27 ธ.ค. 2019 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
10 วันสำคัญที่สร้างชาติอเมริกา
ในแต่ละประเทศจะมีเรื่องราวที่เล่าต่อ ๆ กันมา ถึงเหตุการณ์สำคัญที่เป็นจุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของประเทศตัวเอง
ประเทศอเมริกาที่ปัจจุบันเป็นมหาอำนาจของโลก ก็มีเหตุการณ์นั้นเช่นกัน
เรื่องราวที่จะเล่านี้ ชาวอเมริกันเชื่อว่าเป็น 10 วันสำคัญ ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ของประเทศไปอย่างสิ้นเชิง หรืออาจจะต้องพูดว่า ถ้าไม่มี 10 วันนี้ก็คงไม่มีอเมริกาอย่างที่เป็นในทุกวันนี้
ช่วงเวลา 10 วันที่ว่านี้เริ่มต้นขึ้นใน วันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 1776 และสิ้นสุดในวันที่ 3 มกราคม ค.ศ. 1777
เหตุการณ์ที่จะผมจะชวนเดินทางไปหลงร่วมกันในตอนนี้ ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ George Washinton’s crossing of the Delaware River หรือ จอร์ช วอชิงตัน ข้ามแม่น้ำ เดลาแวร์
ตอนที่ 1 แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
นับตั้งแต่อเมริกาเริ่มทำสงครามกับอังกฤษในสงครามประกาศอิสรภาพมาก็ผ่านมาได้ปีกว่า ๆ แล้ว
ช่วงแรกของการต่อสู้ทุกอย่างเหมือนอเมริกันจะได้เปรียบ โดยเฉพาะในช่วงเดือนมีนาคม ปีค.ศ. 1776 เมื่อกองทัพของอังกฤษต้องหนีถอยรุ่นไปจากเมืองบอสตัน
ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันและกองทัพปฏิวัติรู้สึกฮึกเหิมเป็นที่สุด และเกิดความมั่นใจว่าพวกเขาจะชนะสงครามในครั้งนี้ได้
แต่เมื่อถึงเดือนสิงหาคมของปี ค.ศ. 1776 ผู้นำทัพของอังกฤษชื่อ เซอร์วิลเลียม ฮาว (William Howe) ก็บุกโจมตีเมืองนิวยอร์กและสามารถชนะกองทัพของอเมริกาได้ที่ Brooklyn Heights ( Battle of Brooklyn Heights หรือ Battle of Long Island ) จอร์จ วอชิงตัน ต้องพาทหารกองทัพปฏิวัติ 9,000 นายหนีไปเรื่อยๆ
เซอร์วิลเลี่ยม ฮาว ภาพจาก wikipedia
ในเดือนตุลาคมก็มีการรบครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกครั้ง (Battle of Whtie Plains) และเป็นอีกครั้งหนึ่งที่กองทัพของฝ่ายอเมริกาต้องพ่ายแพ้และถอยหนีลงใต้ไปเรื่อยๆ
ตลอดช่วงฤดูใบไม้ผลิ การรบเป็นเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แพ้แล้วถอย แพ้แล้วถอย ไปเรื่อยๆ กองทัพอังกฤษคอยไล่ตามไล่บี้ไปเรื่อยๆ จากนิวยอรก์ลงใต้ไปนิวเจอร์ซีย์ ลงใต้ไปเพนซิลเวเนีย กองทัพอังกฤษเอาชนะและยึดป้อมปราการสำคัญ ๆ ของอเมริกาได้หลายแห่ง
จนลมหนาวเริ่มมาเยือน
ตอนที่ 2 ฤดูหนาวแห่งความสิ้นหวัง
เดือนธันวาคม ปีค.ศ. 1776
อีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันคริสต์มาสแล้ว แต่บรรยากาศในกองทัพของ วอชิงตัน ดูหมองหม่นมากๆ ทหารแต่ละคนนั่งคอตก ไม่พูด ไม่คุย ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ
ปกติสงครามในสมัยก่อนเมื่อถึงดฤดูหนาวก็จะหยุดพักรบกัน การหยุดนี้ส่วนใหญ่จะไม่แจ้งกันเป็นทางการ แต่จะหยุดกันไปเองเมื่อคิดว่าสู้กับสภาพอากาศไม่ไหว
เมื่อกองทัพของวอชิงตันถอยร่นมาจนถึงแม่น้ำ Delaware เขาก็พากองทัพขึ้นเรือข้ามแม่น้ำหนีไปยังรัฐเพนซิลเวเนีย โดยนำเรือที่หาได้แถวนั้นทั้งหมดข้ามไปด้วย เพื่อไม่ให้กองทัพอังกฤษสามารถข้ามแม่น้ำตามไปได้
ภาพแสดงเส้นทางไหลของแม่น้ำ Delaware ที่กั้นระหว่าง New Jersey และ Pennsylvania
และด้วยกลยุทธ์นี้เมื่อทหารอังกฤษมาถึงจึงเลือกที่จะพักและปักหลักรอที่นิวเจอร์ซีย์ให้ฤดูหนาวผ่านไปก่อน
ขนาดกองทัพของวอชิงตัน ตอนนี้เหลือเพียงแค่ 10 เปอร์เซนต์ ของตอนเริ่มต้นเท่านั้น เขาสูญเสียทหารไปมากมายในช่วงหลายเดือนที่ผ่าน ส่วนหนึ่งเสียชีวิตจากสงคราม บางส่วนถูกจับเป็นเชลย ที่หนีทัพไปก็ไม่น้อย แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เมื่อถึงวันที่ 1 มกราคม ทหารอีกจำนวนมากกำลังจะสิ้นสุดหน้าที่ และสามารถแยกย้ายเดินทางกลับบ้านได้ ซึ่งก็ไม่เสียหายอะไรเพราะปกติช่วงฤดูหนาวก็ไม่มีการรบกันอยู่แล้ว
แต่คำถามคือ เมื่อการรบจะเริ่มต้นอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิ จะหาทหารจากที่ไหนมาช่วยรบ ?
โดยปกติ เมื่อฤดูหนาวกำลังจะผ่านพ้นไป ทหารที่แยกย้ายไป ก็จะสมัครมารบกันอีกครั้ง แต่ในหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากรบแพ้แล้วต้องถอยหนีไปเรื่อยๆทำให้ ชื่อเสียงของวอชิงตันเสียหายป่นปี้ไปจนหมด จากเดิมที่ผู้คนชื่นชมและเชื่อมั่น บัดนี้ วอชิงตันถูกมองว่าเป็นผู้นำที่ไม่เก่ง และไม่น่าติดตามอีกต่อไป ดังนั้น เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ใครจะกล้ากลับมาร่วมรบกับวอชิงตันอีก
แม้แต่ตัววอชิงตันเองก็ยอมรับว่าเขารู้สึกเหมือนเกมใกล้จะจบลงแล้ว
ทางฝ่ายอังกฤษก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
จากจดหมายของนายทหารอังกฤษที่เขียนกลับไปเล่าให้ที่บ้านฟังว่า กองทัพอเมริกาในขณะนี้เสียขวัญและกำลังใจเป็นอย่างมาก ไม่มีใครเชื่อมั่นในผู้นำ จดหมายบางฉบับเชื่อว่าทุกอย่างจบลงแล้วและเขากำลังจะได้เดินทางกลับบ้าน
จดหมายบางฉบับบรรยายว่าพวกทหารอเมริกาขณะนี้ไม่เหลืออะไรที่จะต่อสู้ได้อีกแล้ว พวกเขาไม่มีทั้งรองเท้า ไม่มีผ้าห่ม แม้แต่อาหารก็ยังไม่ค่อยมีกิน
1
นายทหารของอังกฤษหลายคนเชื่อว่า เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง กองทัพปฏิวัติคงจะสลายตัวไปหมด และไม่น่าจะมีการรบเกิดขึ้นอีก
ถึงขนาดว่า เซอร์ วิลเลี่ยม ฮาว กล้าที่จะเดินทางไปพักผ่อนที่นิวยอร์กซึ่งสะดวกสบายกว่า ส่วน ลอร์ด ชาล์ส คอร์นวอลลิส (Charles Cornwallis) ผู้นำทัพไล่บี้วอชิงตันมาตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็วางแผนจะกลับไปพักผ่อนที่อังกฤษเช่นกัน
Charles Cornwallis
แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป สถานการ์ณจะพลิกกลับ
และทั้งหมดเกิดขึ้นในเวลาแค่ 10 วันเท่านั้น
วอชิงตัน ทำได้อย่างไร ?
ตอนที่ 3 Battle of Trenton
แม้ว่าทางฝ่ายอังกฤษจะคิดว่ากองทัพอเมริกาไม่เหลือกำลังพอจะเป็นฝ่ายรุกอีกต่อไปแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาทจึงให้มีการกระจายกำลังเป็นกองร้อยเล็กๆ เรียงตัวตามแนวยาวของแม่น้ำ
กองทัพของอังกฤษนอกเหนือไปจากทหารชาวอังกฤษแล้วยังมีทหารรับจ้างจากเยอรมันมาร่วมรบด้วยประมาณ 30,000 คน ทหารรับจ้างเหล่านี้มีเรียกว่า เฮชชั่น ( Hessian เพราะมาจากเมือง Hesse-Kassel ในเยอรมัน) ซึ่งหนึ่งในกองร้อยของทหารเฮชชัน ที่มาร่วมรบนั้น ถูกวางกำลังไว้ตรงข้ามแม่น้ำกับบริเวณที่วอชิงตันตั้งทัพไว้พอดี
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าทำไมวอชิงตันจึงตัดสินใจทำเช่นนั้น
เขาอาจจะมองว่าไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว และอีกแค่ 5-6 วัน กองทัพปฏิวัติของเขาก็จะสูญสลายไปหมดสิ้น หรือวอชิงตันอาจจะมองว่า สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนั้นคือ การเรียกความเชื่อมั่นให้คืนกลับมา อย่างอื่นยังไม่ต้องไปคิดถึง
ไม่ว่าในใจเขาจะคิดอะไร สุดท้ายวอชิงตันก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงเป็นครั้งสุดท้าย
เขาวางแผนที่จะไปพาทหารอเมริกันไปโจมตีกองทหาร เฮชชัน ประมาณ 1,400 คนที่ปักหลักอยู่ที่เมือง เทรนตัน (Trenton) รัฐนิวเจอร์ซีย์ในฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ
โดยแบ่งทหารเป็น 3 กอง แยกเดินทางกันไป และเมื่อข้ามน้ำไปได้จะไปรวมตัวกันอีกครั้งที่เมือง เทรนตัน วอชิงตันวางแผนจะออกเดินทางในทันทีที่พระอาทิตย์ตกดินและหวังว่าจะไปถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อให้ความมืดช่วยปิดบังการเคลื่อนไหวของกองทัพอเมริกา และสามารถโจมตีโดยไม่ให้กองทัพ เฮชชัน รู้ตัว
3
แต่เมื่อถึงเวลาจริงในคืนวันคริสต์มาส การเดินทางก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะระหว่างที่กำลังล่องเรืออยู่กลางแม่น้ำก็มีพายุมา และด้วยฝน หิมะและลมหนาว ทำให้การข้ามแม่น้ำที่เย็นจนเป็นน้ำแข็งเป็นไปอย่างยากลำบาก การเดินทางช้ากว่าที่คิดไว้มาก และสุดท้ายทหาร 3 กองที่เดินทางข้ามแม่น้ำมาด้วย มีเพียงกองร้อยเดียว คือกองร้อยที่นำโดยวอชิงตันและทหารจำนวน 2,400 คนเท่านั้นที่ข้ามมาได้
จากแผนเดิมที่ตั้งใจว่าจะบุกมา 3 กองร้อยและโจมตีท่ามกลางความสลัวก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเต็มที่ ก็กลายเป็นว่า มาได้แค่กองร้อยเดียวและต้องโจมตีในช่วงเวลาที่สว่างแล้ว
วอชิงตันต้องตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อดี เขาจะทำตามแผนเดิมแล้วบุกไปโจมตีไหม หรือจะล้มเลิกแผนแล้วข้ามแม่น้ำหนีกลับไป
วอชิงตันตัดสินใจที่จะบุก
เขาแยกทหารออกเป็นสองกอง แล้วด้วยความที่หลังพายุสภาพอากาศยังแย่ หมอกที่หนาจึงช่วยบดบังให้ทหารอเมริกันสามารถเดินทางต่อไปยังเมืองเทรนตันได้โดยที่ทหารทางฝั่งอังกฤษไม่รู้ตัว
แล้วการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น ด้วยความที่ทหารเฮนเชน โดนโจมตีโดยไม่ทันได้ตั้งตัวและมีจำนวนที่น้อยกว่า ทำให้การรบในครั้งนั้น ทางฝ่ายอเมริกัน ชนะไปอย่างท่วมท้น โดยทหารชาวเยอรมันเสียชีวิตบาดเจ็บประมาณ 100 คนและถูกจับเป็นเชลยอีกกว่า 900 คน ส่วนทหารอเมริกันเสียชีวิตไปไม่ถึง 10 คน
Battle of Trenton
หลังจากที่ขโมยยุทโธปกรณ์และเสบียงได้แล้ว กองทัพอเมริกาพร้อมเชลยก็ลงเรือข้ามแม่น้ำ Delaware กลับไป
ไม่นานนักข่าวของชัยชนะครั้งนี้ก็แพร่กระจายไปในฝั่งอเมริกาอย่างรวดเร็ว และกำลังใจก็เริ่มกลับคืนมา
ตอนที่ 4 Battle of the Assunpink Creek และ Battle of Princeton
หลังชัยชนะเล็กๆในเช้าวันที่ 26 ธันวาคม วอชิงตันก็เห็นว่า กระแสกำลังมาจะหยุดแค่นั้นไม่ได้ เขาจึงวางแผนโจมตีอีกครั้งในระดับที่ใหญ่ขึ้น
แต่การโจมตีในครั้งนี้เขาต้องการกำลังทหารที่มากกว่าเดิม จึงดึงทหารจากกองรบอื่นๆมาสมทบ และพยายามโน้มน้าวทหารที่กำลังจะหมดสัญญาในวันที่ 1 มกราคม ให้อยู่ร่วมรบกันต่อ โดยครั้งนี้พวกเขาจะบุกไปที่เมือง Princeton
หลังการถูกโจมตีในครั้งนั้น นายพล ฮาว ก็เรียกตัว ลอร์ด คอร์นวอลลิส ให้กลับมาประจำการและยกกองทัพจำนวน 6,000 นายไปแก้แค้นวอชิงตัน
เมื่อกองทัพเดินทางมาถึงเมือง Princeton เขาก็แบ่งทหารอังกฤษประมาณ 1,400 คน ไว้ประจำการที่นั่น และให้ทหารที่เหลือเดินทางมุ่งหน้าไปหากองทัพของวอชิงตัน
หลังจากที่กองทัพของวอชิงตันข้ามแม่น้ำ Delaware มาที่เมือง เทรนตันแล้ว เขาก็ได้รับข่าวแจ้งว่าทหารอังกฤษกำลังมุ่งหน้ามา เขาจึงตัดสินใจที่จะตรึงกำลังไว้เพื่อต้านการเดินหน้าของคอร์นวอลลิสอยู่ที่บริเวณห้วยแห่งหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า แอสซันพิงค์ (Assunpink creek) ที่เมืองเทรตัน
การรบที่ Assunpink creek ทหารอังกฤษพยายามจะบุกไปหลายระลอก แต่ทหารอเมริกาก็สามารถยันต้านไว้ได้ทุกครั้ง อย่างไรก็ตามการบุกแต่ละครั้งก็ทำให้การตั้งรับของอเมริกาอ่อนแรงลงและต้องถอยร่นไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็เหมือนว่าจะยันต่อไปได้อีกไม่นาน แต่ถึงตอนนั้นก็พลบค่ำพอดี ทำให้การมองเห็นเป็นไปอย่างยากลำบาก
Assunpink creek
คอร์นวอลลิส จึงปรึกษาเหล่าที่ปรึกษาว่าจะบุกต่อไหม หรือจะหยุดพัก
ที่ปรึกษาแต่ละคนก็มีความเห็นที่ต่างกัน บางคนแนะนำว่าควรจะบุกต่อเลยไม่เช่นนั้นทหารอเมริกันอาจจะหนีไปได้ แต่บางคนก็มองว่าทหารอเมริกันไม่มีทางที่จะหนีไปได้ การส่งทหารที่เหนื่อยล้าไปในยามค่ำคืน มีความเสี่ยงที่จะโดนซุ่มยิงตายสูง
ส่วนตัวคอร์นวอลลิส ก็อยากจะบุกต่อ แต่เขามองว่ายังไงก็คงชนะอยู่แล้ว รอบุกตอนสว่างอาจจะช่วยให้เสียกำลังทหารน้อยกว่า สุดท้ายเขาจึงพูดว่า ยังไงเราก็ต้อนจิ้งจอกแก่มาจนหนีไปไหนไม่ได้แล้ว เราค่อยไปจับใส่ถุงในตอนเช้าก็ยังได้ แล้วตัดสินใจที่จะพักการบุกไว้ก่อน
ทางฝ่ายวอชิงตันเองก็รู้ว่าคงจะยันกองทัพอังกฤษต่อไปได้อีกไม่นาน จึงเกิดกังวลว่าเมื่อถอยหนีถึงจุดหนึ่ง กองทัพของเขาจะโดนไล่ไปจนหลังชนแม่น้ำ ไม่สามารถถอยหนีต่อไปได้ และถ้าเป็นเช่นนั้น เขาก็คงต้องยอมแพ้ให้กับกองทัพอังกฤษ
เขาจึงวางแผนโดยใช้ความมืดให้เป็นประโยชน์อีกครั้ง
วอชิงตันตัดสินใจให้ทหารส่วนใหญ่แอบหนีออกไปในตอนกลางคืน โดยเสี่ยงที่จะเดินทางอ้อมไปด้านหลังของกองทัพอังกฤษไป
ทหารส่วนน้อยที่ยังอยู่ในค่ายก็หลอกโดยการจุดไฟไว้ที่ค่าย แล้วให้ทำเสียงเหมือนลากกิ่งไม้และขุดดิน เพื่อให้ทางอังกฤษคิดว่า อเมริกามีแผนจะขุดกำบังแล้วปักหลักสู้อยู่ตรงนั้น
เช้าวันที่ 3 มกราคม กองทัพหลักของวอชิงตันก็เดินทางไปถึงเมือง Princeton และด้วยกำลังพลที่มากกว่าก็สามารถชนะทหารอังกฤษได้อย่างง่ายด้วย
ชัยชนะในครั้งนี้จึงเป็นการชนะครั้งที่ 3 ในรอบ 10 วันที่ผ่านมา
1
ตอนที่ 5 Aftermath
หลังการพ่ายแพ้ 3 ครั้งติดกัน นายพล ฮาว ก็ตัดสินใจสั่งถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากนิวเจอร์ซีย์ แล้วกลับไปตั้งหลักที่นิวยอร์ก เพื่อรอให้ฤดูหนาวผ่านพ้นไปแล้วค่อยว่ากันใหม่
การพ่ายแพ้ 3 ครั้งนี้เป็นการพ่ายแพ้ที่เล็กน้อยมากๆ สำหรับกองทัพอังกฤษ คือ แทบไม่ได้ใส่ใจเลยก็ว่าได้
แต่ชัยชนะเล็ก ๆ เหล่านี้มีผลต่อกำลังใจของฝ่ายอเมริกาเป็นอย่างมาก
แม้ว่าการรบจะดำเนินต่อไปอีกหลายปีกว่าอเมริกาจะเอาชนะกองทัพของอังกฤษได้ แต่หลัง 10 วันนั้น ชาวอเมริกันและกองทัพอเมริกาก็ไม่เคยลังเลสงสัยอีกเลยว่า การประกาศอิสรภาพเป็นความคิดที่ถูกต้องหรือไม่
เหตุการณ์ในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า
บางครั้งในช่วงเวลาที่อับจนหนทางที่สุด สิ่งที่เราต้องการอาจไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่เป็นแค่บางสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เรามีกำลังใจจะสู้ต่อ
การข้ามแม่น้ำ Delaware ไปเก็บชัยชนะเล็กๆของวอชิงตันครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
ในแง่กำลังพล ชัยชนะ 3 ครั้งนี้แทบไม่มีผลกระทบอะไรต่อกองทัพอังกฤษเลย
แต่เป็นชัยชนะที่สามารถเรียกความมั่นใจในตัววอชิงตันให้คืนกลับมา
เป็นชัยชนะที่ทำให้กองทัพอเมริกายังไม่สูญสลายไปเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง
และเป็นชัยชนะที่ทำให้ชาวอเมริกันยังมีกำลังใจจะสู้รบต่อ
ถ้าคืนวันที่ 25 ธค. ปีนั้น วอชิงตันเลือกที่จะถอดใจและไม่ข้ามแม่น้ำ Delaware
วันนี้โลกก็คงไม่มีประเทศมหาอำนาจที่ชื่อ สหรัฐอเมริกา
(Ad)
อ่านจบแล้ว ใครยังไม่สะใจอยากอ่าน non-fiction ที่สนุกเช่นนี้อีก ลองเข้าไปเลือกซื้อหนังสืออ่านเพิ่มเติมได้จากลิงก์ด้านล่างทั้ง 2 ครับ
1
อ่านบทความประวัติศาสตร์อื่นๆใน facebook ได้ที่
อ่านบทความวิทยาศาสตร์และการแพทย์ได้ที่
คลิปวีดีโอเกี่ยวกับประวัติศาสตร์
เพิ่งเริ่มทำนะครับ ช้านิดแต่จะมีคลิปใหม่ๆตามมาอีกแน่นอน
โฆษณา