1 ม.ค. 2020 เวลา 07:38 • ธุรกิจ
ลาก่อน LTF สวัสดี SSF
ล่าสุด ครม. ก็ได้เคาะกองทุนน้องใหม่ SSF (Super Saving Funds) และแล้วมันก็คงจะถึงเวลาบอกลากองทุน LTF ที่จะสิ้นสุดการให้สิทธิในการลดหย่อนภาษีถึงปลายปี 2562 ที่ผ่านมานี้ และก็สวัสดีต้อนรับ กองทุน SSF ที่จะมาให้สิทธิลดหย่อนภาษีเพื่อการออมเงินแทนตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2563 เป็นต้นไป แต่มีข้อแต่งต่างจากของเดิมแน่นอน อีกทั้งยังมีการแก้ไขกฎเกณฑ์ของกองทุน RMF อีกด้วยเพื่อให้สอดคล้อง และเหมาะสมเพื่อการส่งเสริมการออมระยะยาว
ก่อนอื่นนั้นที่มาของกองทุน LTF หรือ กองทุนหุ้นระยะยาว นั้นเริ่มต้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว หรือตอนปี 2547 ในยุครัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนาตลาดทุนไทย โดยการผลักเพื่อเพิ่มสัดส่วน หรือมูลค่าซื้อขายของนักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเสถียรภาพ หรือเป็นการเพิ่มสภาพคล่องของตลาดทุน หรือตลาดหุ้นไทยในระยะยาวนั้นเอง ทั้งนี้นโยบายนี้ก็มีการสร้างแรงออมโดนสมัครใจ โดยการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่นักลงทุนเป็นผลตอบแทนการลงทุน
โดยมูลค่าของนักลงทุน LTF ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา นั้นมีการเติมโตสูงทุกปี เฉลี่ยปีล่ะ 40% Annual Growth ซึ่งแสดงถึงความเป็นที่นิยมของนักลงทุนอย่างมากเลยทีเดียว
โดยปีนี้ก็ถึงเวลาปรับเปลี่ยน ทำให้กองทุนเพื่อการออมระยะยาวนั้นตอบโจทย์และดียิ่งขึ้น ครม. จึงจัดตั้งกองทุน SSF มาแทนที่ LTF โดนหลักการและสิทธิประโยชน์ก็จะเปลี่ยนแปลงตามรูป infographic ที่เห็นข้างบนนี้เลย แต่กองใหม่นี้ให้สิทธิลดหย่อนภาษีน้อยกว่า LTF เพราะหากดูนั้นจะเห็นได้ว่า SSF ให้สิทธิลดหย่อนภาษีที่ 30% ของรายได้ไม่เกิน 200,000 บาท แต่ LTF ให้สิทธิลดภาษีแค่ 15% ของรายได้แต่ให้สูงสุดถึง 500,000 บาท
ถ้าหากเราเป็นคนที่มีรายได้น้อยกว่า หรือเท่ากับ 666,666 บาทต่อปี กองทุน SSF จะให้สิทธิ์การลดหย่อนภาษี 30% เต็มจำนวนที่ 200,000 บาท มากกว่ากองทุน LTF ที่ให้แค่ 15% หรือ 99,999 บาท ถ้ามีรายได้เท่ากัน แตหากเป็นคนที่มีรายได้ มากกว่าปีล่ะ 666,666 บาท จะเสียประโยชน์ทางภาษีของ LTF เป็น SSF สูงถึง 60% จึงอาจจะส่งผลให้เม็ดเงินที่จะเข้ามาในตลาดทุนปี 2563 นี้เติบโตช้ากว่ากองทุน LTF แต่รัฐบาลก็มีรายได้ทางภาษีมากขึ้นเพราะ LTF นั้นไม่ตอบโจทย์คนมีเงินน้อยเพราะ กว่าจะสามารถลดหย่อนได้เต็มจำนวนต้องมีรายได้สูงถึงปีล่ะ 3 ล้านกว่าบาท
รัฐบาลจะมีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น สมมุติหากเรามีรายได้ ประมาณ 3.33 ล้านบาท แล้วถ้าเราซื้อ LTF ก็สามารถลดหย่อนภาษีได้เต็ม 500,000 บาท ที่ 3.33 ล้านบาทเราควรจ่ายภาษีขั้นบันไดที่ 30% หรือ ประมาณ 800,000 บาท เท่ากับเราจะเสียภาษีเงินได้บุคคลแค่ 3 แสนบาท แต่พอเป็น SSF จะทำให้เราลดหย่อนได้แค่ 2 แสนบาท หรือเราต้องเสียภาษีเพิ่มจาก 3 แสนเป็น 500,000 บาท ในปีนั้นๆ ที่มีการซื้อกองทุนระยะยาวเพื่อการออมทรัพย์ เงิน 3 แสนที่เพิ่มนั้นจะเข้ารัฐบาลทันที แต่ก็ดีกว่าเราเสียเต็ม 100% แน่นอน เพื่อเราจะได้ตั้งตัวกันได้ ก่อนซื้อก็ควรศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนลงทุนนะคับ
โฆษณา