23 ธ.ค. 2019 เวลา 05:15 • การศึกษา
วันนี้มีนิทานมาเล่าให้ฟังครับ..✌
เรื่องเศรษฐี กับ สหาย
มีเศรษฐีท่านหนึ่ง นิยมคบหากับผู้คนมากมาย แต่ข้อเสียของเขาก็คือ สหายที่เขาคบหานั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสหายที่ชื่นชมและพูดจาเยินยอเขาทั้งสิ้น ส่วนคนที่มีความเห็นที่แตกต่างไปนั้นเขามักจะวางเอาไว้เป็นสหายที่อยู่ไกล.
เศรษฐีผู้นีมีสหายอยู่คนหนึ่ง แซ่อู๋ ซึ่งรู้จักกันตอนที่ศึกษาเล่าเรียนที่สำนักปราชญ์ด้วยกัน เมื่อสำเร็จการศึกษาได้เป็นบัณฑิตแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายจากกันไป ไม่ได้ติดต่อกันเป็นเวลานาน
ครั้นเมื่อกาลเวลาผ่านไป สหายแซ่หยางผู้นี้ได้ย้ายมาอยู่ที่เมืองเดียวกับท่านเศรษฐีเพื่อการค้า โดยก่อนหน้านี้ เขาก็สามารถมีกิจการรุ่งเรืองในเมืองที่เขาอยู่ เขาจึงอยากจะขยายกิจการไปที่เมืองอื่นๆ ส่วนร้านแรกนั้นก็ให้บุตรชายของเขาเป็นผู้ดูแลกิจการต่อไป
เมื่อมาถึงเมืองแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องไปเยี่ยมเยือน เพื่อนฝูง สหายหยางผู้นี้จึงได้เดินทางไปเยี่ยมเศรษฐีผู้นั้น หลังจากที่บ้านและกิจการร้านค้าของเขาค่อนข้างจะเรียบร้อยอยู่ตัวดีแล้ว
"สหายอู๋ กี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน" ท่านเศรษฐีกล่าวทักทายสหายอู๋ ด้วยความยินดี หลังจากนั้นก็ได้พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย พร้อมกับเชื้อเชิญให้กินอาหารด้วยกัน
ระหว่างที่นั่งเล่นอยู่นั้น ท่านเศรษฐีก็อวดบ้านของตน ซึ่งท่านเศรษฐีเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างบ้านหลังนี้ด้วยตัวของเขาเอง
"บ้านของท่านก็ใหญ่โต สวยงามดี แต่ข้าขอติเพียงอย่างเดียว ข้าว่าเตาผิงนี้น่าจะว่างที่อื่น เพราะว่า หากอยู่ตรงมุมนี้มันก็สามารถติดไฟได้ง่าย อย่างแรแล้วก็ควรจะเปลี่ยนเสียจะดีกว่า ให้เกิดไฟใหม่บ้านขึ้นได้"
เมื่อท่านเศรษฐีได้ยินคำกล่าวของสหายอู๋ ก็เกิดอารมณฉุนเฉียวขึ้นมาทันที และคิดว่าสหายหยางนั้นสาปแช่งบ้านของตนเข้าให้แล้ว
"สหายอู๋ ข้าคิดว่าท่านเป็นสหายของข้ามาโดยตลอด แต่เหตุใดท่านจึงต้องมาสาปแช่ง บ้านของข้าเยี่ยงนี้"
เมื่อสหายอู๋ได้ยินดังน้้นก็ตกใจ พยายามอธิบายให้ท่านเศรษฐีฟังว่า เขาเตือนด้วยความหวังดี หาได้สาปแช่งอะไรไม่ แต่ท่านเศรษฐีก็ไม่ฟัง ไล่สหายหยางออกไปจากบ้านของเขาโดยทันที..!!
หลังจากนั้นไม่นาน บ้านของเศรษฐีก็เกิดไฟใหม้ขึ้นจริงๆ ซึ่งเชื้่อเพลิงนั้นก็เกิดมาจากเตาผิงที่สหายอู๋ ได้เคยเตือนเขาเอาไว้ ว่าอาจทำให้เกิดไฟใหม่ขึ้นมาได้นั่นเอง ซึ่งไฟใหม้ครั้งนั้น ก็มีสหายของเศรษฐี มาช่วยกันขนขาวของกันได้หลายคน ส่วนสหายอู๋ ขณะนั้นอยู่ที่อีกเมืองหนึ่ง จึงไม่ได้มาช่วยเหลือ
เมื่อผ่านเรื่องราวที่เลวร้ายไปแล้ว ท่านเศรษฐี ก็ได้เชิญเหล่าผู้คนที่ช่วยขนของ และดับไฟเมื่อครั้งไฟไหม้ ครั้งนั้นมาเลี้ยงขอบคุณ ซึ่งก็มีทั้งเศรษฐีและชาวบ้านธรรมดา แน่ละว่า ท่านเศรษฐี ก็ต้องกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ แต่น่าแปลกว่า แทนที่ท่านเศรษฐีจะสำนึกว่าสหายหยางเป็นผู้กล่าวเตือน ไม่เพียงเขาไม่เชิญมาเลี้ยงขอบคุณแต่ยังกล่าวตำหนิสหายอู๋ในงานเลีึ้ยงนั้นอีกด้วย..
น่าเศร้าใจจริงๆ
"คนโง่เหขามักไม่ฟังคำเตือนของผู้อื่น"
"คนเรามักมองข้ามความดีของคนที่แก้ปัญหา มากกว่าคนที่ชี้ให้เห็นปัญหา"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าเราอยากสำเร็จเราก็ต้องหัดฟังให้คนอื่นให้มากขึ้น..แล้วไตรตรองให้ดีก่อนลงมือทำครับ
ถ้าชอบนิทานเรื่องนี้ก็ฝากแชร์ด้วยนะครับ✌
ขอบคุณครับ
โฆษณา