16 ม.ค. 2020 เวลา 04:05 • ประวัติศาสตร์
“บิลล์ เกตส์ (Bill Gates) เจ้าพ่อไมโครซอฟต์ อัครมหาเศรษฐีระดับโลก” ตอนที่ 2
ชีวิตที่เลคไซด์และการได้พบ “คู่หู”
นักเรียนในเลคไซด์ที่สนใจในคอมพิวเตอร์ได้รวมตัวกันจัดตั้งชมรมคอมพิวเตอร์และเรียกตัวเองว่า “โปรแกรมเมอร์เลคไซด์ (Lakeside Programmers)”
นักเรียนเริ่มจะเขียนโปรแกรมของตัวเอง โดยบิลล์นั้นได้เขียนโปรแกรมแรกขณะอายุได้ 13 ปี โดยโปรแกรมที่เขาเขียนนั้นเป็นโปรแกรมสำหรับเล่นเกมส์เอ็กซ์โอ
บิลล์นั้นเป็นคนที่ชอบอะไรท้าทาย คอมพิวเตอร์จึงเป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับเขา เนื่องจากการเขียนโปรแกรมนั้นต้องเขียนอย่างถูกต้องเป๊ะๆ จะผิดซักนิดไม่ได้เลย
2
บิลล์นั้นอายุน้อยกว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของชมรมคอมพิวเตอร์ และในช่วงหนึ่ง เหล่าสมาชิกในชมรมคอมพิวเตอร์ก็ลงความเห็นว่าบิลล์นั้นเด็กเกินไป อีกอย่าง บิลล์มักจะชอบขลุกอยู่กับเครื่องโทรพิมพ์จนไม่เป็นอันทำอะไร พวกเขาจึงไล่บิลล์ออกจากชมรม
แต่บิลล์ก็โดนไล่ออกไม่นาน เขานั้นรู้เรื่องคอมพิวเตอร์ดีกว่าใครๆ ทำให้สมาชิกชมรมต่างต้องการให้เขากลับเข้ามาในชมรม สุดท้ายพวกเขาจึงชวนให้บิลล์กลับมาเข้าชมรม
แต่ถึงนักเรียนจะสนใจในคอมพิวเตอร์มากแค่ไหน แต่คอมพิวเตอร์นั้นก็ไม่ฟรี
ในเวลาต่อมา บริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก (General Electric) ให้เลคไซด์เช่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์โดยคิดค่าเช่าเดือนละ 89 ดอลลาร์ (ประมาณ 2,670 บาท)
เลคไซด์ก็จัดการคิดค่าใช้คอมพิวเตอร์จากนักเรียน โดยคิดค่าใช้คอมพิวเตอร์ชั่วโมงละแปดดอลลาร์ (ประมาณ 240 บาท) ซึ่งถือว่าแพงมากในสมัยนั้น
2
ในช่วงแรก ชมรมคอมพิวเตอร์ก็เป็นผู้จ่ายค่าใช้คอมพิวเตอร์ แต่ในตอนหลังชมรมก็เงินหมด นักเรียนจึงต้องจ่ายค่าใช้คอมพิวเตอร์เอง
พ่อแม่ของบิลล์นั้นจ่ายค่าเทอมให้บิลล์ แต่ไม่จ่ายค่าใช้คอมพิวเตอร์ให้ หากอยากจะใช้คอมพิวเตอร์ บิลล์ต้องหาเงินมาจ่ายเอง
ในเวลานั้น มีบริษัทเปิดใหม่ในซีแอตเติ้ล ชื่อ “Computer Center Corporation” โดยนักเรียนเรียกย่อๆ ว่า “C-Cubed” ซึ่งย่อมาจากตัว “C” สามตัว
ในเวลานั้น มีคนรู้จักวิธีการใช้คอมพิวเตอร์เพียงไม่กี่คน C-Cubed จึงเสาะหานักเรียนในเลคไซด์ที่เก่งคอมพิวเตอร์ และชวนมาร่วมงานด้วย
1
C-Cubed ได้ตกลงกับนักเรียนว่านักเรียนต้องช่วยหาบั๊กหรือจุดบกพร่องในโปรแกรมให้แก่บริษัท และ C-Cubed จะให้นักเรียนใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ฟรีๆ
งานนี้เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับบิลล์ บิลล์จะได้ใช้เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ฟรีๆ นานแค่ไหนก็ได้
นักเรียนที่ร่วมงานกับบริษัทต้องใช้เวลาว่างทำงานให้กับบริษัท ทั้งตอนกลางคืนและวันหยุด
หลังเลิกเรียน บิลล์ซึ่งขณะนั้นอยู่เกรดแปดจะโหนรถบัสมายังบริษัท โดยบิลล์และเพื่อนๆ มักจะอยู่ที่บริษัทจนถึงเที่ยงคืน หากเขาเลิกงานมาจับรถบัสไม่ทัน เขาก็ต้องเดินกลับเป็นระยะทางกว่าสามไมล์ (เกือบห้ากิโลเมตร)
ต่อมา ค.ศ.1970 (พ.ศ.2513) C-Cubed ปิดกิจการ แต่เส้นทางอาชีพของบิลล์เพิ่งจะเริ่มต้น
ขณะอายุได้ 15 ปี บิลล์ก็ได้เริ่มเข้าสู่วงการธุรกิจจริงๆ
บิลล์ได้ร่วมมือกับโปรแกรมเมอร์เลคไซด์อีกคน ชื่อ “พอล อัลเลน (Paul Allen)” ช่วยกันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ชื่อ “Traf-O-Data”
Traf-O-Data เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่วัดสภาพการจราจรในซีแอตเติ้ล
บิลล์และพอลทำเงินจากโปรแกรมนี้ได้ถึง 20,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 600,000 บาท)
พอล อัลเลน (Paul Allen)
บิลล์กับพอลนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง พอลนั้นแก่กว่าบิลล์สองปี เขาเป็นคนพูดน้อยและขี้อาย ส่วนบิลล์นั้นช่างพูดและกล้าที่จะโต้แย้งในสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย
แต่ถึงจะต่างกัน แต่ทั้งสองคนก็เข้ากันได้ดีมากและสนิทกันในระยะเวลารวดเร็ว พวกเขามักจะคุยกันเรื่องคอมพิวเตอร์ แลกเปลี่ยนความเห็นต่างๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
บิลล์และพอลสามารถพูดคุยเรื่องคอมพิวเตอร์กันได้เป็นชั่วโมงๆ และพวกเขาก็เชื่อว่าคอมพิวเตอร์จะต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน
บิลล์และพอล
ขณะเรียนอยู่นี้เอง บิลล์ก็ได้มีงานใหม่เข้ามา
เลคไซด์ได้รวมกับโรงเรียนหญิงล้วน และกำหนดการต่างๆ ของโรงเรียนก็ซับซ้อนเกินกว่าที่พนักงานของโรงเรียนจะทำเองได้ อาจารย์บางคนจึงพยายามเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อจัดการกำหนดการต่างๆ ของโรงเรียน
แต่อาจารย์ก็ไม่สามารถทำเองได้ จึงได้มาขอให้บิลล์กับเด็กนักเรียนคนอื่นช่วย โดยมีข้อแลกเปลี่ยนคือนักเรียนจะได้ใช้คอมพิวเตอร์ฟรีเป็นจำนวนชั่วโมงเท่ากับ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 150,000 บาท)
บิลล์นั้นไม่พลาดสำหรับความท้าทายนี้ บิลล์จัดการเขียนโปรแกรมสำหรับกำหนดการต่างๆ ของโรงเรียน และเขายังได้ประโยชน์จากเรื่องนี้อีกด้วย นั่นคือเขาจัดการเขียนให้ตัวเองได้เข้าไปเรียนในคลาสที่มีสาวๆ เรียนเยอะ
ค.ศ.1973 (พ.ศ.2516) บิลล์เรียนจบจากเลคไซด์และเตรียมตัวจะเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University)
ประสบการณ์ในเลคไซด์นั้นได้เปลี่ยนชีวิตของบิลล์ไปตลอดกาล ที่นี่ทำให้เขาได้รู้จักคอมพิวเตอร์ ได้ประสบการณ์ และยังได้รู้จักกับพอล อัลเลน ผู้ที่จะเป็นหุ้นส่วนธุรกิจคนสำคัญในอนาคตอีกด้วย
ในเวลาต่อมา บิลล์และพอลจะร่วมกันสร้างตำนานและไม่เคยมีใครทำมาก่อน
บิลล์จะทำอะไรอีกบ้าง ติดตามได้ตอนหน้านะครับ
โฆษณา