30 ธ.ค. 2019 เวลา 02:58 • การศึกษา
"อเมซอน" ป่าฝนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอาจถึง "จุดเปลี่ยน"
การสูญเสียพื้นที่ป่าอเมซอน ทั้งจากการตัดไม้ทำลายป่าและการเกิดไฟป่า อาจนำป่าแห่งนี้ไปสู่จุดเปลี่ยน
ประเภท : บทความเพื่อสิ่งแวดล้อม
"อเมซอน" ป่าฝนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอาจถึง "จุดเปลี่ยน"
โทมัส เลิฟจอย ศาสตราจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและนโยบายและคาร์ลอส โนเบร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซาเปาโล ได้เขียนบทความว่า การตัดไม้ทำลายป่าและไฟกำลังคุกคามการทำงานของป่าฝนมากขึ้นเรื่อย ๆ ขัดขวางความสามารถในการทำหน้าที่เป็นอ่างเก็บคาร์บอนที่สำคัญซึ่งเป็นจุดแข็งของความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงการสูญเสียบทบาทสำคัญในวัฏจักรอุทกวิทยาของโลก
แม้ว่าปี 2019 ไม่ได้เป็นปีที่เลวร้ายที่สุดสำหรับไฟไหม้หรือการตัดไม้ทำลายป่าใน Amazon แต่การการเกิดไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ทำให้ป่าแห่งนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก
การเพิ่มการสูญเสียพื้นที่ป่าจะนำไปสู่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ปริมาณน้ำฝนที่ลดลงและอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค
📷 unsplash.com
ซึ่งสัญญาณบ่งชี้ว่าที่จะบอกเราก็เช่น การมีฤดูร้อนที่ยาวนานและสภาวะร้อนจัดในฤดูแล้งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเป็นระยะ ๆ
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าบทบาทของอเมซอนในฐานะที่เป็นอ่างคาร์บอนลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากการตัดไม้ทำลายป่า - ซึ่งเป็นกระบวนการที่มีนัยสำคัญต่อภาวะโลกร้อน
การตัดไม้ทำลายป่าในอเมซอนของบราซิลในเดือนพฤศจิกายน 2019 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 104 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปี 2018 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่วงฤดูไฟ
รายงานจาก สถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติของบราซิล (INPE) เมื่อเดือนที่แล้วยังพบอีกว่าไฟป่าในป่าฝนของบราซิลเพิ่มขึ้นสองเท่าตั้งแต่ปี 2013 โดยเพิ่มขึ้นกว่า 84% ตั้งแต่ปีที่แล้ว
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ระหว่างเดือนสิงหาคม 2561 ถึงเดือนกรกฎาคม 2562 มีพื้นที่ป่าถูกทำลายประมาณ 9,762 ตารางกิโลเมตร (3,769 ตารางไมล์)
1
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าการทำลายป่าส่วนใหญ่จะทำให้สูญเสียต้นไม้จำนวนมากที่ขับเคลื่อนระบบนิเวศ และนำอเมซอนไปยังจุดเปลี่ยน
เมื่อป่าถูกทำลายหรือเผาไหม้อเมซอนก็แห้งแล้ง เพราะต้นไม้ช่วยรักษาสภาพภูมิอากาศของอเมซอนซึ่งสร้างการเชื่อมโยงที่สำคัญระหว่างปริมาณน้ำฝนและการก่อตัวของเมฆ
เมื่อมีฝน รากต้นไม้จะดูดซับน้ำฝนปริมาณมาก ต้นไม้ใช้น้ำบางส่วนเพื่อรักษาตัวเอง แต่ปล่อยขึ้นไปประมาณสามในสี่ส่วนกลับขึ้นไปสู่อากาศเป็นไอน้ำ - รีไซเคิลน้ำกลับไปสู่เมฆที่มีความชื้นสูง
หากอเมซอนสูญเสียต้นไม้มากเกินไปก็จะไม่มีปริมาณน้ำฝนเพียงพอที่จะยังคงเป็นป่าดงดิบและเหี่ยวเฉา ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นับแสนล้านตันสู่บรรยากาศ
