24 ธ.ค. 2019 เวลา 06:26 • การศึกษา
เพิ่มสติปัญญา ขจัดความโง่เขลา ด้วยกลยุทธ์ DEMM
ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ มีงานวิจัยพบว่า สมองของมนุษย์สามารถพัฒนาได้ต่อไปเรื่อยๆตลอดชีวิต
1
(เพียงแต่ระยะแรกอายุ 0-6 ขวบ จะพัฒนาเร็วหน่อย แต่หลังจากนั้นก็จะพัฒนาเรื่อยๆ หากฝึกสมองอย่างถูกต้อง)
คนฉลาดรู้วิธีแก้ปัญหา แต่คนมีปัญญาป้องกันการเกิดปัญหา นอกจากนี้คนมีปัญญายังรู้ด้วยว่า จะทำอย่างไรกับปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ ขอบคุณภาพจาก inspiringThinkn.com
งานวิจัยบอกว่า เราพัฒนาสมองได้จนกว่าเราจะเกือบๆตายนั่นล่ะ
งานวิจัยนี้ แตกต่างกับสมัยก่อนที่บอกว่า ความฉลาดของมนุษย์สามารถพัฒนาจนถึงอายุ 4-5 ขวบ เท่านั้น
คุณผู้อ่านก็มีประสบการณ์ใช่ไหม ที่เพื่อนของผู้อ่านบางคน
ทำไมตอนเด็กๆดูไม่เก่งมากนัก แต่ตอนนี้ทำไม มันเก่งจัง
คราวนี่คำถามคือ เราจะพัฒนาที่จุดไหนดี ถึงจะเห็นผลได้ในระยะเวลา"อันสั้น"
ฝรั่งที่วิจัยเค้าบอกว่า ให้พัฒนาที่ Working Memory
มีหนังสือวิชาการมากมายเกี่ยวกับการพัฒนา working memory ขอบคุณภาพจาก Oxford publishing
Working Memory หากจะแปลเป็นไทยมันจะ แปลว่า "หน่วยความจำใช้งาน"
หากจะเปรียบเทียบง่ายๆ
working memoryของคน ก็คล้ายๆกับ RAM ในโทรศัพท์มือถือ
working memory ทำงานคล้ายๆ RAM ของคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือ ขอบคุณภาพจาก Shutterstock.com
ผู้อ่านเคยใช้โทรศัพท์ RAM น้อยๆ หรือปล่าวครับ ??
ผู้อ่านจะพบว่า โทรศัพท์จะช้ามาก หน่วงๆ อืดๆ ร้อนง่าย รวนง่าย แบตเตอรี่หมดง่าย
เปิดแอพหลายๆตัวก็เอ๋อแล้ว
บางทีก็โหลดอยู่นั่นล่ะ หยุดคิดไม่ได้ จะคิดต่อก็คิดไม่ออก
สุดท้ายก็พัง
โทรศัพท์ RAM น้อย ช้า อืด ร้อน แบตหมดเร็ว พังง่าย คน working memory น้อยก็เช่นกัน ขอบคุณภาพจาก psafe.com
คนที่ Working Memory ต่ำก็แบบเดียวกัน จะคิดอะไรไม่ค่อยออก แก้ปัญหาช้า สมาธิหลุดง่าย หัวร้อนง่าย มักจะไม่มองภาพรวม
เมื่อแก้ปัญหา"ไม่เก่ง" ก็จะเครียดง่าย หมดพลังง่าย ท้อง่าย หยุดคิดไม่ได้ จะคิดต่อก็คิดไม่ออก
มองธรรมชาติของสิ่งต่างๆไม่ทะลุ พอสมองตึงเครียดบ่อยๆ ก็เป็นโรคจิตโรคประสาทกันไปก็มี
คน working memory ต่ำ ความคิดมักยุ่งเหยิง เครียดง่าย หยุดคิดไม่ได้ จะคิดก็คิดไม่ออก ขอบคุณภาพจาก intel.com
ในทางกลับกัน คนที่มี working memory มาก ก็จะได้สิ่งต่างๆเหล่านี้
เรียนรู้สิ่งต่างๆได้เร็วขึ้น
แก้ปัญหาเก่งขึ้น
เครียดน้อยลง เพราะแก้ปัญหาคาราคาซังได้
แก้ปัญหาประจำวันจบได้
ปัญหาที่ยังแก้ไม่ได้ก็จะเข้าใจธรรมชาติของมัน รอได้ หยุดคิดได้
ตั้งสมาธิได้นานขึ้น
แยกแยะประสบการณ์ในชีวิตประจำวันเก่งว่า
สิ่งไหนมีประโยชน์ สิ่งไหนต้องลืมๆทิ้งๆในไป
สุดท้ายก็มีชีวิตที่ดีกว่า
1
คนที่พัฒนา working memory จะใช้สมองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีไหวพริบ มองเห็นความสัมพันธ์ได้ดีขึ้น ขอบคุณภาพจาก google.com
สรุปแบบง่ายๆก็คือการเพิ่ม RAM ให้สมองนั่นเอง
แล้ว"ของแถม"ก็คือ หากคุณพัฒนา working memory ของคุณแล้ว ความจำระยะยาวของคุณจะดีขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
เพราะว่า เมื่อคุณมีสมาธิมากขึ้น แยกแยะสิ่งต่างๆเก่ง เครียดน้อยลง รู้ว่าอะไรต้องเก็บ อะไรต้องลืมๆไปซะ ความจำระยะยาวของคุณก็จะดีขึ้นด้วย
working และ longterm memory มีความสัมพันธ์กัน ช่วยกัน ขัดเกลากัน ภาพจาก researchgate.com
ภาพแสดงกิจกรรมของสมองที่ดีขึ้น หลังจากได้รับการฝึกสมอง แม้ว่าแต่ละคนจะได้ผลมากน้อยต่างกัน แต่สมองก็ดีขึ้นกว่าเดิม ขอบคุณภาพจาก jhu.edu
คำถามคือ แล้วเราจะพัฒนา Working memory ได้อย่างไร (แน่นอนว่าส่งผลต่อ ความจำระยะยาว และพลังการประมวลผลของสมองด้วย)
เรามีกลยุทธ์ ที่จะทำให้คุณพัฒนาได้ในระยะเวลาสั้นๆมาฝากครับ
นั่นคือการทำ DEMM
DEMM ย่อมาจาก
D : Dual N back
E : Exercise
M : Mindfulness
M : Moral
กิจกรรม DEMM ช่วยพัฒนาสมองได้ในระยะเวลาอันสั้น ขอบคุณภาพจาก Pinterest.com
มาดูรายละเอียดกัน
Dual N back : คือเกมส์ชนิดหนึ่งที่ได้รับการวิจัยว่าสามารถ เพิ่มความสามารถของสมองได้ โดยเฉพาะเจ้าตัว Working Memory ซึ่งเป็นพระเอกของเราที่เราจะเน้นในการพัฒนาสมอง
เดี๋ยวนี้ มีให้โหลดมาเล่นในมือถือแล้ว โหลดมาเล่นวันละ 20 นาที แรกๆจะงงๆยากๆหน่อย อย่าพึ่งท้อนะครับ ค่อยๆฝึกเล่นไปทุกวันจะดีขึ้นเอง
ลักษณะหน้าจอของเกมส์ Dual N Back ขอบคุณภาพจาก google.com
Exercise : คือการออกกำลังแบบ Cardio เช่นการวิ่งช้าๆแต่นานๆ ว่ายน้ำช้าๆเรื่อยๆ การเดินเร็วๆ ทำแบบนี้อาทิตย์ละ 5-6 วัน วันละ 30 นาที การออกกำลังกายแบบนี้จะทำให้หัวใจคุณแข็งแรงขึ้น เคมีในสมองสมดุล การไหลเวียนเลือดไปยังสมองดีขึ้น การใช้ออกซิเจนและสารอาหารที่ส่งไปยังสมองดีขึ้น
ขอบคุณภาพจาก shutterstock.com
Mindfulness : การเจริญสติ คือการฝึกการรู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งมีผลการวิจัยรองรับแล้วว่า สามารถเพิ่มความเฉียบคมของสติปัญญาได้
1
เราสามารถเจริญสติได้ตลอดเวลา ที่ง่ายที่สุดคือการที่สติจับอยู่กับลมหายใจ หรือจับอยู่กับการเดิน แรกๆอาจจะต้องหลับตา หรือทำช้าๆ
หลังๆเมื่อชำนาญ สติ สมาธิพัฒนาขึ้น อยากจะเจริญสติ เมื่อไหรก็ทำได้ ลืมตาก็ทำได้ เดินไปซื้อของ เซเว่น ก็ทำได้
โมโหสุดๆ ก็ทำได้ จะรู้ตัวว่าโมโห จนความโมโหสลายหายไปเอง
1
ฝึกสติโดย การเดินสังเกตอาการการก้าวย่างของเท้า การนั่งสังเกตลมหายใจ ง่ายเพราะฝึกทำที่ไหนก็ได้ ตอนไหนก็ได้ ฝึกบ่อยๆ สติจะคมขึ้น ปัญญาจะเฉียบแหลมตาม ขอบคุณภาพ Pinterest.com
Moral : การเพิ่มระดับศีลธรรม ลองหยิบศีล 5 ศีล 8 หรือ บัญญัติ 10 ประการมาลองฝึกทำดู
1
การเพิ่มระดับศีลธรรมจะทำให้เรามองสิ่งต่างๆที่เข้ามากระทบชีวิตถูกต้องมากขึ้น คัดเข้าคัดออกง่ายขึ้น อะไรควรใส่พลังลงไป อะไรควรค่อยๆตัดออก
ศีลธรรมคือข้อจำกัดที่ว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ เป็นการเน้นได้รับผลประโยชน์ระยะยาว มากกว่าได้ประโยชน์ระยะสั้น
เป็นการกินพออิ่มสบายแต่กินได้ตลอดชีวิต ไม่ใช่ตะกละตะกลาม
หากมอง"รอบทิศ" มองระยะยาวแล้ว คนที่มีระดับสติปัญญาเท่ากัน
คนที่มีศีลธรรมจะมีคุณภาพชีวิตในระยะยาวดีกว่าคนบกพร่องเรื่องศีลธรรม
1
นอกจากนี้ คุณผู้อ่านเคยอยู่ในภาวะ
"ดีชั่วรู้หมดแต่อดไม่ไหว" หรือป่าวครับ
1
มันคือภาวะที่เรารู้ตัวว่าเรากำลังทำสิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ แต่หยุดพฤติกรรมไม่ได้
นั้นเป็นเพราะเราอาจจะมีสติ แต่คุณธรรมเรายังไม่ถึง
หากฝึกคุณธรรมอย่างสม่ำเสมอ เราจะเกิดภาวะที่รู้ตัวแล้วหยุดพฤติกรรมได้ หรือ พอรู้ตัว ความคิดที่ไม่ดี ก็หายไปอัตโนมัติทันที โดยไม่ต้องพยายามหักห้ามใจอะไรเลย
การมีศีลธรรมทำให้ตัดสินใจเก่ง มองตัวเลือกในชีวิตเก่ง ตัดช้อยส์เก่ง ทำให้เลือกทางเดินชีวิตได้ดีขึ้น ขอบคุณภาพ Pinterest.com
ทำ DEMM ไปเลยครับ ทำไป 3 เดือน 6 เดือน แล้วคุณจะรู้สึกได้เลยว่า สมองคุณจะฉับไวขึ้น เครียดน้อยลง สติ สมาธิดีขึ้น มองธรรมชาติของสิ่งต่างๆคมขึ้น มองโลกในเชิงบวกมากขึ้น มั่นใจมากขึ้นที่จะทำตามเป้าหมายและความฝันที่แท้จริงของคุณ
ก็เหมือนเปลี่ยนโทรศัพท์มือถือใหม่ล่ะครับ RAM เยอะ Mem เยอะ CPU แรง แบตอึดมากขึ้น ลงแอพ ลงเกมส์อะไรโหดๆ ก็ลงได้หมด ทำอะไรๆได้มากขึ้น
สมองเองก็เช่นกัน ถ้ามันพัฒนาแล้ว อะไรๆก็มาเหอะ พร้อมรับเสมอ ยิ่งฝึกยิ่งคม ยิ่งแก่ยิ่งเก๋าครับ
👍 กดติดตาม กดไลค์ กันได้นะครับ มีสาระดีๆมาฝากกันเกือบทุกวันครับ
ขอบคุณที่รับชมครับ 💓
โฆษณา