30 ธ.ค. 2019 เวลา 00:30 • เกม
“ไม่จำเป็นต้องตอบตกลงเสมอไป”
บทเรียนจาก Atari
บริษัทเกมยักษ์ใหญ่สู่สุสานวีดีโอเกม
เด็ก ๆ ยุค 80’s คงจะมีหลาย ๆ ท่านคุ้นชื่อ Atari นี้มาบ้าง ในฐานะเจ้าของเครื่องเล่นเกมคอนโซลและอาร์เขตอันดับหนึ่งของโลก
แล้วตอนนี้ Atari หายไปไหน ? เพราะอะไรทำไมบริษัทที่ดูท่าทีว่าจะไปได้สวย ถึงกับต้องล้มเหลวถึงขนาดเป็นสุสานวีดีโอเกม ?
ไปหาคำตอบได้กับ “เกมจริงจัง”
1. รู้จักกับ Atari กันก่อน
Atari, Inc. เป็นบริษัทพัฒนาวีดีโอเกมและเครื่องเล่นเกม สัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งโดยคุณโนแลน บุชเนล (Nolan Bushnell) และเท็ด เด็บนีย์ (Ted Debney) ในปี 1972 (พ.ศ. 2515)
Ted Dabney (ซ้าย) และ Nolan Bushnell (ขวา)
ชื่อ “Atari” มาจากภาษาญี่ปุ่น คำว่า Ataru ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการเดินหมากในเกมหมากล้อม ที่ทั้งคู่ชื่นชอบนั่นเอง
Atari เป็นบริษัทที่โด่งดังมากในอุตสาหกรรมเกมช่วงปี 1970 - 1980 (พ.ศ. 2513 - 2523) โดยเกมแรกที่ Atari แจ้งเกิดนั่นก็คือตู้เกม “Pong” ในปี 1972 (พ.ศ. 2515)
เรียกได้ว่าเป็นตู้เกมตู้แรก ๆ ที่ทำให้กระแสเกมตู้ (Arcade Game) เป็นที่นิยมในที่สาธารณะเลยก็ได้
ตู้เกม Pong
แต่แล้วในปี 1973 (พ.ศ. 2516) คุณเท็ดได้มาได้ค้นพบว่า โนแลน เพื่อนร่วมก่อตั้งบริษัทของเขาได้ไปจดสิทธิบัตรการออกแบบ Video Circuit โดยที่ไม่มีชื่อของเขา เรื่องนี้ทำให้เท็ดเสียใจมาก จนกระทั่งออกจาก Atari และขายส่วนแบ่งบริษัทออกไปถึง 250,000USD (ประมาณ 7 ล้านบาท)
2. Atari ภายใต้ Warner Communication
Atari ภายใต้การนำของคุณโนแลน ก็เดินหน้าต่อโดยพยายามพัฒนาเกมเพื่อดันออกสู่ตลาดให้มากขึ้น
คุณโนแลนมีความสามารถและทักษะในการพัฒนาเกมและเครื่องเล่นพวกนี้ก็จริง แต่การนำเกมพวกนี้ออกสู่ตลาดเพื่อให้ขายดีนั้น เป็นสิ่งที่ยาก และต้องใช้งบประมาณสูงมาก
ในปี 1976 (พ.ศ. 2519) คุณโนแลนจึงขาย Atari ให้กับ Warner Communication ซึ่งเป็นบริษัทสื่อบันเทิงและโฆษณาไปในราคา 28 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 840 ล้านบาท) เพื่อยกหน้าที่นี้ให้คนที่ขายเกมเก่งกว่าไปดูแลต่อนั่นเอง
Atari ภายใต้การบริหารของ Warner ก็เป็นไปได้ค่อนข้างดีทีเดียว เพราะ Atari 2600 เป็นเครื่องเล่นเกมแรก ๆ ที่ทำให้คนทั่วไปได้มีเกมเล่นที่บ้าน
ในจุดที่สูงที่สุด รายได้จากการขาย Atari 2600 นั้นคิดเป็น ⅓ ของรายได้ของ Warner ทั้งหมด จนทำให้ Warner เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกาในยุคนั้น
Atari 2600
หลาย ๆ ท่านอาจจะคิดว่าการที่ Nintendo เข้ามาตีตลาดเกมในปี 1989 (พ.ศ. 2532) ทำให้ Atari ต้องปิดตัวลง แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย …
3. จุดเปลี่ยนสำคัญของ Atari
จุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่เกิดขึ้นในปี 1982 (พ.ศ. 2525) เมื่อ Universal Pictures ได้เข้าพบกับ Atari พร้อมกับโครงการอันน่าตื่นเต้น
Universal Pictures ต้องการให้ Atari สร้างเกมที่ชื่อว่า E.T. The Extra-Terrestrial ให้เสร็จก่อนวันคริสมาสต์ให้หน่อย ในขณะนั้น เหลือเวลาอยู่ไม่กี่เดือน
E.T. The Extra-Terrestrial ของ Universal Pictures
โดยปกติแล้ว เกมของ Atari ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนขึ้นไปในการเขียนคอนเซ็ปต์เกม พัฒนาเกม ทดสอบระบบ และวางจำหน่าย และเพิ่มเวลาอีกราว 5 เดือนในการทำการตลาด
คุณโฮเวิร์ด สก็อตต์ (Howard Scott Warshaw) ซึ่งเป็นนักออกแบบเกมของ Atari ในขณะนั้น เข้าใจดีถึงความท้าทายตรงหน้า แต่สุดท้ายเขาก็ตอบตกลงกับ Universal Pictures
Howard Scott Warshaw
นี่เป็นการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของ Atari ไปตลอดกาล
Universal Pictures ต้องการที่จะบูมชื่อเสียงของภาพยนตร์ที่กำลังจะออกฉายที่ภาพยนตร์ที่ชื่อ “E.T.” เหมือนกัน ซึ่งกำกับโดยผู้กำกับชื่อก้องโลก สตีเฟน สปีลเบิร์ก (Steven Spirlberg) ซึ่ง Universal Pictures ก็ทุ่มทุนทำการตลาดกับภาพยนตร์ไปแล้วอย่างดิบดี
เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้ว ทำไมจะไม่ลองดูล่ะ เผื่อถ้าเกมสนุก Atari ก็จะดังตามไปด้วย
สุดท้ายแล้ว เกม E.T. ก็สามารถพัฒนาออกมาได้ทันเวลาพอดี
ภาพยนตร์เรื่อง E.T. นั้นก็ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ในวันที่ 10 มิถุนายน 1982 (พ.ศ. 2525) จนกลายเป็นปรากฏการณ์ทางภาพยนตร์ที่สำคัญเลยทีเดียว
นอกจากนี้ คุณสตีเฟน สปีลเบิร์ก ผู้กำกับภาพยนตร์ก็ได้แนะนำสาธารณชนไปแล้วด้วยว่า เตรียมพบกับเกม E.T. ได้เลยในปลายปีนี้ ทำให้เด็ก ๆ และคอภาพยนตร์ทั้งหลาย ตั้งหน้าตั้งตารอเกม E.T. อย่างใจจดใจจ่อ
เดือนธันวาคม ปี 1982 (พ.ศ.2525) เกม E.T. ก็ได้วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ผู้คนต่อแถวรอซื้อกันเพียบ ขายได้มากกว่าล้านตลับ
แต่ผู้คนที่ซื้อไปกลับส่วนมากวิจารณ์เกมนี้ในแง่ลบ ภาพกราฟิกก็แย่ เนื้อเรื่องก็ไม่เข้าใจ ตัวเกมก็ไม่เข้าใจ ไม่สนุก เสียงเพลงประกอบก็ไม่ดี เรียกได้ว่า แย่ไปหมดทุกอย่างเลย
ผู้อ่านท่านใดที่อยากลองดูตัวเกม ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่นี่เลย
มีเกม E.T. ถูกส่งคืนมาที่ Atari กว่า 3.5 ล้าน - 4 ล้านตลับ จนกระทั่งเกมขายไม่ออก
เหตุการณ์นี้เป็นต้นเหตุให้เกิด “วิกฤตการณ์อุตสาหกรรมวีดีโอเกม” ในปี 1983 (พ.ศ. 2526)
นอกจากนี้ Atari ยังถูกคู่แข่งอื่น เช่นเครื่อง NES ของ Nintendo และ ตู้เกม Pac-Man ของ Namco ตีตลาดอย่างรุนแรงหลังจากที่เสียชื่อเสียงในเหตุการณ์นี้
จนต้องขายบริษัทแยกเป็น Atari Games เพราะเสียงบประมาณไปกว่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐ
Pac-Man ของ Namco ได้ตีตลาด Atari จนเกือบหมดสิ้น
นอกจากนี้พนักงานยังถูกปลดออกอีกกว่า 70% จากพนักงานทั้งหมด
ผู้เล่นเกมในเวลานั้น ถึงกับยกย่องให้เกม E.T. นี้เป็นเกมที่ห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
ส่วนคุณโฮเวิร์ด สก็อตต์ ผู้ออกแบบเกม E.T. เขารู้สึกเสียใจและท้อแท้กับสิ่งที่เขาได้ทำไปมาก จนออกจากวงการเกมไปเลย ในปัจจุบัน เขาทำอาชีพนักบำบัดจิตอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเขาก็รู้สึกพอใจที่จะได้พูดคุยถึงเรื่องนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม เขาก็รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ผลิตเกมที่ห่วยแตกที่สุดในประวัติศาสตร์
4. ตำนานสุสานเกม Atari
ในช่วงปี 1983 (พ.ศ. 2526) สำนักข่าว Alamogordo Daily News ได้รายงานว่า มีคนพบเห็นรถบรรทุกกว่า 10 คันกำลังขนผลิตภัณฑ์เกมของ Atari ในรัฐเท็กซัส ไปฝังกลบพื้นที่ทะเลทรายอันแห้งแล้งในตอนกลางคืน
ผู้คนต่างคาดว่าน่าจะเป็นเกม E.T. และเกมอื่น ๆ ของ Atari ที่วางแผนจะวางจำหน่ายหลังจากนั้น
จนกระทั่งตำนานถูกเปิดเผย ในปี 2013 (พ.ศ. 2556) เป็นเวลากว่า 40 ปี มีการถ่ายทำสารคดี Atari: Game Over เป็นสารคดีเกี่ยวกับบริษัท Atari โดย Alamogordo City Commission ร่วมมือกับ Fuel Industries
ได้ทำการขุดพื้นทรายที่คาดว่าจะเป็นจุดที่ฝังเหล่าตลับเกมตำนานของ Atari ไว้
สุดท้ายก็พบตัลบเกมจริง ๆ กว่า 1,000 ตลับ แต่จากรายงานของ James Heller อดีตผู้จัดการของ Atari ในเวลานั้น ยืนยันว่ามีตลับเกมถูกฝังกว่า 700,000 ตลับ แต่ไม่สามารถขุดลงไปลึกกว่านี้ได้แล้ว
เป็นอันจบตำนานสุสานวีดีโอเกมของ Atari
Atari สอนให้เรารู้ว่า
“ไม่จำเป็นต้องตอบตกลงเสมอไป”
หากในวันที่ Universal Pictures เข้ามาเสนอขอให้ทำเกมให้กับภาพยนตร์ E.T. นั้น
Atari ควรจะปฏิเสธ Universal Pictures ไปให้จบเรื่อง เพราะภายใต้ขีดความสามารถของตนเอง ซึ่งเป็นบริษัทเกมระดับแนวหน้าของโลกแล้ว ยังเป็นเรื่องยากที่จะทำเกมออกมาให้ทันเลย
Universal Pictures มีความมั่นใจในผลงานภาพยนตร์ของตนเองอยู่แล้ว เพราะได้วางแผนมาตั้งแต่เริ่ม
แต่สำหรับ Atari การนำชื่อเสียงของตนเองไปเดิมพันนั้น เป็นก้าวที่พลาดอย่างมหันต์
ต่อให้ไม่มีเกม E.T. ก็ตาม Universal Pictures ก็ได้ฉายภาพยนตร์ตามปกติอยู่ดี
Atari ก็จะได้ทำเกมตามความถนัดของตนเองต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั่นเอง
ในปัจจุบัน Atari ก็ถูกซื้อไปมาระหว่างหลายบริษัท จนมีข่าวว่ากำลังจะได้ปล่อยเครื่องเล่นเกม Atari VCS ในเดือนมีนาคม 2020 นี้
ต้องรอดูกันต่อไปว่า Atari จะกลับเข้าสู่วงการเกมอย่างสง่างามดังวันวานหรือไม่
สวัสดีปีใหม่นะครับทุกคน 😊🙏
ติดตามเกมจริงจังได้เลย 🥰
โฆษณา