2 ม.ค. 2020 เวลา 14:42 • ความคิดเห็น
“ หุ้น คือ ก า ร พ นั น ก็ต่อเมื่อเราไม่ศึกษามัน”
💡ประโยคนี้ เป็นประโยคสั้นๆแต่บอกอะไรเราได้เยอะมาก..
ปาล์มได้เริ่มลงทุนในหุ้นในปี 2559
ตอนนั้นยังไม่กล้าเล่นหุ้นที่ซิ่งมากนัก เทรดด้วยความระมัดระวังสุดๆ
เรียกได้ว่า จะเข้าตัวไหน ต้องมีพื้นฐานรองรับ
งบต้องดี วิเคราะห์ swot และ five force แล้วโอเค
เป็นการเทรดหุ้นที่เริ่มมาจากการศึกษาข้อมูลพื้นฐาน และข้อมูลทางเทคนิคเพื่อหาจุดเข้าจุดออก ดูแนวรับ แนวต้าน และจุด cut loss
เทรดแบบนี้มานานเกือบ 1 ปีแล้วค่ะ
ได้บ้าง เสียบ้าง แต่โดยรวม ถือว่าเงินมันโตขึ้นมาเลยค่ะ โตจากเงินตั้งต้นขึ้นมา 1 เท่าตัว💰💰
ปาล์มเริ่มรู้สึกฮึกเหิม เริ่มรู้สึกมั่นใจในตัวเองมากขึ้น เริ่มกล้าเข้าหุ้นซิ่ง เริ่มไม่ดูพื้นฐานของหุ้น เพราะเชื่อว่า "ราคาสะท้อนทุกอย่างแล้ว" ประกอบกับการซื้อหุ้นดังกล่าวข้างต้นมันโตช้า เลยเห็นมาเทรดในรูปแบบที่ว่า.....
📈 หุ้นตัวไหนนิยมก็เข้าตาม
หุ้นตัวไหนที่ที่มันลงมาหนักๆ ก็เข้าไปรับ เพราะใช้อารมณ์เข้าไปมีส่วนร่วมในตัดสินใจ ( มันลงมาเยอะแล้ว เดี๋ยวมันก็ขึ้น)
❗❗ประสบการณ์ อันเลวร้ายคือ...
การเข้าไปรับหุ้นตัวนึง ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับสินเชื่อ หุ้นตัวนี้นับได้ว่าเป็นหุ้นเติบโตตัวนึงของตลาดเลยค่ะ ราคามันโตขึ้นมาเรื่อยๆ
จากสิบกว่าบาท ไปถึง 60 บาท
มีวันนึงมัน ⬇️ มาถึง 40 กว่าบาท
ด้วยความมองโลกในแง่ดี คิดว่ามันลงมาเยอะแล้ว เดี๋ยวมันก็ขึ้น เลยรับไปที่ราคานี้
หลังจากนั้นมันก็ลงไปเรื่อยๆ~~
แบบไม่พักเลยค่ะ
1
ด้วยความที่เห็นว่ามันลงไปอีก และกระสุนเงินเรายังมี เลยอัดเงินเข้าไปซื้ออีก จนเงินซื้ออีกไม่ได้แล้ว😥💸
ความรู้สึกเหมือนเราเอาดินไปถมในทะเล ถมเท่าไหร่มันไม่เคยพอ ยังไงยังงั้นเลยค่ะ
🏳🏳 สุดท้ายต้องยอมแพ้ และต้อง cut loss ไปในที่สุด ..😥😥
เสียหายเยอะมาก กำไรที่ทำมาได้
ติดลบ และกินเงินลงทุนไปลึกมาก 😡
ความรู้สึกตอนนั้น พังมากๆเลยค่ะ
1
😥เศร้า ....
🍽 กินข้าวไม่อร่อย 🎶ฟังเพลงอะไรก็ไม่เพราะ
😪เฮ้อ!! เสียดายเงิน
💡เหตุการณ์ในวันนั้นมันสอนให้รู้ว่า....
เรารู้สึกกับหุ้น แต่หุ้นไม่ได้มีความรู้สึกกับเราหรอกนะ มันไม่มีหัวใจ .. 💔
การเทรดหุ้น เราไปมองโลกในแง่ดีไม่ได้
ให้มองตามความเป็นจริง มองด้วยข้อมูลที่ศึกษามาอย่างดี📚
หลังจากที่พักมือมานานพอสมควร
1
ความกล้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง✌✌
เริ่มอยากเล่นหุ้นแบบมี leverage คือวางเงินน้อยๆ แต่รับรู้กำไรขาดทุนเยอะๆ
Product ที่ตอบโจทย์คือ dw (Derivative Warrants)
💸 ใช้ลงทุนหลักหมื่น รับรู้กำไรขาดทุนหลักพัน 🤔
ซึ่งตัว dw จะอ้างอิงกับ set50 future และหุ้นใน set 100
ผู้ออกคือ โบร๊คเกอร์ อยากเล่น dw ของผู้ออกค่ายไหนก็ซื้อของค่ายนั้น
2
เล่นได้ทั้งขาขึ้น และขาลง 📈📉
มองว่าหุ้นอ้างอิงตัวไหนขึ้นก็ซื้อ call dw
มองว่าหุ้นตัวไหนมันจะลงก็ให้ซื้อ put dw
‼⏰แต่ dw มันมีวันหมดอายุ และมีTime Decay (ค่าเสื่อมเวลา ) คือค่าที่บอกว่าเมื่อเวลาผ่านไป ราคา DW จะลดลงกี่เปอร์เซนต์
1
🛎ถือนานๆ ก็โดนค่าเสื่อมนี่แหล่ะค่ะ มันมีตารางให้เช็คอยู่ ว่าจะโดน Time Decay วันไหน
