10 ม.ค. 2020 เวลา 02:02 • กีฬา
#เส้นทางชุดแข่ง
หลังจากลิเวอร์พลูได้ประกาศร่วมมืออย่างเป็นทางการกับ Nike เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายชุดแข่งขัน รวมทั้งอุปกรณ์ก็ฬาของสโมสร เริ่ม 2020-2021 เป็นต้นไป
มาย้อนดูในอดีตเล่าเรื่องราว “เส้นทางชุดแข่ง” กับแชมป์ลีกสุงสุด จนถึงวันนี้ก้าวเข้าปีที่ 30 แล้ว
UMBRO 1973-1984 ยุคยิ่งใหญ่
Umbro คือเจ้าแรกที่เป็นผู้ก้าวเข้ามาสนัสนุนชุดแข่งของทีม ช่วงที่ทีมครองความยิ่งใหญ๋บนเวทีลูกหนังอังกฤษ เป็นเวลายาวนาน ไม่มีทีมใดหยุดยับยั้ง เครื่องจักรสีแดง ทีมนี้ลงได้ เรียกว่า แชมป์ลีกผูกขาดอย่างถาวรในช่วงเวลานั้น
ทีมลิเวอร์พูลปี 1984 พบโรม่า ในนัดชิงชนะเลิศ ยูโรเปี้ยน คัพ
ADIDAS 1984-1996 แชมป์ครั้งสุดท้าย
Adidas เข้ามารับช่วงความยิ่งใหญ่ต่อเนื่อง ทีมคว้าแชมป์ลีกได้แบบปีเว้นปี แต่เหมือนเป็นจุดพลิกผัน เมื่อเกิดโศกนาฎกรรมขึ้น 2 ครั้ง 2 ครา ทั้งที่เฮย์เซลและฮิลส์โบโร่ ในปี 1984 และ 1989 ตามลำดับ ส่งผลให้นักเตะหมดแรงจูงใจในการเล่น ผู้จัดการทีมอย่าง โจ เฟแกน ประกาศอำลาทีม “เคนนี่ ดัลกลิช” ก้าวเข้ามาเป็นผู้จักการทีมคนต่อไป ในช่วงฤดูกาล 1989-1990 ดัลกลิช ได้นำลิเวอร์พลูเป็นแชมป์ลีกดิวิชั้น 1 สมัยที่ 18 และเป็นแชมป์ครั้งสุดท้ายของ หงส์แดง ตั้งแต่นั้นมา จวนถึงวันนี้ก้าวเข้าปีที่ 30
แชมป์ดิวิชั่น 1 สมัยที่ 18
REEBOK 1996-2006
ช่วงเวลาของ Reebok ถือเป็นช่วงเวลาเลวร้ายที่สุด ลิเวอร์พลู ไม่สามารถกลับมาคว้าแชมป์ยาวนานถึง 10 ปี ด้วยกัน แม้นจะมีผู้จัดการทีมฝีมือระดับต้น ๆ อย่าง “เซราร์ อุลลิเย่ร์” เข้ามารับงานในปี 1998 การเข้ามาของ เซราร์ ได้จัดการปัดกวาดแข้งเก่า ๆ ให้พ้นทีม ไม่ว่าจะเป็น พอล อินซ์,เดวิด เจมส์, เจสัน แม็คเคเทียร์, โทนี่ วอร์เนอร์, เช่นเดียวกันกับ สตีฟ แม็คมานาน
อย่างไรก็ตาม ก็ได้ดึงผู้เล่นเข้าทีมอย่าง ซามี่ ฮูเปีย,ดีทมาร์ ฮาร์มัน, วลาเมียร์ ซมิเซอร์, แถมยังมีเด็กหนุ่มสเกาเซอร์ อย่าง สตีเฟ่น เจอร์ราด เจมี่ คาร์เรเกอร์ และ ไมเคิ่ล โอเว่น ล้วนแล้วแต่เป็นตำนานของทีมทั้งหมด นอกเสียจาก ไมเคิ่ล โอเว่น ที่ได้ผันตัวเองไปเป็นตำนาน สโต๊ก ในปัจจุบันก็ตาม
ด่านหิน ยุคสมัยนั้น
แม้ อุลริเย่ร์ จะนำทัพหงส์แดงผงาดคว้าทริปเปิลแชมป์ ได้ในปี 2000-2001 (ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ, ยูฟ่า คัพ) ได้สำเร็จ แต่ผลงานในลีกกับผิดหวังมาครบทศววรษแล้วด้วยกัน ได้แต่ลุ้นพื่นที่ไปเล่นฟุตบอลยุโรปเท่านั้น ไม่เป็นที่น่าพอใจของเหล่า เดอะค็อป ที่เคยยิ่งใหญ่มาก่อน
ทริปเปิลแชมป์ ปี 2000-2001 (ลีก คัพ, เอฟเอ คัพ, ยูฟ่า คัพ)
และเป็นราฟา เบนิเตส รับงานต่อหลัง เซราร์ อุลลิเย่ร์ ลาทีมไป
