19 ก.พ. 2020 เวลา 02:19
Digital Transformation มี 3 ระดับ (Disruptive Technology EP13)
ยุค Digitalization คือ ยุคที่ทุกๆองค์กรต้องรู้จักใช้เทคโนโลยี เข้ามาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทุกคนทั้งองค์กรจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ไม่ให้ถูก Disrupt จากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้
แต่การทำความเข้าใจ ในเทคโนโลยี ความเข้าใจ Digital Mindset ของแต่ละคนในองค์กรนั้นแตกต่างกัน
แม้กระทั้ง ตัวผู้นำองค์กรเอง ยังมีระดับ Digital Mindset ที่แตกต่างกัน
ไม่แปลกอะไร เพราะ Digital Technology มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับทุกคน ความรู้/ความเข้าใจ/ความคิดแบบ Digital นี้ มันพึ่งเกิดขึ้นมาไม่ถึง 10ปี แต่มันสร้างผลกระทบกับธุรกิจที่แข็งแกร่งมาเป็น 100 ปีได้เลยทันที
จากที่กล่าวมา การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้กลายเป็น Digital Process โดยนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาปรับใช้ แทนกระบวนการทำงานแบบเดิม
หรือเรียกอีกอย่าง Digital Transformation จะมีหลายระดับ ดังนี้
1. Adaptive
2. Innovative
3. Disruptive
(เรียงจาก ระดับต่ำไปหาระดับสูง)
Adaptive
องค์กรส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด มักเป็นบริษัทที่ขายหรือผลิตสินค้าและบริการ Non-Technology รวมทั้งบริษัทที่ให้บริการด้าน Technology แต่เป็นการซื้อ Technology จากอีกบริษัทมาให้บริการ
จะทำได้แค่ระดับ Adaptive (ปรับได้, ดัดแปลง)
แม้ผู้นำองค์กร จะมีนโยบาย Digital Transformation ก็ตาม โดยผลักดันให้คนทั้งองค์กรให้นำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานทั้งหมด
แต่การดำเนินธุรกิจนั้นพลาดไม่ได้ องค์กรส่วนใหญ่ จึงได้แต่นำเทคโนโลยีที่บริษัทอื่นใช้แล้วประสบความสำเร็จ มี Success Case มาแล้วหลายบริษัท
เพราะความกลัวที่จะพลาด จึงทำให้ไปได้แค่ Adaptive
เหมือนดังสุภาษิต เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด
Innovative
องค์กรที่จะทำได้ในระดับนี้ จำเป็นต้องมี Innovators จำนวนมาก และผู้นำองค์กร จะต้องสนับสนุนอย่างเต็มที่ และที่สำคัญต้องสนับสนุนให้ถูกทางด้วย
1
Innovation หรือ "นวัตกรรม" แปลสั้นๆว่า สิ่งใหม่ที่มีคุณค่า
1
ผลลัพธ์ องค์กรที่ทำ Digital Transformation ได้ในระดับ Adaptive และระดับ Innovative ไม่ต่างกันมาก
จะต่างกันแค่ตรงที่ Innovative องค์กรนั้น เป็นเจ้าของไอเดีย
1
Innovative ยังมีระดับย่อย (เรียงจาก ระดับต่ำไปหาระดับสูง)
1. ปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการทำงาน
(ยังคงผลิตสินค้าหรือบริการแบบเดิม แค่ลดต้นทุนลงด้วยการใช้เทคโนโลยี)
1
2. ปรับปรุงสินค้าหรือบริการ ให้ตรงกับความต้องการลูกค้ามากขึ้น
(ถือว่าเป็น Innovative ระดับที่สูงแล้ว เพื่อเพิ่มยอดขายและฐานลูกค้า)
1
3. ปรับเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ ให้แตกต่างไปจากเดิม
(Innovative ระดับนี้สูงที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นระดับ Disruptive แล้ว)
2
Disruptive
ไม่ใช่แค่ ปรับเปลี่ยนสินค้าหรือบริการ ให้แตกต่างไปจากเดิม เท่านั้น
แต่สินค้าหรือบริการใหม่นั้น สามารถ Disrupt สินค้าหรือบริการแบบเดิม ให้หายไปจากโลกนี้ได้
1
บริษัทที่มีผู้นำองค์กร หรือ CEO ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล (Vision) ยอมที่จะขาดทุนในระยะสั้น เพื่อทำกำไรในระยะยาว เขาต้องมีความกล้าหาญด้วย
1
ต้องกล้าผลิตสินค้าหรือบริการใหม่ แล้วไปทำลายธุรกิจปัจจุบัน ทำลายสินค้าหรือบริการแบบเดิมๆ ให้ขายไม่ออกจนรายได้ลดลง ที่เรียกว่า Disrupt ตัวเอง
1
ผู้นำองค์กรที่มีวิสัยทัศน์นี้ เขารู้ว่า ถ้าวันนี้ไม่ Disrupt ตัวเอง วันข้างหน้าจะมีบริษัทอื่นมา Disrupt อยู่ดี การ Disrupt ตัวเองก่อนผู้อื่น เป็นเพียงขั้นแรก เพราะต่อไปสินค้าหรือบริการใหม่นั้น จะ Disrupt บริษัทอื่นๆทั้งอุตสาหกรรม
1
ลองกลับมาคิด ทบทวนตัวเอง ทบทวนองค์กรของเรา ที่กำลังขับเคลื่อนธุรกิจไปข้างหน้า ด้วยการทำ Digital Transformation ว่าอยู่ในระดับใด
เมื่อประเมินตัวเองได้อย่างถูกต้อง ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนวิธีคิด วิธีการทำงาน เพื่อให้องค์กรมีความมั่นคง อยู่รอดปรับตัวได้ ผ่านยุค Digitalization นี้ไปได้
1
สนใจเทคโนโลยีที่จะมาเปลี่ยนโลก
โปรดติดตาม Disruptive Technology EP ต่อไป
ได้ที่ Blockdit: www.blockdit.com/worklifewinwin

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา