28 ธ.ค. 2019 เวลา 15:53 • บันเทิง
MovieTalk หนังชนโรง: ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ
ของบางอย่าง...มีเรื่องเราให้นึกถึง
จะ ‘ทิ้ง’ เพื่อตัดใจ
หรือ ‘เก็บ’ ไว้ไม่ให้ลืม
ด้วยภารกิจที่จะเปลี่ยนตึกแถวสามคูหาให้กลายเป็นออฟฟิศสไตล์ Minimal จีนจึงพยายามที่จะหาทางทิ้งสิ่งของทุกอย่างในบ้านที่ไม่ต่างจากโรงเก็บของไม่ได้ใช้แล้ว
สิ่งที่จีนต้องทำก็แค่พยายามหว่านล้อมให้แม่และพี่ชายของเธอเห็นดีเห็นงามกับการ ‘ทิ้ง’ ทุกอย่างในบ้าน ให้เหลือเพียงบ้านโล่ง ๆ เท่านั้น ในขณะที่แม่ย้อนถามจีนว่า
"บ้านโล่ง ๆ บ้ารึเปล่า?"
1
เมื่อลงมือปฏิบัติจริง จีนอาจจะทิ้งทุกอย่างลง ‘ถุงดำ’ ที่เธอบอกว่าไม่ต่างจาก ‘หลุมดำ’ เพียงเพราะไม่เห็น ก็จำไม่ได้ จำไม่ได้ก็เหมือนไม่มี
แต่เพราะของที่จะทิ้ง มันมี ‘เรื่องราว’ และ ‘เรื่องเรา’ ระหว่างจีนกับเพื่อน แต่นั่นคงไม่มีแรงสั่นสะเทือนได้มากเท่ากับ ‘กล้อง’ของพี่เอ็ม คนรักเก่าที่จีนทิ้งไปไม่ต่างจากทิ้งของลงถุงดำ
คนที่หายไป กับการที่กลับมาในชีวิต เพื่อจะ ‘เก็บกลับมา’ หรือ ‘ทิ้งเพื่อมูฟออน’ คือสิ่งที่จีนต้อง ‘ฮาวทู...’
เชื่อไหมว่า ‘สิ่งของ’ ในบ้านของคุณทุกชิ้นมันมี ‘เรื่องราว’ ของมัน และเรื่องราวมักเดินมาพร้อมกับ ’อดีต’ และอดีตคือแรงกระตุ้นให้เกิด ‘ความทรงจำ’ ต่อสิ่งของชิ้นนั้น
ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ จึงเป็นทั้งคำถามถึงวิธีปฏิบัติ นอกจากนี้ยังเป็นคำถามไปถึงจีนตัวละครหลักของเรื่อง และเมื่อดูหนังจบ คนดูก็คงต้องตั้งคำถามนี้กับตัวเอง เชื่อเถอะว่าหลายต่อหลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ คุณมีใครบางคนในอดีตที่ยังไงก็ไม่ลืม และมันซุกซ่อนอยู่ตรงไหนสักแห่ง รอคอยว่าสิ่งของบางชิ้น สถานที่บางแห่ง เหตุการณ์บางเหตุการณ์จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความทรงจำนั้น
และก็แน่นอนว่า หนังเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อผมเช่นเดียวกัน เงาของอดีตกับบางเหตุการณ์ในหนัง มันไม่ต่างจากการที่เรานั่งไทม์แมชชีนกลับไปสู่อดีตที่เป็นเรื่องของตัวเอง และทบทวนว่าในวันที่มีเหตุให้ต้องปฏิสัมพันธ์กับคนจากอดีตที่กลับเข้ามาอีกครั้ง สิ่งที่เราเลือกทำลงไปในวันนั้น มันคือทางออกที่ดีที่สุดจริงหรือ?
ถ้าจะถามหาผู้กำกับที่มีซิกเนเจอร์ของตนเองชัดเจน วิธีเล่าเรื่องที่มีสไตล์เฉพาะ และสารเร่งที่แฝงมากับหนังส่งผลต่อคนดู เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ ก็น่าจะเป็นหนึ่งในนั้น เป็นคนที่ไว้ใจได้เมื่อเราเข้าไปดูหนัง จะเอาอาร์ต จะเอาเรื่องราว หรือจะเอาอารมณ์ก็มีให้ได้จับต้องกันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานชิ้นก่อนอย่าง ฟรีแลนซ์ ที่สะท้อนภาพคนทำงานอิสระได้อย่างถึงแก่น
เช่นเดียวกับ ฮาวทูทิ้ง ที่สำหรับผม เหมือนถูกชกเข้าเบ้าตาเต็ม ๆ กับเรื่องราวที่(ขออภัยที่ต้องใช้คำนี้) โคตรจะใกล้ตัวมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น บ้าเก็บของที่ไม่ได้ใช้แล้วจนบ้านรก เก็บความทรงจำในอดีต หรือกระทั่งใช้ชีวิตไปวัน ๆ เหมือนไม่ได้รู้สึกรู้สากับอะไรรอบกายไม่ต่างจากจีนตัวละครในหนังเลย จนอาจจะบอกได้ว่า พี่เต๋อแกเหมือนทำหนังแบบเข้าไปนั่งในใจผมอย่างงั้นล่ะ
แต่ไอ้กรณีบ้านรก เก็บของที่ไม่ใช้ หยิบมาจะทิ้งแต่แล้วมันสปาร์คจอยเลยต้องเก็บต่อไป ก็เกิดขึ้นกับผู้อ่านได้แทบจะทุกคนนั่นล่ะ เพราะอาการสปาร์คจอยนี่ล่ะที่มันมีผลต่อสิ่งของ อดีต และความทรงจำ
เราจึงเห็นความย้อนแย้งในหนังเรื่องนี้แทบจะตลอดทั้งเรื่อง เริ่มตั้งแต่ หนังขึ้นข้อความ Step by Step ของฮาวทูทิ้ง ต้องทำอย่างไร แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย้อนแย้งเสมอ, รสนิยมแบบ Minimal Style ของจีนที่อยากได้อะไรเรียบ ๆ โล่ง ๆ ของน้อยชิ้น แต่บ้านตัวเองไม่ต่างจากคลังเก็บรับซื้อของเก่า หรือกระทั่งความรู้สึกของจีนที่ย้อนแย้งกับการกระทำ ที่เธอเริ่มต้นด้วยการเป็นสาวไร้หัวใจ ไร้อารมณ์ เป็นสาวหน้านิ่งมากกกกก พอ ๆ กับน้ำเสียงที่ราบเรียบมากกกกก และการใช้ชีวิตแบบไม่แคร์คนรอบข้าง กระทั่งสิ่งของที่จะทิ้งได้เข้ามาก่อกวนจนจีนเริ่มเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ภายนอก จนกลายเป็นสาวที่มีอารมณ์และความรู้สึกต่อสิ่งของ และผู้คนรอบตัวเธอ ซึ่งคนที่ปกปิดอารมณ์นี่ล่ะคือคนที่มักจะแสดงออกทางอารมณ์ได้มากยิ่งกว่าคนปกติทั่วไป
1
ถุงดำก็ดูเหมือนจะเป็นตัวละครไร้ชีวิตที่ปรากฏกายในหนังแทบจะตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งก็คือ Symbol ที่พี่เต๋อตั้งใจใส่ไว้ในหนัง ถุงดำเป็นทั้งพื้นที่ทิ้ง (หรือเก็บ) ความทรงจำแบบชั่วคราวและถาวร มันเคลื่อนย้ายเมื่อมีคนเอาไปทิ้ง หรือเราไปรื้อถุงดำ (ความทรงจำ) นั้นกลับมาเอง และถุงดำก็ปรากฏในบ้านหลังอื่น ๆ ได้เช่นกัน
ทั้งหมดต้องยกความดีงามพระรามแปดให้แก่ ออกแบบ ชุติมณฑน์ ที่ยังคงให้การแสดงแบบไว้วางใจได้เลย ในการรับบทเป็นจีน ที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด และให้การแสดงแบบ Minimal น้อยแต่มาก จนคนดูก็ต้องติดตามไปกับเธอด้วยว่าจะไปต่ออย่างไร หนึงในนักแสดงฝ่ายหญิงที่ไม่เคยห่วงสวย หรือภาพลักษณ์ดูดีเมื่อขึ้นจอ แต่การแสดงนี่แบบอินเนอร์มาเต็มเสมอ
บรรดาตัวละครรายรอบจีนที่เหลือ ทุกคนต่างก็ให้การแสดงที่เป็นธรรมชาติ พี่ซันนี่ในบทเอ็ม อดีตรักเก่าของจีน ที่ต้องรับมือกับการเข้ามาในชีวิตอีกครั้งของจีน พี่ซันนี่อาจจะมีบทเป็นรอง แต่นี่คือการกลับมาร่วมงานกับพี่เต๋ออีกครั้งหลังจาก ฟรีแลนซ์
พี่อุ๋ม อาภาศิริ นิติพน ที่มาในเวอร์ชั่นโทรมสุด ๆ กับบทแม่ ที่จมอยู่กับอดีตอันเจ็บช้ำที่ไม่แม้กระทั่งจะพยายามลืมหรือทิ้งมันไป
แต่ที่ต้องชื่นชมและถือว่าขโมยซีนแบบ Minimal ก็คือนักแสดงที่รับบทเป็น เจย์ พี่ชายของจีน รับบทโดย ถิรวัฒน์ โงสว่าง เอาเป็นว่าหนังดูผ่อนคลายขึ้นเมื่อตัวละครนี้ออกมา
