8 ม.ค. 2020 เวลา 00:00 • การศึกษา
ห้องสมุดสุลต่านมาห์หมุดที่ 1 (Sultan Mahmud I's Library)
ห้องสมุดในมหาวิหารอายาโซเฟีย สถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของกรุงอิสตันบูล ประเทศตุรกี ดินแดนแห่งสองทวีป (ยุโรป และเอเชีย)
สุลต่านมาห์หมุดที่ 1 ให้ความสำคัญกับความรู้ ศิลปวิทยาการ จึงสั่งให้สร้างห้องสมุดไว้ในมหาวิหาร ในปี ค.ศ. 1793 แต่เดิมมีหนังสือจัดเก็บรวบรวมไว้ภายในกว่า 5,000 เล่ม และมีพื้นที่ให้นั่งอ่าน ปัจจุบันหนังสือเหล่านั้นถูกย้ายไปจัดเก็บไว้ในห้องสมุด Suleymaniye ซึ่งอยู่ในคอลเลคชัน “Hagia Sophia Special Collection”
ถึงแม้ว่าสภาพห้องสมุดที่ถูกสั่งให้สร้างขึ้นโดยสุลต่านมาห์หมุดที่ 1 คงเหลือเพียงห้องที่ทำจากหินอ่อน ประดับด้วยกระเบื้องโมเสคที่ผนังภายใน ให้นักท่องเที่ยวมองลอดช่องหน้าต่างที่ทำจากสัมฤทธิ์สีทอง ลวดลายเครือเถาม้วนตัวเชื่อมต่อกัน ในห้องมีของจัดแสดง และโต๊ะวางหนังสือจำนวนหนึ่งที่ทำจากไม้ตระกูล Rosewood ซึ่งเป็นไม้ที่มีมูลค่า หากเป็นไม้สายพันธ์ุไทยจะจัดอยู่ในกลุ่มไม้พยุง ส่วนบนโต๊ะประดับตกแต่งด้วยหอยมุก ช่างน่าเสียดายที่ไม่สามารถชื่นชมความงามใกล้ ๆ ได้
ด้านบนประตูทางเข้ามีการสลักชื่อ "Ya Fettah" เป็น 1 ใน 99 ชื่อของ อัลลอฮ์ ที่หมายถึง ผู้ซึ่งเปิดประตูแห่งความดีงาม และความราบรื่นในการทำสัมมาอาชีพ
หากจะพูดถึงประวัติของมหาวิหารอายาโซเฟีย คงยืดยาวไปหลายหน้า แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ ประวัติศาสตร์
เดิมมหาวิหารแห่งนี้เป็นโบสถ์คริสต์ศาสนา นิกายออร์โธดอกส์ ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 532-537 โดยจักรพรรดิจัสติเนียนแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ เดิมชื่อเมืองนี้ คือ กรุงคอนสแตนติโนเปิล การก่อสร้างใช้แรงงานกว่า 10,000 ชีวิต เมื่อสร้างเสร็จก็ถูกนำมาใช้ในพิธีทางศาสนากว่า 1,000 ปี แต่ต่อมาภายหลัง ในปี ค.ศ. 1453 สุลต่านเมห์เหม็ดที่ 2 แห่งตุรกี (Mehmed II) บุกยึดเมืองหลวง ตัดสินใจไม่ทุบทำลายโบสถ์ แต่ดัดแปลงให้กลายเป็นสุเหร่า ดังนั้นภาพโมเสกจารึกศาสนาคริสต์ทั้งหลายถูกฉาบปิดทับไว้ด้วยปูนปลาสเตอร์ และตกแต่งใหม่ มีการสร้างสัญลักษณ์ทางอิสลามปิดทับไว้ทั้งหมด
ต่อมา ด้วยสุเหร่าโซเฟียประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวบ่อยครั้ง จึงทำให้ปูนปลาสเตอร์หลุดร่อน และกะเทาะออกจนเห็นสถาปัตยกรรมภายใน ทำให้คนรุ่นหลังได้ทราบว่า สุเหร่าแห่งนี้เดิมเคยเป็นโบสถ์มาก่อน ภายหลัง ในปี ค.ศ. 1931 สุเหร่าโซเฟียถูกปิด และได้ดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์ตามคำสั่งของประธานาธิบดีคนแรกของตุรกี มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก (Mustafa Kemal Atatürk)
พิพิธภัณฑ์อายาโซเฟีย (Ayasofya Museum) ทำการครั้งแรก ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1935 กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และถูกจัดอันดับให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคกลาง อีกทั้งยังได้จดทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ในปี ค.ศ. 1985
จะเห็นได้ว่า สถานที่แห่งนี้สะท้อนถึงความศรัทธาทางศาสนาทั้งคริสต์และอิสลาม ที่ทั้งกษัตริย์และศาสนิกชนให้ความสำคัญ ถึงแม้ว่าจะถูกภัยธรรมชาติทำลายหลายครั้ง ก็ยังคงบูรณะให้มีสภาพแข็งแรง สวยงาม ตอนนี้ที่มหาวิหารอายาโซเฟียยังอยู่ในช่วงการปรับปรุงครั้งใหญ่ อาจใช้เวลายาวนานหลายปี แต่ก็ยังเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ตลอดค่ะ
ส่วนในแง่มุมของห้องสมุดนั้น ทำให้เราเห็นวิสัยทัศน์ของกษัตริย์ที่ให้ความสำคัญของห้องสมุด ซึ่งเป็นแหล่งเก็บรวบรวมความรู้ วิทยาการต่าง ๆ ซึ่งกษัตริย์มาห์หมุดที่ 1 ไม่เพียงแต่สั่งให้สร้างห้องสมุด ยังสั่งให้สร้างโรงเรียนให้แก่เด็ก ๆ ด้วย ถ้าเดินเที่ยวพระราชวังในตุรกี อย่างเช่น พระราชวังโทพคาปี (Topkapı Palace) ก็ไม่ต้องแปลกใจที่จะได้เห็นห้องสมุดตั้งตระหง่านอยู่ด้วยค่ะ
โมเสกเล็กและละเอียดมาก ๆ
โฆษณา