Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เล่า withptns
•
ติดตาม
20 ม.ค. 2020 เวลา 02:06 • การศึกษา
[สรุป] 1 ในหนังสือที่ดีที่สุด “PRINCIPLES” by Ray Dalio
ถึงเวลามีสาระกับหนังสือ Best Selling ของทุกร้าน นั่นคือ PRINCIPLES หนังสือที่จะมาแบ่งปันหลักการการใช้ชีวิตและการทำงาน (Life & Work Priniciples) ของ Ray Dalio ผู้ก่อตั้ง Bridgewater บริษัทจัดการกองทุนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดลำดับต้นๆของโลกครับ
หนึ่งในปัจจัยที่ผมกล้าพูดว่านี่คือหนังสือที่ดีที่สุด เพราะ มันถูกเขียนด้วยปลายปากกาของคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ และอยากส่งต่อประสบการณ์เหล่านั้นผ่านตัวหนังสือ (Ray เขียนเองทั้งหมด) ทำให้การถ่ายทอดนั้นดีกว่าเล่มอื่น
*** บางบทอ่านๆไปรู้สึกเหมือนนั่งฟังเจ้าตัวเล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังเองเลยครับ
บอกก่อนว่าเนื้อหากว่า 500 หน้าจะมาสรุปให้อยู่ในโพสต์เดียว ผมจะต้องตัดอะไรไปเยอะมากเช่นกัน ถ้าใครอ่านแล้วชอบผมก็แนะนำให้ไปลองหามาอ่านเองเลยครับ เพราะไม่มีสรุปอะไรดีไปกว่าการอ่านด้วยตัวเองอีกแล้วแหละ
1
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า
[Where am I coming from ?]
บทนำบทนี้ Ray บอกกับคนอ่านว่า จะข้ามไปก็ได้เพราะมันไม่ได้พูดถึง Principles (หลักการ) ใดๆเลย เพียงแต่เป็นแค่ประวัติว่าตัวเค้าประสบความสำเร็จได้อย่างไร
ซึ่งผมอยากแนะนำให้ทุกคนอ่าน เพราะมันจะทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าเค้าผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งภายในเนื้อหาหลักของ Principles นั้นก็จะมีการยกตัวอย่างเหตุการณ์ในประวัติสั้นๆนี้มาพูดถึงด้วยครับ
แต่ในวันนี้เนื้อหาหลักของหนังสือเราเยอะมาก ผมจึงขอเล่าสั้นๆแค่ว่า
Ray นั้นเข้าสู่ตลาดการลงทุนโดยการใช้ Algorithm ของ Computer ผสมผสานกับวิจารณญาณส่วนตัว ซึ่งก็มีผิดพลาดในช่วงแรก ก่อนที่เค้าจะปรับปรุง Algorithm และวิธีการมาตลอด จนทำให้กลยุทธ์นี้กลายเป็นจุดแข็งของบริษัท Bridgewater มาจนถึงปัจจุบัน
โดย Ray นั้นชื่นชอบการใช้ Algorithm เพื่อช่วยในการตัดสินใจทั้งในเรื่องการลงทุน และยังนำมาปรับใช้การบริหารจัดการองค์กรด้วย ดังนั้นจึงทำให้เกิด Principles ต่างๆในการทำงาน ที่เปรียบเสมือนเป็น Commands หรือคำสั่งในโปรแกรม ที่ใช้ในการควบคุมคนในองค์กรอีกต่อนึงครับ
แค่นี้ก่อนแล้วในอนาคตจะมาเล่าประวัติของ Ray ให้ฟังกันยาวๆ
[Life Principles - หลักการใช้ชีวิต]
ก่อนจะเข้าใจหลักการใช้ชีวิต Ray จะให้คนอ่านตั้งคำถามขึ้นมา 3 ข้อครับ ซึ่ง 3 ข้อนี้จะช่วยทำให้เราเห็นทั้งเป้าหมาย และเส้นทางที่เราจะเลือกเดินในชีวิตของเรา
(1) : What you want ? - คุณต้องการอะไร ?
1
(2) : What is true ? - อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง ?
(3): What you should do to achieve (1) in light of (2) ? - จะต้องทำอะไรเพื่อบรรลุ (1) ภายในกรอบของ (2) ?
