26 ธ.ค. 2019 เวลา 12:35 • ปรัชญา
รีวิวหนังสือ :
Gift from the Sea - ของฝากจากทะเล
Gift from the Sea
เกริ่น :
ผมเชื่อว่าพวกเรา จะมีช่วงเวลาที่คิดว่า
"ทำไมชีวิตมันวุ่นวายอะไรขนาดนี้"
การทำงานในเมืองที่แซนวุ่นวาย
การมีภาระหน้าที่ต่างๆ ที่ต้องรับผิดชอบ
เรื่องการเข้าสังคม ตารางเวลาที่เต็มแน่น
จนถึงจุดนึงที่ตัวเองรู้สึกเหนื่อย
แต่ไม่รู้จะหาทางแก้ยังไงเพราะ
ทุกอย่างมันต้อง "รับผิดชอบ"
"ฉันควรทำยังไงดีกับสถานการณ์แบบนี้?"
หนังสือเล่มนี้มีอะไรให้คุณได้ไปใช้
ได้คิดเยอะแยะเลยครับ
ต้องการจะสื่ออะไร? :
หนังสือเล่มนี้มาจาก ชีวิตของ
แอนน์ มอร์โรว์ ลินเบิร์กห์
ช่วงนั้นเธอโศกเศร้าจากสภาพแวดล้อมต่าง
ลูกโดนลักพาตัว ถูกฆ่าตาย
แฟนก็แสดงจุดยืนทางการเมืองที่เกลียดยิว
จนโดนสื่อและสังคมเกลียด แต่แอนน์
ก็ยืนหยัดอยู่ข้างแฟน แม้จะไม่เห็นด้วยกับ
ความคิดของแฟนเลยก็ตาม
เมื่อ เศร้าโศกขนาดนี้ แอนน์ ก็ ซึมเศร้า
แล้วไปหาหมอจิตแพทย์ พอหายดี
แอนน์ตัดสินใจเดินทางไปเกาะแคปติวา
และ เกาะแห่งนั้นได้มอบ
มุมมอง แนวคิด การมองโลก
เหมือนยาวิเศษที่ฟื้นฟูจิตใจของแอนน์
หนังสือนี้แอนน์ได้ระบุสิ่งที่ตนเองพบเจอ
ส่วนใหญ่เป็นการเปรียบเทียบ สิ่งรอบตัว
กับสภาวะจิตใจ ออกมาเป็นแนวคิด
ที่ฟื้นฟูจิตใจให้ชุ่มชื้นได้อีกครั้ง
ตัวอย่าง เนื้อหาสำคัญ :
หนังสือเล่มนี้ มีการใช้ อุปมา เปรียบเทียบ
สถานการณ์ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ผู้หญิง
ในเมืองที่มีอารยะ ( ประเทศอเมริกา )
( หนังสือต้นฉบับเล่มนี้ ตีพิมพ์ 1955
ถ้านับเป็น พ.ศ. ก็ 2499 จะ 60 ปีแล้ว )
ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ สะท้อนวิถีชีวิตผู้หญิง
ชาวอเมริกาเป็นอย่างมาก และ ถูกเปรียบเทียบ
อุปมาด้วย "เปลือกหอย" ที่เจอ ณ เกาะแห่งนั้น
หอยแชเนิลด์ เวลค์
เปรียบเสมือน การหลบหนี ทิ้งชีวิตเดิมๆ
ปูเสฉวน ที่ ย้ายถิ่นจากหอยนี้นั้นเอง
การที่ แอนน์ได้ตัดสินใจ หนีจากชีวิตวุ่นวาย
ในเมืองที่เต็มเป็นด้วยภาระ แล้วเดินทาง
มาที่เกาะแคปติวา แห่งนี้ 2 สัปดาห์
เพื่อผักผ่อน ไตร่ตรองชีวิตที่ผ่านมา
เปลือกหอยพระจันทร์
เปรียบเสมือน ปัจจุบัน เดี๋ยวนี้ ขณะนี้
ความโดดเดี่ยว ความเป็นเกาะ
ดั่งที่หอยพระจันทร์ มีลักษณะ
เป็นวงๆ ม้วนๆ ไปจนถึงจุดศูนย์กลาง
ศูนย์กลางนี้คือ เกาะที่แอนน์อยู่
ไม่มีการติดต่อสื่อสาร ไม่มีสะพาน
ไม่มีเรื่องภาระวุ่นวายใดๆทั้งสิ้น
อดีตถูกตัดทิ้ง อนาคตถูกตัดทิ้ง
เหลือแค่ ที่นี้ ขณะนี้ ในห้วงเวลา
ปัจจุบัน
ความโดดเดี่ยวที่ เหมือนเกาะเช่นกัน
ต้องพึ่งที่จะต้องอยู่กับตัวเอง
อยู่เพียงลำพัง ซึ่งอาจจะเรียกว่า
ความเหงาก็เป็นได้ ซึ่งคนก็อยาก
ถีบขับไสไล่ส่งมันไปไกลๆ
การขับไสไล่ส่งมันคือ
เอากิจกรรม งานเยอะๆ จะได้ลืมมัน
ลองคิดดูว่าคุณเป็นบ่อน้ำ บ่อนึง
มีน้ำอยู่ประมาณนึงในบ่อ
การที่เราทำกิจกรรม หรือ งาน
จำเป็นต้องใช้น้ำนั้น ให้กับ กิจกรรมไป
แล้วถ้าเราให้จนน้ำมันแห้ง ไม่เหลือน้ำในบ่อหล่ะ?
