[คลินิกการลงทุน] "รัฐบาลสหรัฐฯ" เล่นงานแอปฯ "TikTok" ของจีน อ้าง "เป็นภัยต่อความมั่งคง" … ทางด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า สหรัฐฯ "กังวล" ต่อ TikTok มากกว่า Huawei เสียอีก !!! / โดย คลินิกการลงทุน หากพูดถึงแอปพลิเคชั่นโซเชีย

สำรวจ
ลงทุน
คำถาม

มีบัญชีอยู่แล้ว?หรือ

•

3 ม.ค. 2020 เวลา 12:45 • ธุรกิจ

"รัฐบาลสหรัฐฯ" เล่นงานแอปฯ "TikTok" ของจีน อ้าง "เป็นภัยต่อความมั่งคง" … ทางด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า สหรัฐฯ "กังวล" ต่อ TikTok มากกว่า Huawei เสียอีก !!! / โดย คลินิกการลงทุน

m.facebook.com

You’re Temporarily Blocked

เยี่ยมชม

หากพูดถึงแอปพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย คงจะหนีไม่พ้น แอปฯ "TikTok" ซึ่งเป็นแอปฯ ที่เอาไว้แชร์หรือแบ่งปันวิดีโอที่มีความยาวไม่ถึง 1 นาที โดยส่วนใหญ่นั้น มักจะเป็นคลิปที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจนมีผู้ใช้หลายๆ คนแจ้งเกิดและกลายเป็นเน็ตไอดอลมากมาย จากแอปฯ ดังกล่าว

ทั้งนี้ ด้วยความที่แอปฯ TikTok นั้นเป็นของบริษัทจีน จึงต้องเผชิญกับกระแสต่อต้านทั้งจากแวดวงการเมืองและความมั่นคงของสหรัฐฯ ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ทำให้ในตอนนี้ TikTok ต้องเผชิญกับอุปสรรคครั้งใหญ่

The U.S. Army has directed personnel to uninstall TikTok from their government-issued work phones. GETTY IMAGES

"TikTok" นั้นมีจุดเด่นที่ความยาวของคลิปวิดีโอซึ่งอยู่ระหว่าง 15-60 วินาที ส่วนใหญ่มักจะมีเนื้อหาที่สร้างสีสันและเสียงหัวเราะ โดนใจวัยรุ่น อย่างเช่น การลิปซิงค์เพลงดัง การเต้น เล่นมุขตลก หรืออิริยาบถของสัตว์เลี้ยง โดยสามารถตกแต่งและตัดต่อคลิปได้ง่ายๆ อีกทั้งยังสามารถชวนเพื่อนหรือคนอื่นๆ ทำคลิปตามได้อีกด้วย

สำหรับเจ้าของแอปฯ TikTok ก็คือบริษัท ByteDance ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงปักกิ่ง เริ่มเปิดตัวในประเทศจีนเมื่อปี 2016 ก่อนจะขยายไปทั่วโลก จนในปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านบัญชีในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ซึ่งนีบว่าเติบโตรวดเร็วกว่า Facebook และ Instagram จนทำให้บริษัท ByteDance กลายเป็นสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

tiktok.com

โดยตลอดปี 2019 ที่ผ่านมา TikTok มีประเด็นความขัดแย้งกับทางสหรัฐฯ มากมายโดยข่าวล่าสุดที่มีการรายงานออกมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็คือ กองทัพสหรัฐฯ แบนไม่ให้ทหารทุกนายติดตั้งและดาวน์โหลดแอปฯ TikTok เนื่องจากทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มองว่า แอปฯ ดังกล่าวมีความเสี่ยงที่จะเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ และข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่อาจไม่มีความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มรชีการกล่าวถึงประเทศใดโดยตรง แต่แน่นอนว่าทางรัฐบาลสหรัฐฯ ย่อมหมายถึงรัฐบาลจีนอย่างแน่นอน

Cr. gbhackers

ทางด้านนักการเมืองและหน่วยงานความมั่นคงในสหรัฐฯ เริ่มเพ่งเล็งแอปฯ TikTok ตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา เมื่อสำนักข่าวชื่อดังอ้างเอกสารแนวปฏิบัติภายในของ TikTok ที่สั่งให้ผู้ดูแลเซ็นเซอร์เนื้อหาที่อ่อนไหวต่อพรรคคอมมิวนิสต์จีน อาทิ เหตุการณ์เทียนอันเหมิน การเรียกร้องเอกราชของชาวทิเบต เป็นต้น นอกจากนี้ การค้นหาวิดีโอบนแอปฯ TikTok เกี่ยวกับประเด็นการชุมนุมในฮ่องกงแทบจะไม่ปรากฏผลการค้นหา ทั้งที่เป็นประเด็นที่มีการพูดถึงอย่างกว้างขวาง และยังมีการแบนวิดีโอบนแอปฯ TikTok อีกหลายตัว

Cr. timesofindia

เมื่อเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ทางสหรัฐฯ ก็ได้มีการเรียกร้องให้เปิดการสอบสวน TikTok ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงหรือไม่ โดยการเซ็นเซอร์ข้อมูลนั้น เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และจะเป็นความท้าทายในระยะยาวต่อทางสหรัฐฯ และพันธมิตร นอกจากนี้ ยังอ้างว่า TikTok อาจเป็นช่องทางให้ต่างชาติแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2020 นี้ พร้อมอ้างถึงกฎหมายที่รัฐบาลจีนเริ่มบังคับใช้ในปี 2017 ที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดให้บุคคลหรือนิติบุคคลใดก็ตาม ต้องให้ความร่วมมือด้านข่าวกรองกับทางรัฐบาลหากมีการร้องขอ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ข้อมูลส่วนตัวของประชาชนสหรัฐฯ จะตกไปอยู่ในมือของรัฐบาลจีน

ขณะเดียวกัน เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีนักศึกษาในสหรัฐฯ รายหนึ่งได้ทำการยื่นฟ้อง TikTok โดยกล่าวหาว่าทางแอปฯ ได้มีการส่งข้อมูลอย่างเช่น หมายเลขโทรศัพท์ เลข IP รายชื่อผู้ติดต่อ และพิกัดตำแหน่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศจีน และเมื่อต้นปีที่แล้ว TikTok ก็ได้ยอมจ่ายค่าปรับมูลค่ากว่า 170 ล้านบาท เพื่อยุติคดีจากข้อกล่าวหาว่า TikTok ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ใช้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี

The US Navy and Army have now both banned TikTok ( Reuters )

นอกจากนี้ ทางด้าน Mark Zuckerberg ผู้ก่อนตั้งโซเชียลมีเดียชื่อดังของสหรัฐฯ อย่าง Facebook ซึ่งถือเป็นคู่แข่งสำคัญของ TikTok ก็ได้ออกมาวิจารณ์ว่า ขณะที่ที่ Facebook และ Whatsapp ถูกใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารของผู้ชุมนุมและนักเคลื่อนไหวทั่วโลก แต่ TikTok กลับเซนเซอร์เนื้อหาประเดียวกันนี้ ทั้งในจีนและในสหรัฐฯ

Cr. whatphone

หลังจากเผชิญกับกระแสกดดันอย่างหนัก ทาง TikTok จึงได้ออกมาแถลงการณ์ชี้แจงว่า แอปฯ TikTok ในต่างประเทศได้แยกระบบจากแอปฯ ในประเทศจีนอย่างสิ้นเชิง อย่างเช่น ข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐฯ ก็จะถูกเก็บอยู่ในสหรัฐฯ และอาจจะมีการสำรองข้อมูลในสิงคโ)ร์ ดังนั้น จึงไม่มีข้อมูลใดที่ต้องอยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายจีน และยังได้ยืนยันว่าทางรัฐบาลจีนไม่เคยร้องขอข้อมูลผู้ใช้ หรือร้องขอให้ TikTok ลบเนื้อหาดังกล่าวแต่อย่างใด หรือต่อให้มีการร้องขอ TikTok ก็จะปฏิเสธไม่ทำตาม

Cr. threatpost

ขณะที่ ข้อสังเกตเกี่ยวกับเนื้อหาในประเด็นที่อ่อนไหวต่อรัฐบาลจีนนั้น ทาง TikTok อธิบายว่า เป็นเพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่ใช้แอปฯ นี้เพื่อความบันเทิง ทำให้ไม่ค่อยมีคลิปเกี่ยวกับการเมือง

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ TikTok นั้น แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ มีความกังวลต่อ TikTok มากกว่า Huawei เสียอีก เพราะชาวอเมริกันส่วนใหญ่ยังไม่นิยมใช้สมาร์โฟนของ Huawei และทางรัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้แบนไม่ให้ใช้งานอุปกรณ์ของ Huawei ในการวางระบบโทรคมนาคมในประเทศอีกด้วย ขณะที่ TikTok กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีชาวอเมริกันที่ดาวน์โหลดแอปฯ ไปแล้วกว่า 120 ล้านครั้ง และยังเป็นคู่แข่งสำคัญของบริษัทโซเชียลมีเดียวของสหรัฐฯ หลายเจ้า ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญคาดว่า เหตุการณ์ในสหรัฐฯ ไม่น่าจะมีผลกระทบต่อธุรกิจของ TikTok ในตลาดประเทศอื่นๆ

Cr. theepochtimes

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหล่าบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีนที่มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด และเป็นคู่แข่งสำคัญของบริษัทเทคฯ ของสหรัฐฯ ก็คงหนีไม่พ้นการนำไปเชื่อมโยงหับประเด็นสงครามการค้า ซึ่งแม้ว่าทางสหรัฐฯ และจีนเตรียมที่จะลงนามข้อตกลงการค้าเฟสที่ 1 ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า และความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจในครั้งนี้ คงจะไม่จบลงในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน …

President Donald Trump (left) and Chinese President Xi Jinping AFP/Getty Images