ษริกา สารทศิลป์ศุภา ในบท มี่ แฟนปัจจุบันของเอ็ม ที่ถูกกั้นกลางในความสัมพันธ์ของถ่านไฟเก่า และ พัดชา กิจชัยเจริญ ที่โดดเด่นด้วยภาพลักษณ์ พอ ๆ กับการแสดงที่เป็นธรรมชาติ ทั้งสองต่างก็มีช่วงเวลาดี ๆ ของตนเอง
เตือนกันไว้ก่อนเลยว่า อย่าได้เข้าใจว่านี่คือหนังรักโรแมนติกฟีลกู๊ดตามสไตล์ GDH โดยเด็ดขาด
หนังคืองานดรามาขายอารมณ์ที่ไม่ได้แคร์ตลาดเหมือนหน้าหนังเรื่องอื่น ๆ ของ GDH และถ้าจะให้เปรียบเทียบกับฟรีแลนซ์แล้ว ต้องบอกเลยว่าฟรีแลนซ์เบากว่าฮาวทู และถ้าใครที่ตามงานของพี่เต๋อ นี่คือหนังที่เป็นแบบหนังของพี่เต๋อ นวพล อย่างชัดเจนกระทั่งเมื่อคุณลุกออกจากโรงหนังพร้อมกับคำถามผู้กำกับฝากคนดูเอากลับไปคิดต่อด้วยเสมอ
การจะจำหรือจะลืม มันอาจจะไม่ได้ขึ้นกับตัวเราเท่านั้น แต่บางทีมันอาจเกี่ยวข้องกับอีกคนหนึ่ง และไม่ว่าจะจำได้ด้วยความสุข หรือจำด้วยความทุกข์ จะพยายามลืมว่าเคยทุกข์ หรือพยายามลืมว่าเคยมีความสุขก็ตาม
ฮาวทูทิ้ง สำหรับแต่ละคนมันคงมีวิธีปฏิบัติต่างกัน แต่ที่เหมือนกันก็คือ ความรู้สึกเมื่อ ‘หยิบ’ ของสิ่งนั้นขึ้นมาเพื่อจะ ‘ทิ้ง’ เพื่อตัดใจ และเราพบว่า ‘เก็บ’ ไว้ไม่ให้ลืม เพราะในสิ่งของมีอดีต ในอดีตมีความทรงจำ ในความทรงจำมีความรู้สึก และความรู้สึกนั้นคือ ‘ความรัก’
หนังดีมูฟวี่การันตีครับ
(สำหรับคนที่อยากรู้จัก Minimal Style ให้มากขึ้น อ่านได้ท้ายบทความนี้ครับ)
ฮาวทูทิ้ง (Happy Old Year) (2019)
Directed: นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์/Starring: ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์, ษริกา สารทศิลป์ศุภา, ถิรวัฒน์ โงสว่าง, พัดชา กิจชัยเจริญ, อาภาศิริ นิติพน/Screenplay: นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์/Story: นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์/Music: ใจเทพ ร่าเริงใจ/Cinematography: นิรมล รอสส์/Edited: ชลสิทธิ์ อุปนิกขิต/Distirbuted: GDH 559/Running time: 115 Mins./Rated: ทป.
Minimal Style?
Minimal ตามคำจำกัดความของ Ludwig Mies van der Rohe สถาปนิกชาวเยอร์มัน-อเมริกัน “Less is more” ซึ่งถ้าจะให้ตีความก็น่าจะหมายถึง น้อยแต่มาก เรียบง่ายแต่ดูดี ไม่กี่ชิ้นแต่ดูแกรนด์ ซึ่ง Minmal นี่ล่ะที่เป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวพันกับเรื่องราวใน ฮาวทูทิ้ง
ด้วยความที่จีน นางเอกของเรื่องมีรสนิยมแบบ Minimalism และพยายามจะแต่งตึกแถวสามคูหาของบ้านเธอให้กลายเป็นแบบ Minimal Style ซึ่งหมายถึง สไตล์การแต่งบ้านที่เรียบง่าย ไม่เยอะ จัดองค์ประกอบให้มีสเปซว่าง และเฟอร์นิเจอร์ไม่มาก แต่เน้นที่ประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ ซึ่งเข้ากันพอดิบพอดี
โทนสีที่เลือกใช้คือ โมโนโทน เน้นสีอ่อน สร้างเส้นนำสายตา ความสมดุล ดูเรียบง่าย สงบ และผ่อนคลาย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเทรนด์ตกแต่งที่หนุ่มสาวยุคเจนวายนิยมกันมาก
Minimal Style ยังสามารถ Adapt ให้เข้ากับสไตล์การแต่งตัว สิ่งของเครื่องใช้ได้อีกด้วย โดยเน้นที่เรียบง่ายแต่ดูดี ไม่ต้องเยอะ คุมโทนสีด้วยสีโมโนโทน
ถึงตรงนี้แล้ว คุณเองก็อาจจะมี Minimal Style แบบไม่รู้ตัว
ขอบคุณที่มาข้อมูล: IMdb, Wikipedia, Ananda.co.th, The Standard, theminimalists.co,
ขอบคุณที่มาภาพประกอบ: movie.kapook.com, twitter.com, NYLon Thailand, Sanook, thairath.co.th, a day magazine, @happyoldyearmovie, freepik.com
โฆษณา