คุณคงต้องการความโดดเดี่ยว
หาเวลาอยู่กับตัวเอง อยู่กับจิตใจตนเอง
อยู่กับความเหงา อยู่ร่วมกับมัน
เพราะสิ่งที่คุณทำไปทั้งงาน และ กิจกรรม
มันเป็นการที่เราไม่ได้สนใจที่จะรักตนเอง
ไม่ได้เติมเต็มน้ำที่อยู่ในบ่อให้เพียงพอเลย
ไม่สมดุลย์ระหว่าง เวลาที่อยู่กับตัวเอง
และ เวลาที่ต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น งาน กิจกรรม
เปลือกหอยคู่อรุณ
เปรียบเหมือนความสัมพันธ์บริสุทธิ์
ความสัมพันธ์ น้ำผึ้งพระจันทร์ในช่วงแรก
หรือ การที่มารดาได้เลี้ยงบุตรในช่วงแรก
หรือ การที่ได้มาอยู่เกาะนี้ให้สดชื่นเช่นกัน
เปลือกหอยที่ทั้งสองด้าน เหมือนกันคู่กัน
อย่างสวยงาม ส่องแสง ควบคู่ไปด้วยกัน
ความรักที่เต็มไปด้วย ความรักอันบริสุทธิ์
ไม่มีภาระ อดีต อนาคต มาเกี่ยวข้อง
มีเพียงแต่ความรักเพียงเท่านั้น
แต่นานๆไปหอยนี้มันก็เริ่มหม่นๆ เปราะๆ
เพราะการเวลาที่เปลี่ยนแปรไป
ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ น้ำผื้งพระจันทร์
ได้หมดช่วงเวลาไปแล้ว หมดโปรโมชั่นแล้ว
ดังนั้น ทำไมเราไม่ลองทำเหมือนเหตุการณ์
นั้นอีกครั้งหล่ะ กินข้าวด้วยกันสองต่อสอง
ไปเที่ยวด้วยกัน ให้ความรักกัน สักครั้ง
วันละครั้ง สัปดาห์ละครั้ง เดือนละกี่ครั้ง
แล้วความรู้สึกเปลือกหอยคู่อรุณนี้จะกลับมา
อาจจะไม่เหมือนเดิมเพราะกาลเวลาที่เปลี่ยนไป
แต่มันก็ทำให้ใจสดชื่น ชุ่มชื่นอีกครั้ง
โขดหินหอยนางรม
เปรียบเสมือน ชีวิตหน้าที่ ความรับผิดชอบ
หอยนี้ลักษณะเป็นชั้นๆ เป็นหน้าที่แต่ละหน้าที่
ดูแลลูก ทำกับข้าว ทำงาน ทำความสะอาด
อะไรต่อมิอะไรอีกมากมายนับไม่ถ้วน
การแต่งงานก็เหมือนกัน
คุณลองงัดหอยนางรม ออกจากโขดหินดู
หลุดยากอย่างแน่นอนเพราะมัน มั่นคงจาก
ความรักที่ถูกผูกมัดไว้แล้ว
และการรักษาความรักนั้นให้ยาวนาน
แต่หอยเหล่านั้นมันก็หลุดจากโขดหินได้เช่นกัน
เมื่อถึงวันเวลาของมัน การแต่งงานก็อยู่ใน
ชั้นของเปลือกหอยนางรม ในชั้นๆไป
อาร์โกนอต้า
ต้องเล่าเรื่องราวของหอยนี้กันก่อนนะ
เกิดจากแม่ของอาร์โกนอต้าจะถอดเปลือก
ให้ลูกๆได้ฝักตัวอยู่ในหอย เมื่อลูกพร้อมออกมา
ว่ายในท้องทะเล หอยนั้นก็จะถูกทิ้งไว้
เปรียบเสมือนวัยกลางคน และ การเดินทางใหม่
ช่วงที่แอนน์เขียนก็ย่างเข้าสู่วัยกลางคน
และก็เป็นช่วงที่แอนน์เริ่มคำนึงคิดถึง
การละทิ้งเปลือกที่เคยมีมา สิ่งที่เคยทำประจำ
( ตัวอย่าง ) อาหารที่เรามักจะกินประจำ
แล้วไปทำอะไรใหม่ๆ ออกเดินทางไปหา
ประสบการณ์ใหม่ เผชิญสิ่งที่จะเกิดขึ้น
แล้วเติบโต ยอมรับ วัยกลางคน
ความรู้สึกที่อ่านหนังสือเล่มนี้ :
มันรู้สึกเหมือนเราได้กลับเข้ามามองจิตใจ
ตัวเองที่แตกเป็นเสี่ยงๆอีกครั้ง แตกในที่นี้
หมายถึง การที่เรามีภาระเยอะแยะ
จนตัวเราต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ
มีนั้นมีนู้นที่จะต้องทำเต็มไปหมด
จนตัวเองล้า เพราะจำนวนมากเกินไป
และการอยู่กับตัวเอง หาเวลาส่วนตัว
เป็นเรื่องที่สำคัญ และทุกคนพึงควรได้รับ
คนเรามักจะมองคนที่ไม่ค่อยเข้าสังคม
หรือ การที่เราจะขอลาหยุด
ดูเหมือนเรื่องที่เลวร้าย ทั้งๆที่จริงมันจำเป็น
อย่างมากในการทำให้จิตใจพร้อมที่จะ
รับสถานการณ์ที่จะต้องเจอ
พร้อมเพราะ เราได้เติมเต็มพลังจากการ
อยู่กับตัวเอง รู้จักตัวเอง หาเวลาที่ตัวเอง
รู้สึกปลอดภัย ได้ทำอะไรที่ตนเองรัก
หนังสือเล่มนี้ไขคำถามที่ผมคิดอยู่ตลอดว่า
เราควรมอง ช่วงเวลาไหนให้มากที่สุด
อดีต ปัจจุบัน อนาคต เราควรให้ค่าสิ่งไหน
มากกว่ากัน หนังสือเล่มนี้จะตอบกับคุณว่า
ปัจจุบัน อยู่กับปัจจุบัน ซึ่งผมเป็นคนประเภท
อนาคต อยู่เพื่ออนาคต จนลืมไปว่า
การจะเดินไปสู่อนาคตต้องผ่านปัจจุบัน
เราจะต้องทำปัจจุบันให้ดีก่อน ถึงจะไปสู่
อนาคตที่เราฝันและคาดหวังไว้
ส่วนอดีตมักจะเป็นบทเรียนและประสบการณ์
ดังนั้นมันก็มีประโยชน์เหมือนกัน แต่ผมก็
ได้คำตอบว่า
"อยู่อย่างมีอนาคต มีฝัน ด้วยการ
สร้างถนนปัจจุบันให้ดีควบคู่กัน
ขณะนี้ และ จินตนาการ ความฝัน
ความหวัง มีไว้เพื่อที่จะมีชีวิตอยู่"
หนังสือเล่มนี้ผมให้คะแนน : 9.5/10
สำนักพิมพ์ openbook เก่งเรื่องการจัดวาง
ตัวอักษรให้อ่านง่าย ตัวอักษรต่อหน้าไม่มากเกินไป
งานศิลปะ สีฟ้า สวยงาม มากๆ ให้ความรู้สึกทะเลสุดๆ
ส่วนเนื้อหา อ่านเข้าใจได้ง่าย มีการเปรียบเทียบ
ที่เห็นได้ชัดเจน ติดที่การแปล กวี กลอน
จาก อังกฤษ เป็น ไทย เข้าใจยากไปหน่อย
ผมต้องแปลเองถึงจะเข้าใจแก่นแท้ของกวีนั้น
ส่วนที่เหลือ อ่านแล้ว รู้สึกสงบ ชีวิตช้าขึ้น อยู่กับตัวเอง
ได้มุมมองในการใช้ชีวิต ที่นำไปใช้ได้
เหมาะกับคนที่หวั่นไหวในจิตใจเป็นอย่างมาก
เหมาะกับผู้หญิงที่เบื่อชีวิตแบบแม่บ้านเป็นอย่างมาก
การขยายคำศัพท์ตัวบุคคล การอ้างอิง ก็ยอดเยี่ยม
ไว้ท้ายบทอย่างละเอียด แต่สั้นๆง่ายๆได้ใจความ
ผมชอบหนังสือเล่มนี้มากๆครับ ยกนิ้วโป้งให้เลย
-CourAge
หนังสือ :
Gift from the Sea - ของฝากจากทะเล
เขียนโดย แอนน์ มอร์โรว์ ลินด์เบิร์กห์
แปลโดย จนัญญา เตรียมอนุรักษ์
ยังมีเนื้อหาอีกเยอะมากๆในหนังสือ
แนะนำให้ไปซื้อมาอ่านกันนะครับ :D
โฆษณา