8 ม.ค. 2020 เวลา 09:05 • ประวัติศาสตร์
** เมื่อเยอรมัน (เกือบ) พลิกประวัติศาสตร์สงครามโลก **
เวลา 1000 วันที่ 30 ตุลาคม 1939 ขณะที่แม่ทัพเรือ เซอร์ ชาร์ล ฟอร์บ ผบ.โฮมฟลีท, รัฐมนตรีกระทรวงทหารเรือ วินสตัน เชอร์ชิล (ตำแหน่งในขณะนั้น) และจอมพลเรือ เซอร์ ดัดเลย์ พาวน์ด์ กำลังประชุมเครียดบนเรือประจันบาญ เนลสัน (HMS Nelson) หลังจากการโดนเรือดำน้ำ U-47 ของเยอรมันเข้ามาลูบคมจมเรือหลวง รอยัลโอ๊ค (HMS Royal Oak) เอาซะคาบ้าน ทหารเรืออังกฤษทุกนายบนเรือพิฆาต 10 ลำที่ทำหน้าคุ้มกันเรือธงลำนี้ไม่มีใครทราบเลยว่านอกจากพวกเขาแล้วยังมีเรือไม่ได้รับเชิญอีก 1 ลำกบดานอยู่ห่างออกไปเพียงแค่ 800 เมตร
เรือ U-56
เรือตรี วิลเฮล์ม ซาห์น ตรวจพบกองเรือโฮมฟลีท (Home Fleet) ผ่านทางกล้องตาเรือ เหยื่อที่เค้าหมายปองคือเรือชั้นเนลสัน 2 ลำ (HMS Nelson และ HMS Rodney) ซึ่งอยู่ตรงกลางประดุจไข่แดงที่ท้าทายส้อมแหลมให้มาเจาะอยู่ อีกทั้งแนวป้องกันของหมู่เรือปราบเรือดำน้ำก็ตรวจไม่พบเรือ U-56 ลำนี้ได้เลย ซาห์นตัดสินใจปล่อยเรือลำแรกไปแล้วเลือกเหยื่อเป็นเรือลำที่สองซึ่งก็คือ HMS Nelson ที่บรรดา VVIP อังกฤษโดยสารนั่นเอง
"Torpedo los!"
นาฬิกาจับเวลาเริ่มเดิน ตอร์ปิโดไฟฟ้า G7e จำนวน 3 ลูกถูกปลดปล่อยออกจากท่อยิง ด้วยระยะประชิดแบบนี้ โอกาสที่จะได้แต้มระวางขับน้ำไม่น้อยกว่า 30,000 ตันไปครองมีสูงมาก เรือดำน้ำเยอรมันรีบดำลงทันทีที่ยิงเสร็จเพื่อหนีจากสารพันระเบิดลึกที่อังกฤษจะหว่านลงมาเป็นค่าตอบแทน พลโซนาร์เยอรมันขยับหูฟังเงี่ยรอเสียงแห่งความสำเร็จอย่างใจจดจ่อ
ตอร์ปิโดแบบ G7e
ทว่าเมื่อตอร์ปิโดทั้ง 3 ลูกกระทบเป้าหมาย ห้องโซนารร์กลับไม่ได้ยินเสียงระเบิดที่ควรจะตามมาเลย ตอร์ปิโดเยอรมันทุกลูกด้าน ผบ.เรือ วิลเฮล์ม ซาห์นจึงได้การบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ด้วยฉายาว่า "บุรุษผู้เกือบฆ่าเชอร์ชิลสำเร็จ" นั่นเอง น่าเศร้าที่หลังเหตุการณ์ที่เกือบพลิกโลกนี้ทำให้กัปตันซาห์นกลายเป็นโรคซึมเศร้าและต้องขึ้นบกไป
โฆษณา