Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่าเรื่องกับเทวฤทธิ์
•
ติดตาม
16 ม.ค. 2020 เวลา 03:37 • ปรัชญา
ท้องฟ้า พระจันทร์ และดวงดาวในความมืด
1
การที่เรามองขึ้นไปบนท้องฟ้าเวลาค่ำคืน เราจะเห๋นความสวยงามของท้องฟ้า ที่ปรักอบด้วยมวลหมู่ดาวต่างๆ มากมาย ยิ่งในวันที่พระจันทร์เต็มดวงยิ่งมีความสวยงามมากขึ้นไปอีก ความมืดของท้องฟ้าแต่ก็ยังมีแสงสว่างของดวงดาว พระจันทร์ให้เห็นอยู่
ความมืดมิดของท้องฟ้าใช่ว่าจะไม่มีอะไร แต่ท้องฟ้าในยามค่ำคืนได้สะท้อนให้เห็นข้อคิดไว้หลากหลาย การหยิบจับเอาสิ่งที่คนไม่คิดเพื่อถ่ายทอดให้เห็นว่าท้องฟ้าในยามค่ำคืนได้มอบสิ่งดีๆ ให้กับเราที่มากกว่าความสวยงาม
ท้องฟ้า พระจันทร์ ดวงดาว คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงการอยู่ด้วยกัน แม้จะมีความแตกต่างกัน ส่องแสงให้เห็นความงาม ที่มีอยู่ในทางธรรมชาติ สำหรับข้อคิดที่ได้จากท้องฟ้ายามค่ำคืน เรามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1. ทุกการร้องไห้ย่อมมีรอยยิ้ม
การร้องไห้ไม่ได้แปลว่าจะไม่เหลืออะไร แต่การร้องไห้เป็นการเตือนตัวเองว่า จะไม่มีวันให้มันเกิดขึ้นอีก การร้องไห้ไม่ได้แปลว่าเราอ่อนแอแต่มันหมายถึงการยอมรับความเจ็บปวดเพื่อที่จะยืนขึ้นมาใหม่พร้อมรอยยิ้มที่เข้มแข็ง
2. ทุกความผิดหวังย่อมมีความสมหวัง
วันที่เราไม่เหลืออะไร มันที่เราสิ้นหวัง หรือหมดความหวังกับอะไรสักอย่าง แต่ในมุมที่มืดสนิทที่ปกคลุมในจิตใจ แต่ก็ยังพอมีแสงเล็กๆ ที่พอจะก่อตัวขึ้นเพื่อนำพาเราไปสู่ความสมหวังดังใจปรารถนาได้
3. ทุกความทุกข์ย่อมมีความสุข
ความทุกข์ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตแต่เป็นสิ่งที่คอยทำให้เราเกิดความเข้มแข็ง มันไม่ได้ยืนยันว่าจะจะต้องทุกข์ตลอดไป ในเมื่อบทชีวิตที่ถูกลิขิตมานี้อาจจะทุกข์มาก แต่ในมุมกลับกันก็ย่อมมีความสุขปรากฏอยู่เสมอเพียงแค่เรายอมที่จะมองมันว่านี้คือความสุขของเรา
4. ทุกความต่างย่อมมีความกลมกลืน
ความจริงของคนในสังคมก็เหมือนกับ ท้องฟ้า พระจันทร์ ดวงดาว ในความมืด ที่มีความแตกต่างกันทั้งนิสัย ความคิด แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และเกิดความสวยงามในตัวของมันเอง
ซึ่งแตกต่างจากท้องฟ้าในยามเช้าที่บดบังความมีอยู่ของดวงดาว และพระจันทร์ ก็เหมือนคนที่มีอำนาจไม่ยอมที่จะให้ใครก็ตามสามารถเปล่งแสงออกมาได้ ถ้าใครคนนั้นมีความแตกต่างทางความคิด และนิสัย โดยไม่ยอมที่จะให้ใครมาอยู่ร่วมกับตนได้
5. ทุกความเลวร้ายย่อมมีความดี
ทุกสังคม หรือองค์กรใดย่อมมีทั้งคนที่ดี และไม่ดี มีทั้งความเลวร้าย และความดี ที่ซ่อนอยู่ปะปนกันไป หรือแม้แต่ในตัวบุคคลเองแม้จะมีความเลวร้าย แต่ก็ยังมีความดีที่แฝงอยู่ในบุคคลคนนั้น ก็เหมือนหยิน-หยาง ของลัทธิเต๋า ที่แบ่งเป็นขาวดำ ในความขาวดำ ยังมีจุดขาวดำ เล็กๆ ซ่อนอยู่
