11 ม.ค. 2020 เวลา 11:25 • ข่าว
[สรุป] ย้อนรอยปม Prince Harry, Duke of Sussex และภรรยา Meghan, Duchess of Sussex ขอลดบทบาทในราชวงศ์อังกฤษ
เมื่อวันพุธที่ผ่านมามีข่าวใหญ่จากทางราชวงศ์อังกฤษครับ ก็คือ เจ้าชายแฮร์รี่ (Prince Harry, Duke of Sussex) และ ภรรยา เมแกน (Meghan, Duchess of Sussex) ได้ออกมาประกาศขอลดบทบาทในราชวงศ์ลง
โดยจะลดจากสถานะสมาชิกแถวหน้า (Senior Member) ที่มีบทบาทในการทำงานหลวง และรับเงินเป็นรายปีจากภาษีประชาชน ลงไปเหลือเพียงราชวงศ์ทั่วไปที่จะไม่มีบทบาทในงานต่างๆ และไม่รับเงินภาษีประชาชน และจะไปทำธุรกิจส่วนตัวร่วมกัน
พูดง่ายๆก็เหมือนลาออกจากงานมาทำธุรกิจของตัวเองนั่นแหละครับ
อาจจะฟังดูเหมือนดี แต่จริงๆแล้วที่มาที่ไปนั้นมีอะไรซับซ้อนกว่านี้เยอะ เพราะฉะนั้นวันนี้ผมจะขอรวบรวมมา “เล่า” ให้ฟังกันภายใน 10 ข้อเหมือนเดิมครับ แต่จะยาวนิดนึง 😂
มาเริ่มกันเลย
(เพื่อความไม่วุ่นวายผมอาจจะใช้ราชาศัพท์น้อยมากนะครับ เพราะเวลาผมอ่านข่าวจากภาษาอังกฤษก็ไม่ได้มีราชาศัพท์อะไรเท่าไหร่)
1
Prince Harry นั้นแม้จะเป็นหลานชายคนที่ 2 ของ Queen Elizabeth แต่ถ้านับตามลำดับการสืบราชสมบัติแล้วจะเป็นเพียงรัชทายาทลำดับที่ 6 ของราชวงศ์อังกฤษ เนื่องจากมีคุณพ่อ (Prince Charles หรือเจ้าชายชาร์ล : ลำดับที่ 1) และพี่ชาย (Prince William หรือเจ้าชายวิลเลี่ยม : ลำดับที่ 2) นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
แถมลูกๆของ Prince William ทั้ง 3 คนนั้นมีศักดิ์ที่สูงกว่า (ลำดับที่ 3-5) ทำให้ Prince Harry นั้นแทบจะไม่มีโอกาสได้สืบทอดบัลลังก์ของราชวงศ์อยู่แล้ว
แต่ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นในการขอลดบทบาทครับ แต่เราสามารถมองมันเป็น 1 ในมูลเหตุของการตัดสินใจได้ด้วย
2
มูลเหตุถัดมาคือการเลือกพระชายา หรือภรรยาของ Prince Harry นั้นได้สร้างความไม่ประทับใจให้กับราชวงศ์เท่าไหร่ เพราะ Meghan Markle ในขณะนั้นเป็นนักแสดง Hollywood และยังเคยมีสามีมาแล้วด้วย
ประเด็นนี้อยู่คู่กับราชวงศ์อังกฤษมายาวนานมาก ซึ่งมักจะมีปัญหาตามมาตลอด ยกตัวอย่างแบบใกล้ตัวที่สุดก็คือ
- Prince Charles (เจ้าฟ้าชายชาร์ล ลูกชายของ Queen Elizabeth) ที่แต่งงานรอบที่ 2 กับ Camilla Parker Bowles ที่ก็เคยมีสามีและหย่าขาดกัน
- King Edward VIII (หรือลุงของ Queen Elizabeth) ที่สละราชสมบัติให้กับน้องชายเพราะต้องการแต่งงานกับ Wallis หญิงม่ายที่ตนรัก
- Princess Margaret (น้องสาวของ Queen Elizabeth) ที่เคยตกหลุมรักกับ Peter Townsend องครักษ์ในวัง ก่อนที่ทาง Church of England จะออกมาปฎิเสธไม่ทำพิธีให้เนื่องจาก Townsend นั้นเคยมีภรรยามาแล้ว
เมื่อรวมกับ Prince Harry แล้วจะเห็นว่าตลอด 4 Generation ของราชวงศ์อังกฤษมีประเด็นแบบนี้อยู่เสมอ ซึ่งไม่เป็นผลดีในสายตาคนภายนอกเท่าไหร่นัก
แต่เรื่องความรักมันก็ห้ามกันไม่ได้ครับ 🥰
3
นอกจากจะเคยแต่งงานมาแล้วครั้งนึง Meghan ยังถูกสื่อโจมตีในเรื่องของสีผิว เนื่องจากแม่ของเธอเป็นชาวอเมริกันผิวสี ทำให้เธอนั้นถูกเรียกว่าเป็น Half Black ซึ่งถ้าแต่งงานเข้ามาจะนับเป็นคนผิวสีคนแรกของราชวงศ์อังกฤษอีกด้วย
ประเด็นนี้ทำให้คนรอบตัวของ Meghan ได้รับผลกระทบจากสังคม โดยเฉพาะแม่ของเธอนั้นไม่สามารถใช้ชีวิตอย่างปกติได้เลย
ภายหลังทาง Kensington Palace ก็ต้องออกประกาศให้สื่อหยุด Bully ครอบครัวของเธอก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ แต่ทางครอบครัวของ Meghan เองก็ได้รับผลกระทบทางจิตใจไปแล้ว
4
ประเด็นปัญหาถัดมา จริงๆฟังดูไม่มีอะไร แต่สื่อก็เอามาเล่นข่าวกันมากมาย ก็คือ Meghan นั้นไม่แต่งกายตามประเพณีปฏิบัติของราชวงศ์โดยการสวมชุดสีดำ และการไม่ใส่ถุงน่อง !!
เรื่องนี้จริงๆไม่ได้เป็นกฎที่มีการเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรครับ แต่ทั้ง Queen Elizabeth และ Kate Middleton ก็ปฏิบัติกันมาตลอด ดังนั้นการแหวกขนบธรรมเนียมตรงนี้ก็เป็นข่าวเล็กๆที่มีที่จุดชนวนให้เห็นถึงความ Independent ของ Meghan
หรือจะเรียกว่าความรั้นก็ได้ครับ
5
ยังไม่จบเท่านั้น เพราะทั้ง Prince Harry และ Meghan เองยังได้แหกขนบธรรมเนียมปฏิบัติอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกันในที่สาธารณะ, ไม่ไปทำคลอดที่ Lindo Wing, ไม่พาลูกชายออกมาให้สื่อถ่ายรูปหลังคลอด แต่พามาในอีก 2 วันให้หลัง และไม่มาร่วมงานคริสมาสต์กับครอบครัว
ครั้งแรกเรื่องการแต่งกายนั้นอาจจะมองว่าไม่ได้ตั้งใจก็ได้ แต่ยิ่งมีข่าวแนวนี้ออกมาเรื่อยๆ สื่ออังกฤษหลายสำนักก็มองว่า Meghan นั้นเอาแต่ใจตัวเอง และทำลายขนบธรรมเนียมของราชวงศ์ จึงนำเสนอข่าวในเชิงที่บอกว่า “เราไม่ต้อนรับคุณ”
แต่ถ้าเรามองในมุมของ Meghan ที่พื้นเพเป็นนักแสดง และเป็นอเมริกันชนที่มีความอิสระเสรี การที่ต้องมาอยู่ภายใต้กฎข้อบังคับหลายๆอย่างที่ทำให้ไม่มีความเป็นส่วนตัวก็ต้องไม่ชอบเป็นธรรมดาครับ
6
ปัญหาเริ่มลุกลามใหญ่ขึ้นเมื่อสื่อในอังกฤษเริ่มเอาเรื่องส่วนตัวของ Meghan มาตีข่าว โดยเรื่องที่เป็นจุดแตกหักก็คือการเอาจดหมายที่เธอส่งให้พ่อมาเผยแพร่
เนื้อหาภายในนั้นแสดงให้เห็นความไม่ลงรอยกับพ่อของตัวเอง ซึ่งไปขัดแย้งกับที่ชาวอังกฤษให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว จึงทำให้ประชาชนที่ไม่ยอมรับในตัว Meghan นั้นเพิ่มขึ้น
ในการ Bully รอบอื่นๆ Prince Harry อาจจะพอทนได้ แต่รอบนี้มันรุกล้ำความเป็นส่วนตัวกันมากเกินไป จึงได้ออกมาแถลงตำหนิต่อว่าสื่อที่นำเสนอข่าวดังกล่าว
ในคำแถลงการณ์นั้นมีการอ้างอิงไปถึง Princess Diana (เจ้าหญิงไดอาน่า แม่ของตน) ที่เคยโดนสื่อเล่นงานในลักษณะนี้มาแล้ว มารอบนี้เป็นภรรยาของตนที่โดนเล่นงานมาตลอดตั้งแต่เริ่มมีความสัมพันธ์กัน และตนจะไม่อยู่เฉยกับเหตุการณ์นี้เด็ดขาด
ส่วน Meghan เองก็เดินหน้าฟ้องร้องสื่อดังกล่าวที่นำเรื่องส่วนตัวมาเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต ทางสื่อเองก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวบอกว่าตนแค่นำความจริงมาเผยแพร่ก็เท่านั้น
7
ซึ่งตรงกันข้ามกับคู่ Prince William และ Kate ที่อยู่ในขนบธรรมเนียมตลอด และยังเป็นมิตรกับสื่อทุกสำนัก แต่ในความเป็นมิตรนั้นก็เท่ากับไม่ปกป้องน้องชายของตัวเองจากการโจมตีของสื่อด้วยเช่นกัน
แถมยังออกมาพูดประมาณว่า ทั้งสองคนยังเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ขณะนี้เรามีเส้นทางเดินที่แตกต่างกัน
จุดนี้หลายๆคนก็สังเกตและคาดการณ์ว่าความสัมพันธ์ของ 2 พี่น้องนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากการแสดงจุดยืนตรงกันข้ามต่อเรื่องเดียวกันนี้
8
นอกจากนี้ Prince Harry และ Meghan ยังถอนตัวออกจากมูลธินิ Royal Foundation of Duke and Duchess of Cambridge and Sussex ที่ร่วมกันทำกับ Prince William และ Kate เพื่อออกมาทำมูลนิธิของตนเอง ด้วยเหตุผลที่ว่าทั้งสองคู่มีความคิดในการช่วยเหลือสังคมที่แตกต่างกัน
แสดงถึงความไม่ลงรอยกัน และความแตกแยกของสองพี่น้องที่มากขึ้น
9
และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา Prince Harry และ Meghan ได้แอบไปจด Trademark (เครื่องหมายการค้า) ของแบรนด์ Royal Sussex เพื่อขายสินค้าแบรนด์เนมที่ทั้งคู่เป็นเจ้าของ ก่อนที่จะได้รับการรับรองจากสำนักทรัพย์สินทางปัญญาของอังกฤษเมื่อเดือนธันวาคม
1
แสดงให้เห็นว่าการตัดสินใจลดบทบาทจากราชวงศ์น่าจะเริ่มมาตั้งแต่ช่วงกลางปีแล้ว โดยทั้งคู่ตั้งใจที่จะใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองและไม่ต้องพึ่งภาษีของประชาชน (Personally Financial Independent) นั่นเอง
10
และเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก็ได้มีการประกาศขอลดบทบาทจากราชวงศ์ออกมาอย่างเป็นทางการ ทั้งจากทางพระราชวัง Buckingham และ จาก Instagram ส่วนตัว โดยทั้งคู่จะยังคงสถานะของ Royal Family เอาไว้ แต่จะลดบทบาททางการทรงงานลง (คาดว่าน่าจะเป็นลักษณะของ Part-Time) พร้อมกับหันไปจริงจังกับวงการแฟชั่นและแบรนด์ Royal Sussex มากขึ้น
ถึงแม้ว่าจะมีข่าวว่าการประกาศในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจร่วมกันของสมากชิกราชวงศ์ แต่แหล่งข่าวหลายสำนักก็นำเสนอถึงความไม่พอใจและรอยร้าวภายในครอบครัว รวมไปถึงหุ่นขี้ผึ้งของทั้งสองคนในพิพิธภัณฑ์ Madame Tussaud ได้ถูกย้ายออกจากเดิมที่ยืนอยู่ข้างกับ Queen Elizabeth มาแยกอยู่อีกที่เรียบร้อยแล้ว
เรื่องราวทั้งหมดก็เล่าคร่าวๆประมาณนี้ครับ สรุปตรงนี้สั้นๆก็ได้ออกมา 2 มุมมองก็คือ
- ถ้ามองในมุมของคนนอก หลายๆคนก็จะโฟกัสไปว่า Meghan คือคนที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงนิสัยของ Prince Harry ไปเป็นคนละคน นอกจากจะแหกขนมธรรมเนียมต่างๆอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วยังสร้างรอยร้าวกันภายในราชวงศ์ด้วย ประชาชนจึงไม่ค่อยต้อนรับเธอเท่าไหร่นัก
- แต่ถ้ามองในอีกมุมนึง เราก็จะเห็นว่า Prince Harry นั้นแทบจะไม่มีโอกาสสืบราชสมบัติของราชวงศ์อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นรัชทายาทลำดับที่ 6 ประกอบกับ Meghan ที่เดิมทีเป็นนักแสดงที่มีอิสระในชีวิต ถ้าต้องทนอยู่ในกรอบในระเบียบของราชวงศ์ ที่อยู่ต่อไปก็ไม่ได้ครอบครอง แถมยังต้องถูกจับตาจากสื่อและคนรอบข้างเนื่องจากใช้เงินภาษีของประชาชน
แถมความเป็นส่วนตัวในชีวิตก็แทบจะไม่มี ถ้ายังงั้นสู้ขอลดบทบาทลงมา ใช้ชีวิตแบบมีอิสระมากขึ้น มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แล้วก็หาเลี้ยงตัวเองด้วยโดยไม่ต้องรับเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชนก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งเช่นกัน
ฟังดูเหมือนละครกงสีที่ลูกคนเล็กน้อยใจ และขอแยกออกมาอยู่กันเอง อะไรประมาณนั้นเลยครับ
ก็ขอจบการเล่าเรื่องไว้เพียงเท่านี้ ขออภัยหากไม่ได้ใช้ราชาศัพท์ที่เหมาะสมเท่าไหร่นัก แต่คิดว่าน่าจะอ่านง่ายกว่าเยอะครับ
ขอบคุณครับ
ส่วนในโพสต่อๆไปก็จะนำเรื่องน่าสนใจของหนังสือเล่มอื่นๆ รวมไปถึงเกร็ดความรู้ต่างๆ มาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ สนใจก็กดติดตามเพจ “เล่า” ไว้เพื่อที่จะไม่พลาดเนื้อหาดีๆในอนาคต
ส่วนถ้าใครไม่อยากพลาดทุกโพสต์ของเพจ “เล่า” แอดมินแนะนำให้กด See First เอาไว้ด้วยครับ :)
ติดตามเรื่อง “เล่า” ผ่าน facebook ได้ที่
#เล่า #เล่าหนังสือ #เล่าความรู้ #unfold #ส่งเสริมการอ่าน #ส่งเสริมการเรียนรู้ #PrinceHarry #MeghanMarkles #DukeofSussex #DuchessofSussex
โฆษณา