27 ธ.ค. 2019 เวลา 12:02 • กีฬา
JACKRABBIT BOXING : โรงฝึกมวยแห่งความหวัง ท่ามกลางความเสื่อมโทรมของ ลอส แอนเจลิส
“ทำไมถึงจะกลับไปที่เมืองแห่งพระเจ้า ทั้งๆ ที่พระเจ้าไม่เคยสนใจเราเลย” นี่คือหนึ่งในประโยคสุดคลาสสิคจาก “CITY OF GOD” ภาพยนตร์สัญชาติบราซิล ดีกรีเข้าชิง 4 รางวัลออสการ์ในปี 2002 บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายใน “CIDADE DE DEUS” สลัมอันเสื่อมโทรมที่สุดในกรุง ริโอ เดอ จาเนโร ซึ่งตรงกันข้ามกับชื่อของมันที่แปลว่า “เมืองแห่งพระเจ้า” เสียเหลือเกิน
สาเหตุที่เรายกเรื่องราวเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่อง City of God มาเกริ่นนำ ก็เพราะว่าสถานที่ที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมดในบทความนี้ก็ไม่แตกต่างจากสภาพของเมืองแห่งพระเจ้าในประเทศบราซิลเท่าไรนัก
มันคือย่าน ลองบีช ในเมือง ลอส แอนเจลิส มลรัฐ แคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นสถานที่ที่มีแสงแดดตลอดทั้งปี อบอวลด้วยกลิ่นเกลือจากทะเลที่โชยมาตามสายลม โดยรวมมันคือย่านที่สวยงาม เพียงแต่ว่ามันคือความสวยงามที่อาบด้วยยาพิษ เพราะเรื่องราวเบื้องหลังนั้นเต็มไปด้วยอาชญากรรม ความรุนแรง ยาเสพติด การสู้รบกันระหว่างแก๊ง เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ ขัดกับเมืองที่ได้รับการขนานนามว่า “City of Angels” ราวฟ้ากับเหว
อย่างไรก็ตามท่ามกลางความเสื่อมโทรมนี้ ก็มีแสงสว่างดวงน้อยๆ เกิดขึ้น มันคือสถานที่แห่งความหวังท่ามกลางความสิ้นหวังอันมืดมิด สถานที่นั้นมีชื่อว่า “Jackrabbit Boxing and Gym”
ไม่อยากให้ใครตายบนถนน
Jackrabbit Boxing and Gym ตั้งอยู่ในย่าน ลองบีชตะวันออก เมือง ลอสแอนเจลิส ที่นี่คือโรงฝึกมวยขนาดไม่ใหญ่โต เมื่อเปิดประตูเดินเข้าไปจะพบกับกลุ่มสุนัขพันธุ์พิตบูลเทอเรียร์กรูกันออกมาจากแสงไฟสลัวเพื่อต้อนรับ ถัดเข้าไปข้างในจะเห็นเด็กหนุ่มในวัยฉกรรจ์มากมายหลายชีวิตกำลังฝึกซ้อมกันอย่างจริงจัง
Photo : www.lbjackrabbitboxing.com
“ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นในปี 2011” ไอวาน ซิลเว เจ้าของ Jackrabbit Boxing and Gym ให้สัมภาษณ์กับสื่อ South China Morning Post
ซิลเว เล่าว่าในตอนแรกโรงฝึกที่นี่ไม่ใช่ของเขา ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด เขาเพียงแต่พาลูกชาย “แอชตัน ซิลเว” ซึ่งตอนนั้นอยู่ในวัย 7 ขวบ มาฝึกซ้อมมวยที่นี่เพื่อเป็นกิจกรรมเสริมสร้างทักษะในยามว่างเท่านั้น
“หลังจากนั้นก็มีพวกเด็กๆ ในละแวกนี้มาเกาะขอบรั้วของโรงฝึก ดูผมกับลูกฝึกซ้อม แต่พวกเขาไม่สามารถเข้ามาข้างในได้ เพราะไม่มีเงินค่าสมาชิก” แต่ด้วยค่าสมาชิกที่ถูกเอามากๆ ซิลเวจึงตัดสินใจจ่ายค่าสมาชิกให้เด็กๆ เหล่านั้น ถึงจะไม่ได้วางแผนไปไกล แต่นี่คือจุดเริ่มต้นของชุมชนเล็กๆ ที่ซิลเวสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว
Photo : www.scmp.com
“2 ปีต่อมา ลูกของผมกับเด็กๆ ที่ผมจ่ายค่าสมาชิกให้ก็เริ่มเติบโตขึ้นในเส้นทางการชกมวย เริ่มมีการต่อยในแมตช์สมัครเล่นหาเงินเลี้ยงชีพได้ แต่อยู่ๆ เจ้าของคนเก่าเขาก็อยากเลิกกิจการ เขามาถามว่าผมสนใจจะซื้อโรงฝึกนี้ต่อมั้ย”
“ผมตอบเขาไปว่าผมไม่มีเงินหรอก แล้วก็กลับบ้านไป แต่แล้วคืนนั้นผมกลับนอนไม่หลับ ในสมองผมวนเวียนอยู่แต่เรื่องนี้ เอาแต่คิดว่าถ้าไม่มีโรงยิมแห่งนี้แล้ว เด็กๆ พวกนี้ก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตเสี่ยงอันตรายบนท้องถนนเหมือนเดิมอีกน่ะสิ”
เช้าวันรุ่งขึ้นซิลเวก็ตัดสินใจกัดฟันใช้เงินจำนวนมากซื้อต่อกิจการโรงฝึกแห่งนี้ต่อจากเจ้าของคนเก่า โดยจุดประสงค์ของเขาคือต้องการให้สถานที่แห่งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับชุมชน เปิดโอกาสให้เด็กๆ ในละแวกเข้ามาฝึกมวยได้แบบฟรีๆ นั่นคือสิ่งที่ซิลเววาดฝันไว้ โดยที่เขาไม่คาดคิดเลยว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลต่อชีวิตของเขาเองและเด็กๆ อีกหลายคนไปตลอดกาล
สถานที่แห่งความหวังของผู้สิ้นหวัง
“ผมทะเลาะวิวาทนับครั้งไม่ถ้วน จนสุดท้ายผมก็โดนไล่ออกจากโรงเรียน” จาเร็ด โกเมซ เด็กหนุ่มวัย 20 ปี จากย่านลองบีชกล่าว
Photo : lbpost.com
ไม่ต่างจากวัยรุ่นคนอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน ชีวิตของโกเมซเต็มไปด้วยความรุนแรง ไร้ซึ่งแสงแห่งความหวัง แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้มาพบกับ Jackrabbit Boxing and Gym สถานที่ที่ได้มอบชีวิตใหม่ให้กับเขา
“มวยทำให้ผมเติบโตขึ้นทั้งในฐานะมนุษย์คนหนึ่งและในฐานะลูกผู้ชาย แต่ที่สำคัญที่สุดคือมันทำให้ปัญหาต่างๆ ในชีวิตของผมหายไป”
โกเมซค้นพบว่าความรุนแรงภายในสังเวียนนั้นทำให้เขาสามารถหลีกหนีจากความรุนแรงในชีวิตจริงได้ และไม่ว่าใครจะมอง Jackrabbit Boxing and Gym ยังไง มันอาจเป็นสถานที่ที่ขับเคลื่อนด้วยกีฬาที่เต็มไปด้วยความรุนแรงอย่างมวย และเต็มไปด้วยเด็กหนุ่มวัยฉกรรจ์ แต่สำหรับโกเมซเขาให้นิยามถึงสถานที่แห่งนี้สั้นๆ ว่า
“มันคือความสงบสุขของชีวิต”
นอกจาก จาเร็ด โกเมซ แล้ว ลอนนี่ อดัมส์ ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เขากล้าพูดได้เต็มปากกว่า Jackrabbit Boxing and Gym ช่วยชีวิตเขาไว้
อดัมส์ คือเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ มาพร้อมส่วนสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว (198 เซนติเมตร) น้ำหนัก 200 ปอนด์ (90 กิโลกรัม) รอยสักขนาดใหญ่เต็มหน้าอก บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าภูมิหลังของเขาย่อมไม่ธรรมดา อดัมส์เติบโตในบ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งที่ที่เขาอยู่นั้นเต็มไปด้วยความรุนแรง มีการใช้กำลังกันไม่เว้นแต่ละวัน บางครั้งก็หนักถึงขั้นมีเด็กคนอื่นในบ้านฆ่าตัวตายต่อหน้าเขา
“ที่นั่นมันบ้ามากๆ” อดัมส์พูดถึงชีวิตในวัยเด็กกับสื่อ LB Post
เมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น อดัมส์ก็ได้รับการอุปถัมภ์ออกมา นั่นคือครั้งแรกที่เขาได้ออกมาใช้ชีวิตนอกรั้วเหล็ก อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ความโชคดี เพราะคนที่อุปถัมภ์เขาออกมาคือหนึ่งในสมาชิกแก๊งอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในย่านลองบีช พวกเขาเพียงแค่เห็นแววในตัวอดัมส์เท่านั้น ดูเป็นคนรูปร่างใหญ่ แข็งแรง น่าจะใช้ประโยชน์ได้
อดัมส์ยอมรับว่าในตอนนั้นเขาอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่ได้อยากเป็นสมาชิกแก๊ง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตในเส้นทางไหนต่อไป
Photo : boxrec.com
“ผมเบื่อการที่ต้องต่อสู้ข้างถนน ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต”
จนกรทั่งวันหนึ่งอดัมส์ก็พบกับ Jackrabbit Boxing and Gym เขาบอกว่ามันคือสถานที่ที่เหมาะกับเขามากๆ เขาสามารถใช้การต่อสู้ที่เขาถนัดเปลี่ยนมาเป็นเรื่องสร้างสรรค์และสามารถสร้างอนาคตให้กับเขาได้
“ผมตัดสินใจที่จะออกจากแก๊ง หันหลังให้กับชีวิตแบบนั้น เพราะอย่างน้อยผมก็อยากอยู่ให้ถึงวันเกิดครบรอบ 25 ปีของตัวเอง”
มันคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะในตอนนี้ถึงจะยังไม่ประสบความสำเร็จหรือมีชื่อเสียง แต่ในวงการมวยสมัครเล่น อดัมส์ก็ชนะมาแล้ว 17 ไฟต์รวด ได้รับรางวัล Golden Gloves Champion จากแคลิฟอร์เนียตอนใต้ แน่นอนว่ามีอนาคตสดใสรอเขาอยู่
นี่เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น เพราะนับตั้งแต่ก่อตั้งโรงฝึกอย่างเป็นทางการในปี 2013 จนถึงปัจจุบัน Jackrabbit Boxing and Gym ได้มีส่วนช่วยให้เด็กหนุ่มมากกว่า 1,000 คนได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เป็นเรื่องราวที่งดงามตามปณิธานที่ ไอวาน ซิลเว ได้ตั้งใจไว้ อย่างไรก็ตามซิลเวยังมีอีกหนึ่งความตั้งใจ เขาอยากจะให้ Jackrabbit Boxing and Gym เป็นมากกว่าโรงฝึกมวย
โรงฝึกเพื่อสังคม
“นอกจาก Jackrabbit Boxing and Gym แล้ว ผมอยากจะให้มี Jackrabbit Boxing Academy ด้วย เพราะถึงแม้การชกมวยจะช่วยสังคมได้ แต่มันก็เป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการอย่างเร่งด่วนจริงๆ คือ อาหาร เสื้อผ้า และการศึกษา”
“ผมเคยเห็นคุณแม่คนหนึ่งต้องขายเลือดเพื่อเอาเงินมาซื้ออาหารให้ลูกๆ มันคือสิ่งที่ผมทนดูไม่ได้จริงๆ”
Photo : www.letthebellring.com
จากหนุ่มนักบัญชี ในตอนนี้ ไอวาน ซิลเว ได้กลายเป็นบุคคลผู้อุทิศตนเพื่อสังคมไปโดยสมบูรณ์แล้ว เขาบอกว่ายิ่งเขาได้ช่วยเหลือผู้คนมากเท่าไร เขาก็ยิ่งเห็นว่ามีคนอีกมากมายยังคงต้องการความช่วยเหลือมากเท่านั้น ดังนั้นนี่คือภารกิจที่ไม่มีวันเสร็จสิ้น
Jackrabbit Boxing Academy ก่อตั้งขึ้นหลังจาก Jackrabbit Boxing and Gym เริ่มต้นขึ้นได้ประมาณ 2-3 ปี ตามความตั้งใจของ ซิลเว เขาอยากให้มันเป็นสถานที่ที่เป็นเหมือนจุดศูนย์รวมของชุมชน ช่วยเหลือผู้ขาดแคลนในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า หรือการศึกษา ซึ่งแน่นอนว่า ซิลเว เป็นแค่พนักงานทำบัญชีธรรมดาคนหนึ่ง เขาไม่ได้ร่ำรวย การที่จะทำตามความตั้งใจเขาได้ ซิลเวคำนวนไว้ว่ามันต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงถึงปีละ 75,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณเกือบ 3 ล้านบาท ดังนั้นทางเลือกของเขาคือการรับบริจาค ระดมทุนจากที่ต่างๆ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ซิลเวก็ไม่คิดจะยอมแพ้
“พวกเราทุกคนต้องช่วยกันที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเช่นเด็กๆ ในโรงฝึกเราถ้าที่บ้านใครมีอาหารเหลือก็จะนำมาที่ Jackrabbit Boxing Academy เพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ขาดแคลน เช่นเดียวกันกับเสื้อผ้า หรือถ้าครอบครัวของเด็กคนไหนพ่อแม่ขาดแคลนอาชีพ ถ้ามีตำแหน่งในโรงฝึกเราว่าง เราก็จะเลือกจ้างพวกเขาทันที”
“เรื่องการศึกษาก็เหมือนกัน เพราะไม่ใช่ทุกคนในโรงฝึกเราจะเอาดีเรื่องการชกมวยเป็นอาชีพได้ ดังนั้นจึงต้องมีทางเลือกเรื่องการศึกษาควบคู่ไปด้วย Jackrabbit Boxing Academy จึงทำหน้าที่เป็นเหมือนการศึกษานอกห้องเรียน จะมีการทดสอบวิชาความรู้ ถ้าใครไม่ผ่านก็หมดสิทธิ์ที่จะฝึกมวย ต้องไปอ่านทบทวนมาใหม่”
Photo : www.scmp.com
นี่แหละคือมุมมองและวิธีคิดของชายที่ชื่อ ไอวาน ซิลเว ทุกวันนี้เขาและเหล่าครูฝึกแห่ง Jackrabbit ได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับพวกเด็กๆ ทุกคนในความดูแลไปเรียบร้อยแล้ว และถึงแม้การใช้ชีวิตแบบนี้จะเหน็ดเหนื่อยหรือยากลำบากขนาดไหน แต่สำหรับ ซิลเว นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจะทำไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่
“ผมไม่ได้ชอบการทำงานด้านบัญชีหรอก ผมทำแค่เพราะมันได้เงินเยอะ แต่สิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ การได้ช่วยเหลือพวกเด็กๆ มันคือความสุขในจิตใจที่ผมค้นพบ และผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างมันให้ออกมาดีที่สุด” ซิลเวกล่าวทิ้งท้าย
บทความโดย เพรียวพันธ์​ แสน​ลาวัณย์​
โฆษณา