6. ทุกความวุ่นวายสับสนย่อมมีความว่าง
การที่เราประสบกับสิ่งที่ทำให้จิตใจเกิดความสับสนวุ่นวาย มองไปทางใดก็หาทางออกไม่ได้ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เห็น แต่ถ้าเราลองทำจิตใจให้ว่าง ด้วยความว่างจะนำเอาสิ่งที่เราคิดไม่ออกมาแก้ปัญหาให้เอง
เหมือนแก้วที่เต็มไปด้วยน้ำ การที่จะเทน้ำลงไปก็คงไม่เกิดผลอะไร มีแต่จะล้นออก นอกเสียจากเราจะเทน้ำที่แก้วทิ้งเพื่อให้แก้วว่างเปล่า แล้วเอาน้ำใหม่เข้ามา เราถึงจะได้ความรู้ใหม่ๆ เพื่อนำมาแก้ปัญหา เหมือนนิทานเซ็น เรื่อง ชาล้นแก้ว
7. เมื่อมีดำย่อมมีขาว
คำว่า ดำ กับ ขาว เป็นสีหลักที่มีความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงให้กับสีอื่น เมื่อเอาสีดำไปผสมกับสีอื่นก็จะเข้มมากขึ้น แต่ถ้าเอาสีขาวมาผสมก็จะจางลง ก็เหมือนชีวิตคนเราว่าจะเอาสีดำ หรือขาว มาผสม ยิ่งผสมมากก็จะเป็นสีนั้น
8. ทุกความอยากย่อมมีการปล่อยวาง
จิตใจคนเรามีความต้องการ ความอยากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่น้อยคนนักที่จะควบคุมตนเองไม่ให้เกิดความอยากโดยไร้ขีดจำกัด ไม่มีความพอดีพอเพียง เพื่อมาสนองตัณหาของตน ความทะเยอทะยานในลาภ ยศ สรรเสริญ ไม่มีที่สิ้นสุด นำพาซึ่งการเบียดเบียนตนเอง ทำร้ายผู้อื่น แทนที่จะมีความสุขกลับเพิ่มทุกข์ให้กับตน
การปล่อยวางจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ก็เหมือนการกำก้อนทองคำที่เผาไฟให้ร้อน ยิ่งกำก็ยิ่งร้อน เจ็บปวด แต่ถ้าปล่อยทิ้งไปก็ไม่ต้องทุกข์ทรมานเจ็บปวด ควรตั้งอยู่ในความจริง ไม่ก่อให้ตนเองและคนอื่นเดือดร้อน
9. ทุกความมืดบอดย่อมมีแสงสว่าง
สติปัญญามีความสำคัญต่อการพัฒนาทางด้านจิตใจ บุคคลที่มีความมืดบอดทางปัญญา และจิตใจ ใช่ว่าจะกลับตัวกลับใจไม่ได้ เหมือน องคุลิมาล ที่จิตใจยังมีความดีซ่อมอยู่เพียงแต่ขาดการอบรมที่ดี คนเราก็เหมือนกันถ้าได้อบรมใาอย่างดีก็ย่อมที่จะเปลี่ยนเป็นคนดีได้ แม้จะมืดบอดในจิตใจแต่สุดท้ายก็เกิดแสงสว่างได้เช่นกัน
ดังนั้น การอยู่ร่วมกันในสังคมเราควรยอมรับความแตกต่างของกันและกัน มีการพึ่งพาอาศัยกัน ไม่มีการข่มเหง ดูถูก เหยียดหยามกัน เพราะไม่วาาสังคมใด ก็ย่อมมีทั้งดีชั่วปะปนกันไป
จงเคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน สังคมก็จะน่าอยู่มากขึ้น "เมื่อใดก็ตามที่มีแสงสว่าง ฉันใด เมื่อนั้นเงาย่อมเกิดขึ้น ฉันนั้น" เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นมาตามธรรมชาติด้วยความสมดุล หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อย ด้วยความปรารถนาดี
ฝากกด like และกด share ด้วยนะครับ
4 บันทึก
55
48
6
4
55
48
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย