ภาพพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้ายเป็นจิตรกรรมฝาผนังศตวรรษที่ 15 เขียนขึ้นโดยเลโอนาร์โด ดา วินชี ที่ผนังด้านหลังของโรงอาหารในโบสถ์ Santa Maria Delle Grazie ในเมืองมิลาน เป็นภาพแสดงเหตุการณ์พระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้ายที่พระเยซูประกาศว่าหนึ่งในสิบสองอัครสาวกจะทรยศพระองค์ ก่อนที่พระองค์จะถูกนำไปตรึงกางเขน ดา วินชีเริ่มเขียนภาพพระกระยาหารค่ำมื้อสุดท้ายในปี 1495 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 1498 แต่เขาไม่ได้เขียนภาพอย่างต่อเนื่อง นักเขียนบางคนเสนอว่าคนในภาพเขียนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของพระเยซูคือแมรี แม็กดาเลน มากกว่าจะเป็นอัครสาวกจอห์นที่นักประวัติศาสตร์ศิลปะส่วนใหญ่ระบุ ทฤษฎีที่โด่งดังนี้เป็นหัวข้อในหนังสือ The Templar Revelation (1997) และมีบทบาทสำคัญในนวนิยายของแดนบราวน์เรื่อง The Da Vinci Code (2003)
4
4. The Creation Of Adam
1
creation-of-adam
1
ศิลปิน ไมเคิลแองเจโล ชาวอิตาลี
ปีที่เขียน ค.ศ. 1508 – 1512
ประเภท ภาพปูนเปียก
ขนาด 280 x 570 ซม..
สถานที่ โบสถ์น้อยซิสทีน, วาติกัน
2
ภาพนี้อยู่บนเพดานของโบสถ์น้อยซิสติน (Sistine Chapel) ภายในกรุงวาติกัน เขียนโดยไมเคิลแองเจโล ระหว่างปี 1508 ถึง 1512 เป็นหนึ่งในงานศิลปะที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา เพดานโบสถ์ตกแต่งด้วยภาพเขียนเหตุการณ์จากพระคัมภีร์ปฐมกาล 9 ภาพ The Creation Of Adam คือภาพที่อยู่ตรงกลาง The Creation Of Adam เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่มีชื่อเสียงที่สุดตลอดกาล และถูกล้อเลียนมากมายนับไม่ถ้วน
The Persistence Of Memory งานศิลปะแบบเหนือจริงชิ้นนี้ถูกเขียนขึ้นในปี 1931 โดยซัลบาโด ดาลี ศิลปินชาวสเปน ภาพแสดงแนวชายฝั่งที่ดูหดหู่ ห้อยประดับไปด้วยนาฬิกาพกที่กำลังหลอมละลาย เชื่อว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์มีแรงบันดาลใจต่อผลงานที่แปลกประหลาดชิ้นนี้ The Persistence Of Memory เป็นหนึ่งในผลงานที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นและได้รับการจดจำมากที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์
15
7. Girl With A Pearl Earring
1
girl-with-the-pearl-earring
ศิลปิน โยฮัน เฟอร์เมร์ ชาวดัตช์
ปีที่เขียน ค.ศ. 1665
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 44.5 x 39 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑสถานศิลปะเมาริตส์เฮยส์, กรุงเฮก
1
บางคนเรียกภาพนี้ว่า “โมนาลิซาของชาวดัตช์” Girl With A Pearl Earring ถูกเขียนโดยโยฮัน เฟอร์เม เรารู้เกี่ยวกับเฟอร์เมและผลงานของเขาน้อยมาก และภาพนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น มันไม่ได้ลงวันที่และไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นงานที่รับจ้างเขียนหรือไม่ และถ้าใช่ แล้วใครเป็นผู้จ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ภาพนี้มิได้จงใจจะให้เป็นภาพเหมือนธรรมดา Tracy Chevalier ได้เขียนนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในปี 1999 โดยสร้างตัวละคร สิ่งแวดล้อม และเหตุการณ์ต่างๆที่นำมาสู่การเขียนภาพนี้ ต่อมานวนิยายเรื่องนี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนต์ในปี 2003 สการ์เลตต์ โจแฮนส์สันรับบทเป็นผู้ช่วยของโยฮัน เฟอร์เมและนั่งเป็นแบบให้ขณะที่ใส่ต่างหูมุก
ภาพ Dance at Le moulin de la Galette เป็นภาพเขียนชิ้นสำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของสมัยอิมเพรสชันนิสม์ เป็นภาพบรรยากาศบ่ายวันอาทิตย์ที่พบทั่วไปที่มูแล็งเดอลากาแล็ต เขตมงมาร์ต ในปารีส ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 บ่ายวันอาทิตย์ชนชั้นแรงงานในปารีสนิยมแต่งตัวกันอย่างสวยงามเพื่อออกไปสังสรรค์ เต้นรำ กินของหวาน (galette) กันจนค่ำ งานชิ้นนี้ก็เป็นเช่นเดียวกับงานชิ้นอื่นๆของเรอนัวร์ที่เป็นงานแบบศิลปะอิมเพรสชันนิสม์ซึ่งเป็นภาพที่จับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชั่วขณะหนึ่งของชีวิตจริง ลักษณะของภาพเป็นการแสดงความสมบูรณ์ของรูปทรง ความอ่อนหวานของฝีแปรง และการแสดงแสงระยับของยามบ่าย เรอนัวร์ได้เขียนภาพเดียวกันนี้อีกภาพหนึ่งแต่มีขนาดเล็กกว่า (78 × 114 เซนติเมตร) ซึ่งมีการประมูลขายออกไปเมื่อปี 1990 ในราคา 78 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนภาพเดิมจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ออร์เซย์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
1
14. American Gothic
grant-wood-american-gothic
3
ศิลปิน แกรนท์ วู้ด ชาวอเมริกัน
ปีที่เขียน ค.ศ. 1930
ประเภท สีน้ำมันบนไม้อัด
ขนาด 78 x 65.3 ซม.
