Vasili Arkhipov ผู้ช่วยโลกจากสงครามนิวเคลียร์
1
Vasili Arkhipov เป็นผู้ที่ทำให้โลกปราศจากสงครามนิวเคลียร์โดยที่ตัวเขาเองก็แทบไม่รู้ตัว
ในช่วงระหว่างวันที่ 14-28 ตุลาคม ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) เป็นช่วงเวลาของ “วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบา (The Cuban Missile Crisis)” เป็นช่วงเวลาสองอาทิตย์ที่สหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต สองชาติมหาอำนาจที่มีนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง ต่างสุ่มเสี่ยงที่จะทำสงครามนิวเคลียร์
ภายหลังมีผู้กล่าวว่า “ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ”
ในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ.1962 (พ.ศ.2505) เครื่องบินสอดแนมของสหรัฐอเมริกาได้พบกับฐานทัพจรวดนิวเคลียร์ที่กำลังก่อสร้างในคิวบา และอยู่ห่างจากภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกาไปเพียง 90 ไมล์ (144 กิโลเมตร)
ในเวลานั้น สหภาพโซเวียตกับพันธมิตรในคิวบาได้ตกลงกันว่าจะมีการนำระเบิดนิวเคลียร์มาไว้ในคิวบา เพื่อข่มสหรัฐอเมริกาและป้องกันไม่ให้สหรัฐอเมริกาบุกโจมตี
เมื่อข่าวนี้ถึงสหรัฐอเมริกา ทางสหรัฐก็นั่งไม่ติด ฐานนี้อยู่ห่างจากสหรัฐเพียงแค่ร้อยกว่ากิโล หากว่ายิงนิวเคลียร์มา ภาคตะวันออกของสหรัฐคงจะหายไปทั้งแถบ
ประธานาธิบดีเคนเนดี้จึงออกคำสั่งให้ล้อมเกาะคิวบาไว้ ไม่ให้เรือผ่านเข้าออก พร้อมทั้งสั่งให้โซเวียตถอนนิวเคลียร์ออกจากคิวบา
จอห์น เอฟ. เคนเนดี (John F. Kennedy)
ภายหลังการเจรจาอย่างเคร่งเครียดผ่านไป ในที่สุดก็ได้ข้อสรุป สหรัฐอเมริกาจะถอนอาวุธออกจากตุรกี และสหภาพโซเวียตก็จะถอนอาวุธออกจากคิวบา
ดูเหมือนทุกอย่างผ่านพ้นไปได้อย่างดี แต่ก็มีภัยบางอย่างที่หลายคนยังไม่รู้หรือตระหนัก
1
ในเวลานั้น เรือดำน้ำ “B-59” ซึ่งเป็นเรือดำน้ำฝ่ายโซเวียตได้รับคำสั่งให้ลงไปดำอยู่ใต้ทะเลแคริบเบียน ไม่ห่างจากบริเวณที่สหรัฐปิดล้อมคิวบา
B-59
สหรัฐอเมริกาได้ทำการโจมตีน่านน้ำบริเวณนั้นด้วยอาวุธที่ไม่ร้ายแรง โดยมีจุดประสงค์เพียงให้ B-59 โผล่ขึ้นมา
แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาคือ B-59 มีระเบิดนิวเคลียร์อยู่ และได้รับอนุญาตให้ใช้โจมตีทันทีหากเรือดำน้ำหรือว่าสหภาพโซเวียตถูกโจมตี
1
ทหารบนเรือ B-59 นั้นต่างถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเนื่องจากอยู่ใต้น้ำ ไม่มีใครรู้ว่าบนภาคพื้นดินนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง และจากการโจมตีของสหรัฐ ก็ทำให้ทหารทั้งหลายต่างคิดว่าสหรัฐอเมริกาได้ก่อสงครามแล้ว
บรรยากาศในเรือนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด เหล่าทหารต่างยังลังเลว่าจะโจมตีหรือไม่โจมตีดี
บนเรือ B-59 นี้มีกัปตันอยู่ทั้งหมดสามคน โดยหนึ่งในกัปตันคือ “Vasili Arkhipov”
กัปตันทั้งสองนั้นคิดว่าสหรัฐคงโจมตีแล้วแน่ๆ และเห็นด้วยว่าควรยิงมิสไซล์โต้ตอบเลย โดยตั้งใจจะยิงไปยังเรือของสหรัฐจำนวน 11 ลำที่ปิดล้อมคิวบา
แต่ Arkhipov ไม่เห็นด้วย
Arkhipov คิดว่าสหรัฐไม่ได้จะโจมตีจริงๆ ที่ยิงปืนนั้นก็เพื่อแค่จะให้ฝ่ายพวกตนรู้ตัวและโผล่ขึ้นไป เนื่องจากหากจะโจมตีจริงๆ การโจมตีต้องรุนแรงกว่านี้
Vasili Arkhipov
สุดท้ายแล้วเรือ B-59 ก็ไม่ได้ทำการโจมตีกลับ และเมื่อขึ้นบก ทุกคนทราบถึงผลการเจรจา ต่างก็โล่งใจ
แต่ก็มีการคิดต่อว่าหาก Arkhipov ตกลงให้โจมตี เท่ากับว่ากัปตันทั้งสามของ B-59 เห็นชอบให้ยิงนิวเคลียร์ อะไรจะเกิดขึ้นตามมา?
มีการวิเคราะห์กันว่าหากในตอนนั้น B-59 ทำการโจมตี ชะตากรรมของโลกคงต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คงต้องเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะเกิดความเสียหายต่อชีวิตจำนวนมหาศาล และแน่นอนว่าต้องกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 แน่ๆ
จึงอาจจะเรียกได้ว่า Vasili Arkhipov คือผู้ที่ช่วยให้โลกรอดพ้นจากสงครามนิวเคลียร์ก็ว่าได้ โดยฮีโร่รายนี้ได้เสียชีวิตลงในปีค.ศ.1998 (พ.ศ.2541) ขณะมีอายุได้ 72 ปี และภายหลังจากที่เขาเสียชีวิต สื่อต่างๆ ก็ยกย่องเขา บางคนถึงกับพูดว่า “ทุกคนบนโลกเป็นหนี้ชีวิต” ของเขาด้วยซ้ำ เพราะในเวลานั้น ชะตากรรมของโลกขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเขาเพียงคนเดียวจริงๆ
4
โฆษณา