การปล่อยคาร์บอนทั้งหมดนั้นจะเป็นเชื้อเพลิงให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยจะเร่งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนทำให้อเมซอนร้อนและแห้งแล้ง
ซึ่งการฟื้นตัวของป่าอเมซอนหลังจากการตัดไม้ทำลายป่าจะเกิดขึ้นช้ามาก ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ
ทำไมป่าฝนอเมซอนถึงจุดเปลี่ยนที่อันตราย
ลุ่มน้ำอะเมซอนเป็นแหล่งเก็บรวบรวมความหลากหลายทางชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในโลกและผลิตน้ำจืดประมาณร้อยละ 20 ของการไหลของโลกสู่มหาสมุทร
การตัดไม้ทำลายป่าในอเมซอนบราซิลซึ่งประกอบไปด้วยประมาณสองในสามของพื้นที่ป่าฝนเริ่มต้นขึ้นในปี 1970 และ 1980 เมื่อมีความต้องการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์และการเพาะปลูกถั่วเหลือง
Earth Observatory ขององค์การนาซ่าระบุว่านโยบายของรัฐที่ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจเช่น โครงการขยายรถไฟและถนน นำไปสู่การทำลายป่าโดยไม่ตั้งใจ ในพื้นที่ป่าAmazon และอเมริกากลาง
📷 pri.org
การทำลายป่าฝนอเมซอน จะส่งผลกระทบที่สำคัญในภูมิภาคในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการน้ำจืดสำหรับทุกประเทศในอเมริกาใต้ - ยกเว้นชิลีซึ่งถูกบล็อกโดยเทือกเขาแอนดีส
นักวิจัยทำนายว่าหากการตัดไม้ทำลายป่ายังคงเกิดขึ้นในอัตราต่อเนื่อง ในไม่ช้าอาจมีความชื้นไม่เพียงพอสำหรับป่าฝน
และจะนำไปสู่ในที่สุดก็นำไปสู่ การพัฒนาเป็นสะวันนาซึ่งหมายถึงสภาพป่าเขตร้อนที่แห้งแล้งในภาคตะวันออกและภาคใต้ของอเมซอน รวมถึงอาจขยายไปสู่พื้นที่ทางภาคกลางและตะวันตกเฉียงใต้ และสถานการณ์อาจรุนแรงขึ้นอีกเนื่องจากการได้รับแรงหนุนจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์สร้างขึ้น
📷 unsplash.com
และในที่สุดการสูญเสียป่าฝนจะนำไปสู่การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ ความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนและสถาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ที่เปลี่ยนไป
ป่าฝนอเมซอนได้รับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอด และราวปี 2050 อุณหภูมิที่อุ่นขึ้นและการลดลงของน้ำฝนอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพป่าฝนอะเมซอนอย่างสิ้นเชิง ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งและทำให้อัตราการดูดซับคาร์บอนของต้นไม้ลดลง
นักวิจัยแนะนำว่าการปลูกป่าควรเกิดขึ้นทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ทางภาคใต้และภาคตะวันออกของอเมซอน
และการตัดไม้ทำลายป่า ควรจับคู่โดยการทำสวนป่าให้มากขึ้นสามเท่า พลเมืองและผู้นำทั่วทั้งอเมริกาใต้และทั่วโลกจะต้องสร้างและส่งเสริมวิสัยทัศน์ใหม่ของอเมซอนซึ่งเป็นสินทรัพย์ทางธรรมชาติและเศรษฐกิจของภูมิภาค
โดยป่าอเมซอนจะต้องได้รับการจัดการโดยด่วนเพื่อรักษาบทบาทที่สำคัญของอเมริกาใต้และเพื่อรักษาสุขภาพที่ดีของดาวเคราะห์ดวงนี้ไว้
Ref.
เรียบเรียงโดย
สาระอัปเดต
30.12.2019
ติดตาม สาระอัปเดต เพิ่มเติมได้ทาง
➡️ Twitter
➡️ Facebook
➡️ Youtube
➡️ Instagram
➡️ Blockdit
➡️ Tik Tok
➡️ Line
โฆษณา