25 ธ.ค. 2019 เวลา 13:48 • ธุรกิจ
Fake Money
เงินเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ เพราะง่าย สะดวก ในการคิดเป็นมูลค่า ทำให้เกิดความพึงพอใจทั้งผู้ซื้อและขาย
ในการแลกเปลี่ยนในอดีตเป็นการแลกสินค้ากันโดยตรง บางครั้งสิ่งที่เรามีและเราต้องการแลกกับของที่เราต้องการ แต่คนที่เราจะไปแลกเปลี่ยนด้วยนั้น กลับไม่อยากได้ในสิ่งที่เรามี หรือบางครั้งพืชผลการเกษตรก็ไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน ทำให้เน่าเสียก่อนจะแลกเปลี่ยนได้ทั้งหมด
เงินจึงเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ดี เพราะไม่เน่าเสีย มีสภาพคงทน (ในสมัยก่อน เงินมักจะทำมาจากทองคำ หรือโลหะหายาก) สามารถเก็บไว้รอการแลกเปลี่ยนเมื่อไรก็ได้ตามต้องการ
เวลาผ่านไปแร่โลหะ เริ่มหายากและมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การใช้เงินที่เป็นเหรียญกษาปณ์ ใช้ยากขึ้นเพราะมีน้ำหนักมาก และอยากในการแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีราคาสูง ทำให้เกิดธนบัตรขึ้นตามมา
ซึ่งธนบัตรนั้นจะพิมพ์ออกมาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ เพราะจะถูกมองเป็นเพียงกระดาษไร้ค่า ดังนั้นในยุคก่อนจึงมีการอิงค่าของเงินกับมาตรฐานทองคำเพื่อให้เงินที่เกิดขึ้นมีมูลค่าในตัวของมันเอง
ในปี 1971 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Richard Nixon ได้ประกาศว่าเงินดอลล่าร์สหรัฐจะไม่ถูกหนุนด้วยทองคำอีกต่อไป แต่จะใช้เครดิตของประเทศแทน (ใช้หนี้หนุนค่าเงินแทน ซึ่งรัฐบาลสหรัฐจะเป็นลูกหนี้) ทำให้เงินดอลล่าร์อ่อนค่าลง อีกทั้งยังสามารถพิมพ์ออกมาได้เรื่อย ๆ ตามที่รัฐบาลสหรัฐต้องการ
ผลที่ตามมาจากการพิมพ์เงินเข้ามาในระบบปริมาณมหาศาลทำให้เกิดเงินเฟ้อและเงินที่อิงค่าเงินดอลล่าร์ก็จะมีค่าลดลง ทองคำมีมูลค่าสูงขึ้น
หมายความว่าการที่เราทำงานหาเงิน เก็บเงินมานั้นเป็นเรื่องที่สูญเปล่า เพราะสุดท้ายก็ไม่สามารถสู้ธนาคารได้ ที่สามารถพิมพ์เงินออกมาได้เรื่อย ๆ ซึ่งเร็วกว่าการทำงานหาเงินของคนทั่วไป
เมื่อค่าเงินต่ำลง แสดงว่าเราจะต้องใช้เงินมากขึ้นในการซื้อของเท่าเดิมหรือใช้เงินเท่าเดิมแต่ได้ของน้อยลง
การเก็บเงินหรือการถือเงินสดจึงไม่ใช่คำตอบในการสร้างความมั่งคั่ง
หากเราต้องการสร้างความมั่งคั่ง เราจะต้องซื้อทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงขึ้น และสร้างกระแสเงินสดให้กับเราได้
Fake Money : หากมองเงินเป็นสิ่งที่ปลอมขึ้นมา แล้วสิ่งใดที่ของจริงนั่นก็คือ ทรัพย์สิน
สำหรับครั้งหน้าจะมาต่อกับเรื่องราว Fake Asset
Ref.เนื้อหาบางส่วนจาก
โฆษณา