ราฟา คุมทีมได้ไม่นานก็พา ลิเวอร์พลู คว้าแชมป์ได้อย่างราวปาฎิหาริย์ หลังสกอร์ตาม เอซิ มิลาน อยู่ 3-0 แล้วกลับมาตีเสมอ 3-3 ต่อเวลา ชนะดวลจุดโทษ พาทีมคว้าแชมป์ยุโรป เป็นสมัยที่ 5 ของสโมสรอย่างยิ่งใหญ่
เจอร์ราด พาทีมคว้าแชมป์สมัยที่ 5
ADIDAS 2006-2012
การคำรบกลับมารอบ 2 ของ Adidas ดั่งเป็นขวัญกำลังใจของเหล่า เดอะค็อป ว่านี่จะเป็นหนทางทวงความยิ่งใหญ่กลับมาให้ทีมได้อีกครั้ง ทั้งราฟาเอง เพิ่งพาทีมเป็นเจ้ายุโรปสมัยที่ 5 มา
เสมือนว่าความหวังเข้าใกล้ความจริงอีกครั้ง
ในปี 2008-2009 ในทีมมีนักเตะทั้ง สตีเว่น เจอร์ราด, เฟอร์นันโด ตอเรช, ซาบี อลอนโซ่, ฮามี่ ฮูเปีย เจมมี่ คาร์ราเกอร์ และ เปเป้ เรน่า ได้พาทีมเข้าใกล้การลุ้นแชมป์ลีกอีกคร้ง แต่ทีมยังขาดสมดุล ไม่มีความสม่ำเสมอเท่าไหร่ พึ่งพา 2คู่หู เจอร์ราด กับ ตอเรช มากเกินไป จบฤดูกาลด้วยรองแชมป์ แต้มน้อยกว่า แมนเซสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมแชมป์ไป 4 คะแนน
เจิดจ่าย ตอร์ยิง
ในช่วงปี 2010 สโมสรกลับล้มเหลวแทบจะล้มละลายเมื่อเป็นหนี้ ธนาคารอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนต์ จำนวนกว่า 14,000 ล้านบาท จากการบริหารทีมของคู่หูมหาประลัย “Tom Hicks & Gorge Gillett” แล้วได้ประกาศขายทีมในที่สุด
เป็น John W. Henry เข้ามากอบกู้ทีมไว้ตั้งแต่นั้นมา
Linda Pezutti Henry & John W. Henry
WARRIOR 2012-2015
Warrior เข้ามาครั้งนี้ได้ยกระดับการออกแบบชุดแข่งขันได้แตกต่าง สวมงามทันสมัยมากกว่ายุคก่อนมากยิ่งขึ้น ทำให้เป็นที่ถูกอกถูกใจแม่ยกเป็นอย่างมาก
ชุดแข่งทั้งหมดในนาม New Balance
ผลงานในสนามได้เปลื่ยนแม่ทัพอีกครั้ง เป็นผู้จักการหนุ่มไฟแรง อย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มาคุมทีมในวัย 39 ปี พร้อมมีผู้เล่นคุณภาพสูง อาทิ หลุย ซัวเรช, ราฮิม สเตอร์ริ่ง และคูตินโญ่ ร่วมผนึกกัปตันทีมอย่าง สตีเว่น เจอร์ราด
ทีมลิเวอร์พลูปี 2013-2014
เข้าฤดูกาล 2013-2014 เป็นช่วงเวลาที่ที่สื่อทุกสำนัก ทั้งในไทยและต่างประเทศ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน ว่าการรอคอยแชมป์ที่ยาวนาน จะสิ้นสุดลงในปฎิทินนี้ แฟนบอลหน้าเก่า ๆ ที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ จากบันดาแฟนผีทั้งหลาด ต่างกลับมามีที่ยืนอีกครั้ง แฟนบอลรุ่นใหม่ต่างเริ่มหันมาเชียร์ทีมมากขึ้น จนกระทั้งเกิดตำนาน ”รถแห่” ขึ้น (ในไทย)
ทว่าฟุตบอลลีกนั้น ลงเตะกัน 38 นัด จากจบแมซต์ที่ 35 ลิเวอร์พลู นำจ่าฝูงมี 80 คะแนน นำ แมน ซิตี้ลำดับ 2 อยู่ 3 คะแนน ด้วยใจอันฮึกเหิมบ้าบิ่น ของบีร็อส หรือภายหลังจะว่าประสบการณ์น้อย อะไรก็ตามแต่
นัดที่ 36 หงส์แดง ได้เล่นในแอนฟิลต์ เจอ เชลซี ของ โซเซ มูรินโญ่ ผู้มาเยือน ที่ทีมไม่สมบูรณ์มากนัก จัดชุดสำรองลงหลายตำแหน่ง ด้วย ร็อดเจอร์ส ที่อยากจะคว้าชัยในบ้านให้แต้มทิ้งออกไป พร้อมสไตล์ของทีมที่เน้นเกมรุกอยู่แล้ว ครองบอลโหมบุกครั้งแล้ว ครั้งเล่า ทีมก็เจาะประตูคู่แข่งไม่ได้ ด้วยแท็กติก ของมูรินโญ่ ที่มาของแค่ 1 คะแนนกลับออกไป
อุบัติเหตุด้านฟุตบอลก็เกิดขึ้น ทำช็อกแฟนบอล เดอะค็อป ทั้งโลก ทีมพลาดท่าแพ้ เชลซีในบ้านไป 0-2 และนัดรองสุดท้ายเสมอ คริสตัล พาเลสไป 3-3
หลุย ซัวเรช ถึงกับคลั่งน้ำตาม หลังเกมกับ พาเรช
ถ้าหาก บีร็อส ละเอียดอ่อนมากกว่านี้ จะเห็นว่า นัดที่ 36 ถ้าเอาผลแค่เสมอได้ 1 แต้ม แล้วชนะ 2 นัด ที่เหลือ ทีมจะมี 87 แต้ม แม้ แมน ซิตี้ จะชนะรวด แต้มก็จะอยู่แค่ 86 แต้มเท่านั้น
NEW BALANCE 2015-2019
จากความผิดหวังครั้งก่อน เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก็ลาทีมออกไป เป็น เจอร์เก้น คล็อปป์ รับงานต่อ คำแรกที่นายใหม่ ลั้นวาจาไว้ว่า
"ผมขอทำงานอย่างน้อย 4 ปี หวังว่าเราจะมีสักแชมป์ติดมือนะ"
คล็อป ให้คำมั่นสัญญา
คล็อปป์ได้สร้างทีมใหม่ขึ้นมา ใช้เวลาผ่านมากว่า 3-4 ปี ถึงจะเห็นผล ในตอนนี้ทีมมีขุมกำลังหลัก อย่าง ซาร่า มาเน่ เฟอร์มิโน่ เฮนเดอร์สัน ฟาร์นไดจ์ค ฟาบิญโญ่ เทรน ร็อบโบ้ และ อดิซอน แบ็กเกอร์ (เทพกี้)
เหล่าบรรดานักเตะ กับ เทพ
ฤดูกาล 2018-2019 มีโอกาสคว้าแชมป์ลีกมากที่สุด ทีมเก็บได้ 97 แต้ม เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร แต่กะนั้นยังพอไม่ถึงการเป็นแชมป์ได้ เพราะ แมน ซิตี้ แข็งเกร่งยิ่งกว่า ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปได้เพียง 1 แต้ม
แม้จะผิดหวังอีกครั้งกับแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่แฟนบอลก็ต่างไม่ได้ผิดหวังมากนัก แล้วทีมก็มาคว้า 3 ถ้วยเมเจอร์ ได้ในปีเดียวกัน จุดประกายการเริ่มต้นที่ดี สู่ปี 2019-2020
(ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ, ชิงแชมป์สโมสรโลก)
เฮนเดอร์สัน คว้า 3 ถ้วยเมเจอร์ คนแรกในประวัติศาสตร์ อังกฤษ
ถึงคร่าวนี้ แฟนๆ ต่างมั่นอกมั่นใจ ว่าจะสมหวังกับแชมป์ลีกสักที เพราะทั้งผู้จัดการทีมต่อสัญญายาวออกไปถึงปี 2024 ทั้งผู่เส่นตัวหลักๆ อยู่ครบ ระบบการเล่น ดุดัน ราวกับเครื่องจักร เล่นเป็นทีมมากกว่า ทุกยุคทุกสมัย เสพติดกับชัยชนะ ผู้เล่นสำรองยกระดับดั่งตัวจริง
พร้อมทั้งมี "เทพกี้" ประทับอยุ่ในทีม
พลังเทพแพร่ประกาย
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ จะลบล้างอาถรรพ์หรืออะไรก็แล้วแต่ และจะเดินก้าวไปข้างหน้าอย่าไม่หยุดยั้ง
NIKE 2020
เชื่อกันว่าการเริ่มต้นทศวรรษใหม่ จะได้เห็นทีมประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น เหล่าเซียน กูรู ทั้งหลาย ได้ทำนายทายทักว่า
"เครื่องจักรสีแดงผู้อหังการ"
จะกลับมายิ่งใหญ่ตลอดทั้งทศวรรษนี้ ก็เป็นได้
ปล. 1 ขอบคุณ เพื่อนๆ นักอ่าน ที่อ่านมาถึงตรงนี้ทุกคนครับบ
ปล, 2 ฝากกดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ
อ้างอิง
โฆษณา