแบบนี้ได้ต้องใช้เงินเยอะกว่านี้มาก แต่พอมาครั้งนี้ทำให้รู้ว่ามันไม่แพงอย่างที่เราคิด แถมได้รับการบริการอย่างดี
และพอกลับมาถึงฝั่งเค้าก็มีรถตู้พากลับไปส่งถึงที่พักเลยทีเดียว ทั้งไปทั้งกลับรับส่งดูแลหมด คุ้มมากจริงๆ
พอผมกลับมาถึงที่พักตัวเมืองภูเก็ต ผมก็สรุปข้อมูลต่างๆ จากนั้นผมก็เลยลองออกเดินเล่นยามค่ำคืนอีกครั้ง ซึ่งวันนี้ไม่มีตลาดถนนคนเดิน ก็จะได้บรรยากาศเงียบๆไปอีกแบบ และผมก็เดินหาอะไรกินด้วย ชำเลืองไปเห็นแว๊บๆว่าจะสั่งอาหารได้ละ แต่ดูดีๆเป็นงานศิลปะบนผนังนั้นเองที่เค้าได้ทำไว้ ก็ดูสวยไม่น้อย
ศิลปะบนผนัง
และผมยังคงเดินเล่นต่อไป และบังเอิญไปเจอผู้หญิงคนหนึ่งกำลังใช้ปากกาลบคำผิด( ลิควิด)กำลังเขียนอะไรบางอย่างบนกระจกร้าน มีน้องๆในร้านก็ส่งเสียงบอกผมว่า จะลองเขียนอะไรมั๊ย สามารถเขียนได้ ผมก็ยิ้มและบอกขอผ่านดีกว่าครับ เพราะถ้าผมไปเขียนน่าจะเลอะกระจกร้านเค้าป่าวๆ
งานศิลบนกระจก
บรรยากาศยามค่ำคืนตัวเมืองภูเก็ตก็ดีไปอีกแบบ ในยามที่ไม่มีตลาดหรือผู้คนพลุกพล่านมาก และสำหรับคืนนี้ผมได้ถ่ายภาพหนึ่งไว้ ซึ่งผมชอบมาก ทุกอย่างดูลงตัว พี่วินมอเตอร์ไซมาจอดพอดีกับภาพบนผนังที่ผมเชื่อว่าคนไทยรักและเคารพบุคคลในภาพมาก ผมไม่รู้จะบรรยายภาพนี้ว่ายังไงกับสิ่งที่ผมได้มีโอกาสได้เห็นกับตาตัวเองอยู่ตรงหน้าตอนนี้
ให้ภาพเล่าความรู้สึก
"ความสามัคคีนี้ หมายถึงว่า มีสิ่งใดที่อาจขัดแย้งซึ่งกันและกันบ้าง ก็ต้องปรองดองกันเสีย และหาทางออกที่ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะความสามัคคีเป็นกำลังอย่างสูงสุดของ หมู่ชน "
พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา