26 ธ.ค. 2019 เวลา 03:06 • ธุรกิจ
สิ่งต้องรู้ เมื่อคิดกู้ร่วม
1) ผิดนัด ต้องรับผิด
กู้ร่วม ก็ไม่ต่างจากกู้เอง หากผิดนัดชำระหนี้ ธนาคารมีสิทธิเรียกร้องจากผู้กู้รายไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องจากผู้กู้ชื่อแรกเสมอไป
 
“ญาติสนิท คงไม่คิดหนีหรอก” เรื่องเงินไม่เข้าใครออกใคร อย่าชะล่าใจกับเรื่องเงินๆ ทองๆ พี่น้องแย่งมรดกกันก็เห็นกันบ่อย ลูกไม่รักดีทิ้งขว้างพ่อแม่ก็เห็นอยู่บ้าง
2) ร่วมกู้ ต้องรับเต็ม
สัญญาเงินกู้ ไม่เคยระบุสัดส่วนหนี้ของผู้กู้แต่ละราย ดังนั้น ธนาคารมีสิทธิเรียกร้องหนี้จากคนใดคนหนึ่งเต็มหนี้ที่ค้างอยู่ก็ได้ โดยอาจตามจากผู้กู้ที่มีที่อยู่ หรือ ที่ทำงานเป็นหลักแหล่งก็คงไม่แปลก
3) ไม่ตั้งใจ แต่อาจจนใจ
บางครั้งผู้กู้หลักก็ไม่มีเจตนาจะผิดนัดชำระหนี้ หรือ ทำให้ญาติที่กู้ร่วมต้องเดือดร้อน แต่หากโชคร้ายเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพไป คงเป็นสิ่งที่โทษใครไม่ได้ แต่หนี้ที่เหลือผู้กู้ร่วมก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน
 
สำหรับความเสี่ยงกรณีเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพก็พอจัดการได้ ด้วยการทำ MRTA (ประกันคุ้มครองวงเงินสินเชื่อบ้าน) แต่ค่าเบี้ยประกันก็ไม่ใช่ว่าถูกๆ ก่อนกู้จึงต้องหารือกันให้ดีก่อน
 
แต่กรณีตกงานหรือรายได้ลดลงคงต้องจัดการด้วยการมีเงินส่วนตัวสำรองเผื่อไว้เพื่อเป็นค่าผ่อนยามฉุกเฉิน
4) ยึดบ้าน หนี้ยังไม่จบ
กู้ร่วมไปบ้านนั้นก็ไม่ใช่ของเรา มีปัญหาอย่างมากก็แค่ยึดบ้านไป แต่ความจริงแล้ว หากเงินที่ธนาคารได้จากการนำบ้านไปขายทอดตลาดยังไม่พอกับหนี้ที่ค้างอยู่ ธนาคารสามารถเรียกร้องจากผู้กู้ได้
 
ดังนั้น ภาระหนี้จึงเป็นสิ่งที่ติดตัว ตราบใดที่หนี้นั้นยังไม่หมด ชีวิตเราก็ต้องแบกรับต่อไป
5) ต่อไป กู้ยากขึ้น
หนึ่งในปัจจัยของที่ธนาคารใช้พิจารณาอนุมัติเงินกู้ คือ ภาระผ่อนหนี้เดิมและใหม่ต้องไม่เยอะเกินไป เมื่อเทียบกับรายได้ ดังนั้น หากผ่อนบ้านร่วมกับใครแล้ว ยอดผ่อนนั้นจะติดตัวไป และ หากอยากกู้ซื้อบ้าน/รถ เป็นของตัวเอง อาจได้วงเงินต่ำกว่าที่ควรจะได้ หรือ อาจถึงขั้นกู้ไม่ผ่านเลยก็ได้ หากยอดผ่อนเดิม เกิน 40%-50%ของรายได้แต่ละเดือน
### พระคุณพ่อแม่ ลูกหลานคนร้อยเอ็ด
### ผู้หญิงตัว M
### เด็กราม ลูกพ่อขุน
โฆษณา