2 ม.ค. 2020 เวลา 02:00 • ปรัชญา
นับตั้งเเต่วันที่ 1 มกราคม 2020 เป็นวันที่ ห้างใหญ่ทั่วไทย ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ จะเริ่มงดเเจกถุงพลาสติกกันเเล้ว
เรียกได้ว่า “ตื่นเช้าลืมตาขึ้นมา ถุงพลาสติกก็หายไปเเล้ว! ”
นั่นแปลว่าใครที่จะซื้อของต้องคิดและวางแผนให้ดีแล้วว่า...
ถ้าวันไหนจะซื้อของเข้าบ้าน จะซื้ออะไรบ้าง จะต้องเอาถุงไปใส่ของกี่ใบถึงจะพอ
จะว่าไปแค่เรื่อง "ซื้อของโดยไม่ใช้ถุงพลาสติก" นี้ก็สอนเราหลายอย่างเลย...
1) สอนให้เราวางแผน...
จดของที่จะซื้อ อะไรยังเหลืออยู่ก็ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ซื้อเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้น
2) สอนให้คาดการณ์ล่วงหน้า...
จะได้ซื้อของเเค่พอใช้ เเละหยิบถุงผ้าจากบ้านไปให้พอดี
3) สอนให้พอประมาณ...
เพราะจะได้เช็คของก่อนซื้อทุกครั้ง ซื้อทุกอย่างได้ตามเเบบแผนอย่างไม่เกินตัว
4) สอนให้จำ...
เพราะแต่ก่อนที่ไม่ใช้ถุงผ้าจริงจัง อาจลืมเอาถุงไป พอถึงเวลา ก็มักจะซื้อของมากเกินไป จนบางครั้งก็ลืมซื้อของที่จำเป็นซะอย่างนั้น
แต่พอมีการงดใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจัง มันจึงทำให้เราฉุกคิด วางแผน เเละต้องคาดการณ์ล่วงหน้า
จนได้พบว่า หลักการณ์นี้ยังนำไปใช้กับธุรกิจได้...เพราะสอนให้คิดแบบพอประมาณ
จะซื้อของใช้เข้าออฟฟิศก็ซื้อแต่ของที่ขาด ทำให้ควบคุมงบค่าใช่จ่ายได้
จะสั่งของเข้าร้านก็กลายเป็นคนทบทวนแผนมากขึ้น กลายเป็นว่ารู้สึกรอบคอบกว่าเดิม
แถมยังเอาเรื่องนี้นำไปสอนลูกหลานก็ยังได้... เพราะสอนให้มีวินัยตั้งแต่เด็ก จะได้ไม่ต้องไปอิจฉาต่างประเทศว่าทำไมคนบ้านเราถึงไม่มีวินัยเหมือนอย่างเขา
แค่เปลี่ยนมาใช้ถุงผ้า ก็ได้ประโยชน์กว่าที่คิด นอกจากจะได้ลดโลกร้อน ยังดีต่อเรา ต่อธุรกิจของเรา ต่อลูกของเราไปอีก
ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้บริโภคหรือผู้ประกอบการ... ก็ต้องคิด และพยายามหาทางออกที่ดีที่สุด
แล้วจะพบว่า ทุกๆ ทางจะมีวิธีหนึ่งที่ดีต่อทุกคนในระบบธุรกิจของเราเสมอ
อยากรู้เรื่องอะไร อยากอ่านบทความเเบบไหน ส่งคำถามมาให้ "สมองไหล" ได้ง่ายๆ เพียง “กดลิ้ง” ข้างล่างนี้ได้เลย
ติดตามบทความของสมองไหลได้อีกช่องทางที่เพจ FB ไปให้ถึง100ล้าน
โฆษณา