☄🔥จุดเริ่มต้นของความพังพินาศ
หลังจากเข้ามาลงทุน dw
คือ ตอนแรกๆยังไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ อัดเงินน้อยๆ เล่นเอากำไรแค่ช่องหรือ สองช่องก็พอให้ได้เป็นค่าขนมในแต่ละวัน
📌📌เช่น สมมติ เข้าที่ราคา 0.13
ขายที่ราคา 0.15
กำไรหุ้นละ 0.02
เข้าไป 100,000 หุ้น
ลงทุน 13000 บาท
กำไร 2000 บาท
💰คิดเป็นกำไร 15% กว่าๆ
ถือว่าเยอะนะคะ เยอะกว่าการลงทุนในรูปแบบอื่น แต่ เสี่ยงกว่าด้วยค่ะ
1
💸ตอนนั้นได้กำไรเกือบทุกวัน เพราะเข้าไว ออกไว ซื้อขายให้ได้ในวัน ไม่ถือข้าม
ค่าคอมก็เสียน้อยกว่าการซื้อหุ้นธรรมดาด้วย เนื่องจาก มูลค่าการซื้อขายน้อย
💰หลังจากกำไรเยอะ เริ่มอัดเยอะขึ้น ในการเข้าออกแต่และครั้ง
🚫 ปาล์มไม่มีแบบแผนเลย ไม่ดูข้อมูล ไม่ใช้หลักการ money management และไม่ดูกราฟ
💻 อาศัยดูหน้าจอเอา ตัวไหนนิยม เข้าตัวนั้น
ทำเหมือนตอนผิดพลาดครั้งแรกเลยค่ะ
กำไรก็ได้มาแบบฟรุ๊ค ๆ ดีใจแทบตาย
พอขาดทุนก็เข้าไปถัว ถัวให้ทุนต่ำไปเรื่อยๆจนเงินหมด...😥😥
พอราคาลงไปอีก เงินหน้าตักก็หมด รอให้มันขึ้นไปเรื่อยๆ แต่มันไม่ขึ้นเลยค่ะ ลงอย่างเดียว สุดท้ายต้องขายขาดทุน😡
ปาล์มเคยซื้อ dw หุ้นตัวหนึ่งที่ปาล์มเห็นว่ามันลงไปเยอะ
🤔น่าจะขึ้นกลับมาบ้าง
‼แต่... ไม่ขึ้นเลยค่ะ แถมยังลงทุกวัน ปาล์มถือรอนานมากเป็นเดือน
ค่าเสื่อมก็คิดไปเรื่อยๆ จนในที่สุด
จากที่ซื้อมาในราคา 0.18 ต้องมายอมแพ้ และขายขาดทุนในราคา 0.06😥😥
1
ความผิดพลาดครั้งที่2 มันเยอะมากกว่าครั้งแรก....
เงินที่หามาได้อย่างยากลำบาก ต้องหมดไปอย่างง่ายดายเพียงไม่กี่วัน...
💡💡ความผิดพลาด 2 ครั้งในรูปแบบเดิม มันทำให้ปาล์มรู้ว่า
1️⃣ อย่าลงทุนเลย ตราบใดที่เรายังแยกไม่ออกระหว่างหุ้น กับการพนัน
เพราะหุ้น สร้างขึ้นมาเพื่อให้คนเป็นส่วนหนึ่งของกิจการ ไม่ใช่การเก็งกำไรรายวันแบบฉาบฉวย
2️⃣ในการลงทุนแต่ละครั้ง ควรมีการบริหารหน้าตักเราให้ดี รู้ว่าหุ้นแต่ละตัวเราควรลงทุนเท่าไหร่ เสี่ยงได้เท่าไหร่ กี่ % ของเงินตั้งต้น
3️⃣ศึกษาข้อมูลให้เยอะๆ อ่านงบ ฝึกดูกราฟ ดูนิสัยหุ้นแต่ละตัว เพราะหุ้นแต่ละตัวมีเจ้ามืออยู่ เจ้านิสัยต่างกัน
4️⃣อย่าใช้อารมณ์ ให้ใช้เหตุผล และมีแบบแผนในการเข้าทุกครั้ง จุดเข้า จุดออก จุดตัดขาดทุน และต้องมีวินัย
ย้ำ❗ว่าต้องมีวินัยค่ะ ผิดทางไม่เป็นรัยแต่ต้องออกทันที
‼ อย่าชื่นชมกำไรที่ได้มาโดยฟรุ๊คๆ แต่จงภูมิใจในกำไรที่ได้มาจากการทำตามแผน
‼ตลาดหุ้นไม่มีผิด ไม่มีถูก แต่การเข้าลงทุนทุกครั้งต้องมีเหตุผลประกอบเสมอนะคะ
💡💡 ตอนนี้ปาล์มได้นำบทเรียนที่ได้ไปปรับใช้แล้วค่ะ
📌 เข้าซื้อหุ้นที่เรามองว่าพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว
📌โดยเลือก จากการอ่านงบ ดูข้อมูลพื้นฐาน และข้อมูลทางเทคนิคประกอบการตัดสินใจลงทุน
📌 ซื้อในลักษณะของการซื้อสะสมทุกเดือน ไปเรื่อยๆ
1
ตอนนี้ทำมาสักพักหนึ่งแล้วค่ะ รู้สึกดีขึ้น เพราะมีเหตุผลประกอบในการตัดสินใจทุกครั้ง
🤔สำหรับใครที่เริ่มต้นลงทุนในหุ้น สู้ๆนะคะ
ตลาดหุ้นทำให้คนรวยได้
แต่ก็ทำให้คนจนได้เหมือนกันค่ะ✌✌

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา