Military Drone
Big Picture
ข้อมูลพื้นฐาน
- บันทึกการนำอากาศยานไร้คนขับ (Unmanned Aerial Vehicle, UAV) มาใช้ในการรบเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1849 ในรูปแบบของ "Balloon Carrier" ของกองทัพเรือออสเตรเลีย
- การพัฒนา UAV ของสหรัฐฯ เพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติการทางทหารเกิดขึ้นในห้วงสงครามเย็น โดยในปี 1964 สหรัฐฯ ได้ใช้โดรนในภารกิจลาดตระเวน (Reconnaissance Drones) เพื่อติดตามขีดความสามารถด้านการป้องกันภัยทางอากาศและการพัฒนาโครงการนิวเคลียร์ของจีน
- ห้วงสงครามเวียดนาม โดรนถูกใช้ในภารกิจการประเมินความเสียหายจากการรบ (Battle Damage Assessment, BDA)
- ปี 1995 ทอ.สหรัฐฯ นำ "Predator" โดรนยุคโมเดิร์น (Modern Age) มาใช้ในภารกิจหาข่าวเป้าหมาย บ., การเคลื่อนย้ายของผู้ลี้ภัย รวมถึง BDA ใน Bosnia
- ปี 2000 "Predator" ถูกนำมาใช้ในการภารกิจการค้นหา Osama bin laden
- ปี 2001 สหรัฐฯ ติดขีปนาวุธ Hellfire ให้กับ Predator ซึ่งเป็นการติดอาวุธให้โดรนเป็นครั้งแรก (Armed Drone) และหลังเหตุการณ์ 911 การใช้โดรนติดอาวุธโจมตีผู้ก่อการร้ายกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดสงครามในรูปแบบใหม่
UAV, UAS, Drone ต่างกันอย่างไร
- Unmanned Aerical Vehicle (UAV) เป็นคำเรียกอากาศยานไร้คนขับ ซึ่งอาจจะมีการควบคุมจากคอมพิวเตอร์หรือมนุษย์ หรือไม่มีการควบคุมก็ได้
- อากาศยานไร้คนขับซึ่งไม่ต้องมีการควบคุมดังที่กล่าวในขั้นต้นเรียกว่า "Drone" ซึ่งในโลกที่เทคโนโลยีด้านปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือ AI มีความก้าวหน้า จะทำให้ Drone สามารถปฏิบัติการได้เป็นอิสระ 100% (Autonomous Drone)
- Unmanned Aerial System (UAS) ประกอบด้วยตัวอากาศยานและเครื่องประกอบทั้งหมด (Payload), ผู้ปฏิบัติ, ระบบควบคุม, ระบบอาวุธ, ระบบการสื่อสาร, วงรอบการส่งกำลัง และทหารที่เกี่ยวข้องกับภารกิจ
- กห.สหรัฐฯ จะใช้ UAS ในแผนต่างๆ เพื่อความครอบคลุม
ทบ.สหรัฐฯ กับ UAS
- กห. สหรัฐฯ ได้แบ่งประเภท UAS ออกเป็น 5 กลุ่มใหญ่ (Group 1 - 5) ตามขีดความสามารถซึ่งขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัย ได้แก่ น้ำหนัก, ระยะความสูงในการปฏิบัติการ และความเร็ว ซึ่ง ทบ.สหรัฐฯ มี UAS ที่อยู่ใน Group 1 ได้แก่ RQ-11A/B Raven, Group 3 ได้แก่ RQ-7B Shadow และ Group 4 ได้แก่ MQ-5A/B Hunter
- ทบ.สหรัฐฯ มีแผนในการพัฒนา การจัดหน่วย และการใช้ UAS ที่เรียกว่า "U.S. Army Roadmap for UAS" ฉบับล่าสุดเป็นแผนในห้วงปี 2010 - 2035 โดย UAS จะถูกใช้ตั้งแต่ระดับยุทธวิธีจนถึงระดับยุทธศาสตร์ในหน่วยระดับกองพัน, กรม และกองพล ขึ้นอยู่กับระยะปฏิบัติการที่ต้องการ
อนาคตของ Military Drone และสงครามรูปแบบใหม่
- นอกเหนือไปจากโดรนโจมตี (Drone Strike) ซึ่งมีใช้กันมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลกแล้ว ประเด็นเรื่องดีกรีความเป็นอิสระ (Autonomous) ซึ่งเกิดจากความก้าวหน้าของ AI จะทำให้ Drone ทางทหารในอนาคตสามารถตัดสินใจดำเนินการต่อเป้าหมายเองได้ โดยไม่ต้องมีการควบคุม
- การที่ Drone สามารถปฏิบัติการเป็นอิสระได้ ทำให้เกิดสงครามรูปแบบใหม่ซึ่งเรียกว่า "Swarm Warfare" คือการดำเนินกลยุทธ์ของฝูงโดรนติดอาวุธ (Armed Drone) ซึ่งในสหรัฐฯ ได้เริ่มมีการพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนื่องในห้วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา
- เทคโนโลยีที่ทำให้ Drone มีขนาดเล็กลง จะส่งผลต่อการป้องกันภัยคุกคามจากโดรน (Anti-drone) มากยิ่งขึ้น การพัฒนาเทคโนโลยีด้าน AI อย่างก้าวกระโดด จะทำให้การสอดแนม หาข่าว หรือการติดอาวุธให้กับ Mini - Drone เป็นรูปแบบการปฏิบัติการทางทหารที่หลายๆ ประเทศให้ความสำคัญมากขึ้น นอกเหนือไปจากการแข่งขันทางการพัฒนาและสะสมอาวุธของประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย
อ้างอิง/แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
1. หนังสือ Army of None https://www.amazon.com/Army-None-Autonomous-Weapons-Future/dp/0393608980
2. U.S. Army Roadmap for UAS 2010 - 2035
3. DoD Unmanned System Integrated Roadmap 2017 - 2042 https://www.defensedaily.com/wp-content/uploads/post_attachment/206477.pdf
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
