19 ธ.ค. 2019 เวลา 08:50 • ประวัติศาสตร์
ที่มาที่ไปของ ขนมปังขิง(Ginger Bread)
เป็นขนมอบที่มีให้ทานในช่วงเทศกาลสำคัญ และที่มาที่เป็นลายลักษณ์อักษรชิ้นแรก มีอายุประมาณ 2300 ปีก่อน ที่ชาวอียิปต์โบราณ
มีขนมอบที่ใข้น้ำผึ้ง เป็นสารให้ความหวานและใช้กับพิธีศพด้วย เช่นเดียวกับชาวโรมัน ที่มีขนมที่มีชื่อเรียกว่า Panus melitus ซึ่งนั่นก็คือขนมที่ทาหน้าด้วยน้ำผึ้งแล้วนำไปอบนั่นเอง
ขนมขิงถูกนำเข้ามาในยุโรปปี 992 โดย
พระอพยพชาวอาร์เมเนีย ชื่อ Gregory nicopolis
ซึ่งหนีมาจากปอมเปอี แล้วมาอาศัยอยู่ในเมือง Bondaroy ในประเทศฝรั่งเศสถึง 7 ปี
เพื่อสอนศาสนาและวิธีการทำขนมอบชนิดนี้
จนเสียชีวิตไปในปี 999
สมัยศตวรรษที่15 เริ่มมีขนมขิง รูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรูปคน รูปสัตว์ หรือเกี่ยวกับศาสนา
โดยลวดลายที่มีชื่อเสียงมากที่สุด
ก็คือ Ginger bread man ดังรูปด้านบนนะครับ
ซึ่งมีรูปร่างเป็นคนแบบปั้นง่ายๆเชื่อกันว่านำมาซึ่งโชคดีและความร่ำรวย
เรื่องราวของเจ้า gingerbread man มาจากประเทศอังกฤษเชื่อกันว่า เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ของ
พระนางเจ้า Elizabeth th1 (อลิซาเบธที่ 1 )
ได้รับสั่งให้ช่างทำขนมปังขิงให้ปั้นเป็นรูปร่างคล้ายกับคนผู้ร่วมงานจึงเกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก
และนิทานของเจ้าgingerbread man มีอยู่ว่า
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีตายายคู่หนึ่ง กำลังอบขนมปังขิงที่ปั้นเป็นรูปคน เพราะเอาไปอบเสร็จแล้วนำออกมาแล้วทันใดนั้น
ขนมปังขิงลุกขึ้นแล้วพูดว่า run as fast as you can you can't catch me I'm the gingerbread man
แปลไทยได้ว่า วิ่ง!วิ่งให้เร็วที่สุดที่มึงจะวิ่งได้แต่มึงกับกูไม่ได้หรอกกูคือมนุษย์ขนมปังขิง
แล้วไอ้เจ้ามนุษย์ขนมปังขิงก็ได้วิ่งหนีคนแก่จนกระทั่งได้เจอกับวัว พ่อวัวได้เห็นมนุษย์ขนมปังขิงก็อยากกินแล้ววัวจึงวิ่งตามแล้วเจ้ามนุษย์ขนมปังขิงก็ได้พูดเหมือนเดิมว่า run run as fast as you can you can't catch me I'm the gingerbread man มันคือสโลแกนของเจ้ามนุษย์ขนมปังขิงนั่นแหละครับ
และได้วิ่งต่อไปอีก ไปเจอกับม้าม้าก็อยากกินแล้วก็วิ่งตาม แล้วไอ้เจ้ามนุษย์ขนมปังขิงก็พูดเหมือนเดิมว่า run run as fast you can you can't catch me I'm the gingerbread man!!
และต่อมาก็ได้วิ่งไปเจอกับไก่ ขนมปังขิงก็พูดว่า
กูหนีหญิงแก่ ได้กูหนีชายแก่ได้ กูวิ่งหนีวัวได้
กูวิ่งหนีม้าได้ มึงจับกูไม่ได้หรอกไอ้ไก่
run run as fast as you can you can't catch me I'm the gingerbread man
แล้วก็ได้หนีไปสักพักจนไปเจอกับสุนัขจิ้งจอก
แล้วก็พูดเหมือนเดิมกับสุนัขจิ้งจอกวิ่งเลยวิ่งตามฉันมาสิวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่แกจะวิ่งได้แต่แกจับฉันไม่ได้หรอกเพราะฉันก็คือมนุษย์ขนมปังขิง
แต่เจ้าพนักพิงจอกก็ได้พูดว่า เจ้าน่ะ ไม่เห็นจะ
น่ากินสักนิดตัวแห้งๆแข็งๆคงจะไม่น่าอร่อย
พอมนุษย์ขนมปังขิงได้ยินดังนั้นก็คงคิดในใจว่าเออก็ดีเว้ยงั้นฉันขอนั่งพักตรงนี้สักแป๊บนึงก็แล้วกัน นะจ้ะ
พอเจ้าสุนัขจิ้งจอกเห็นก็ดังนั้นก็งาบไปกิน
จบนิทานแล้วววววว
แล้วนี่ก็คือนิทานที่มีมาแต่ดั้งเดิมของมนุษย์ขนมปังขิงจอมเกรียนนะครับ
โฆษณา