สถานที่ สถาบันศิลปะแห่งชิคาโก, ชิคาโก
4
ภาพ American Gothic เป็นผลงานของจิตรกรชาวอเมริกัน แกรนท์ วู้ด เขาได้รับแรงบันดาลใจจากบ้านแบบกอธิคของชาวอเมริกัน เขาตัดสินใจวาดบ้านพร้อมกับคนประเภทที่เขาจินตนาการว่าน่าจะอาศัยอยู่ในบ้านแบบนี้ ในภาพเป็นรูปชาวนายืนอยู่ข้างผู้หญิงที่น่าจะเป็นภรรยาของเขาโดยมีบ้านแบบกอธิคเป็นฉากหลัง เขาให้หมอฟันของเขามาเป็นนายแบบและให้น้องสาว Nan Wood Graham เป็นนางแบบ เมื่อภาพนี้โด่งดังขึ้นบรรดาชาวสวนชาวนาต่างไม่พอใจวู้ดอย่างมาก ด้วยเหตุผลที่ว่าชาวนาในภาพดูเหมือนเป็นโรคซึมเศร้าและคลั่งศาสนา ส่วนน้องสาวของเขาก็รู้สึกอับอายขายหน้าที่ถูกคนอื่นเข้าใจว่ามีสามีอายุมากกว่าเป็นสองเท่า จึงบอกผู้คนว่า แกรนท์ วู้ด ตั้งใจเขียนภาพของพ่อกับลูกสาวไม่ใช่สามีกับภรรยา ภาพ American Gothic เป็นหนึ่งในภาพเขียนที่ถูกล้อเลียนมากที่สุด
3
15. The Kiss
1
kiss
ศิลปิน กุสตาฟ คลิมต์ ชาวออสเตรีย
ปีที่เขียน ค.ศ. 1907-1908
ประเภท สีน้ำมันปิดทองบนผ้าใบ
ขนาด 180 x 180 ซม.
สถานที่ พิพิธภัณฑ์ Belvedere, เวียนนา
4
The Kiss เป็นภาพเขียนสีน้ำมันปิดทองบนผ้าใบ เขียนโดยกุสตาฟ คลิมต์ ชาวออสเตรีย อาจจะถือว่าเป็นงานชิ้นสำคัญที่สุดของคลิมต์ เป็นภาพชายและหญิงที่อยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน เป็นคู่รักที่อยู่ท่ามกลางสีทองหลากหลายที่ตกแต่งอย่างวิจิตรและเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ The Kiss เป็นภาพที่วิวัฒนาการมาจากปรัชญายุคปลายศตวรรษที่ 18 เพราะเป็นภาพที่สะท้อนให้เห็นการใช้ชีวิตอันฟุ้งเฟ้อออกมาในภาพอันหวานฉ่ำและยั่วยวนอารมณ์ The Kiss เป็นภาพของแสดงออกอย่างประณีตของคลิมต์ผู้เน้นความยั่วยวนทางอารมณ์ (eroticism) และการปลดปล่อยจากภายใน บางคนกล่าวว่าผู้ที่เป็นแบบในภาพคือตัวคลิมต์เองและเพื่อนของเขา ปัจจุบันภาพ The Kiss จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Belvedere ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
ในหนังเรื่อง the Accounted ได้นำรูปนี้มาใช้ในการประกอบภาพยนตร์ด้วย..อุอิ
1
20. Boy with a Pipe
boy-with-a-pipe
ศิลปิน ปาโบล ปิกัสโซ ชาวสเปน
ปีที่เขียน ค.ศ. 1905
ประเภท สีน้ำมันบนผ้าใบ
ขนาด 100 x 81.3 ซม.
สถานที่ นักสะสมส่วนตัว
Boy with a Pipe เป็นภาพเขียนสีน้ำมันที่ปาโบล ปิกัสโซเขียนเมื่อปี 1905 ขณะที่เขามีอายุ 24 ปีซึ่งอยู่ระหว่างยุคสีชมพู (Rose Period) ที่เขานิยมเขียนภาพด้วยโทนสีสดใสเช่นสีชมพูและสีส้ม รวมทั้งเป็นช่วงที่เขากำลังมีคนรักคนแรกด้วย ในภาพเป็นรูปเด็กผู้ชายชาวปารีสถือไปป์ในมือซ้ายและสวมศีรษะด้วยพวงมาลัยดอกไม้ ภาพ Boy with a Pipe ถูกขายให้กับนักสะสมที่นิวยอร์ก เมื่อปี 2004 ในราคา 104.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการซื้อขายภาพเขียนในเวลานั้น