จะเห็นว่าคำตอบของ (1) คือเป้าหมาย , คำตอบของ (2) คือแนวทาง
และคำตอบของ (3) คือวิธีปฏิบัติเพื่อให้ได้มาซึ่งเป้าหมาย (1) และอยู่ในแนวทางของสิ่งที่ถูกต้อง (2)
เมื่อเรามีคำตอบครบทั้ง 3 ข้อนี้ เราก็จะเข้าสู่ Life Principles หรือหลักการใช้ชีวิตต่างๆที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายของทั้ง 3 ข้อนั้นได้ครับ
ในส่วนของ Life Principles นั้นมีทั้งหมด 140 หน้า ผมขอสรุปหลักการสำคัญๆออกมาจำนวน 3 ข้อ ดังนี้ครับ
1
สมการความสำเร็จของ Ray คือ
“Dream + Determination + Reality = Successful Life”
1
ชีวิตที่จะประสบความสำเร็จนอกจากจะต้องมี เป้าหมาย, ความฝัน (Dream) และความมุ่งมั่น (Determination) แล้วยังต้องภายใต้กรอบความเป็นจริง (Reality) อีกด้วย
1
ความเป็นจริงที่ว่านี้คืออะไร ? Ray ได้พูดไว้หลายประเด็น แต่ประเด็นที่สำคัญที่สุดก็คือเราต้องยอมรับให้ได้ว่าคนแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน (People are wired very Differently)
1
คนแต่ละคนเกิดมามีลักษณะที่แตกต่างกันเพื่อทำในสิ่งที่แตกต่างกัน เช่น Introvert เหมาะกับงานใช้สมาธิ/Extrovert เหมาะกับงานที่พบปะผู้คน เป็นต้น เพราะฉะนั้นการจะทำอะไรซักอย่างเราต้องเข้าใจคนรอบข้างให้ดี เพื่อจะได้มอบหมายงาน หรือขอความช่วยเหลือให้ถูกคน
2
ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน -> ระบุปัญหา -> หา”ต้นตอ”ของปัญหา (Root Causes) -> วางแผนการแก้ปัญหา -> ดำเนินการ
2
นี่คือ 5 Steps Process ที่จะช่วยให้เราบรรลุสิ่งที่เราต้องการได้ โดย Ray ได้เน้นเอาไว้มากๆว่าต้องทำตาม 5 ขั้นตอนนี้ และห้ามลัดหรือรวบขั้นตอนเด็ดขาด
1
เช่นถ้าเราระบุปัญหาได้ แต่ไม่หาต้นตอของมัน แล้วข้ามไปวางแผนเลยก็จะทำให้เกิดการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
หรือหากดำเนินการโดยไม่วางแผนก่อน ก็จะประสบผลสำเร็จได้ยากเช่นกันครับ
3
เรียนรู้ที่จะตัดสินใจอย่างมีประสิทธิภาพ
เนื่องจาก Ray เป็นสาย Finance จึงได้แนะนำให้ใช้วิธีการหา Expected Value ในการลงทุนมาใช้ในการตัดสินเรื่องต่างๆด้วย เพราะจะช่วยให้เราเลือก Choice ที่ดีที่สุดได้
Expected Value คือมูลค่าที่คาดหวังจากการลงทุนในสิ่งที่อนาคตไม่แน่นอน ส่วนนี้ผมเคยอธิบายโดยยกตัวอย่างเป็นการซื้อลอตเตอรี่เอาไว้ สามารถไปอ่านเพิ่มเติมกันได้ที่
https://www.facebook.com/lao.unfold/posts/382710125998774
ถ้าจะนำมาประยุกต์ใช้กับเรื่องอื่นก็สามารถทำได้ โดยตีค่าความสำเร็จของแต่ละทางเลือกออกมาเป็นตัวเลข แล้วมันคูณกับ Probability ของแต่ละอัน
เช่นคุณได้รับ offer การทำงานจาก 2 บริษัท คุณก็ต้องมองว่าแต่ละที่มีโอกาสเติบโตเท่าไหร่ ผลตอบแทนเป็นอย่างไร (ที่นึงอาจจะเงินเดือนสูง แต่ไม่โต แต่อีกที่เงินเดือนน้อยแต่มีโอกาสโตมากกว่า) ตีค่าทุกอย่างออกมาให้ได้แล้วหาดูว่า Expected Value ของการเลือกทำงานที่ไหนดีกว่า ก็ควรเลือกไปทางนั้นครับ
[Work Principles - หลักการทำงาน]
ในส่วนของหลักการทำงาน Ray นั้นจะเปรียบเทียบองค์กรว่าเป็น Machine (เครื่องจักร) ที่ประกอบไปด้วยส่วนประกอบ 2 ส่วน ซึ่งก็คือ Culture (วัฒนธรรม) และ People (คน)
“Machine = Culture + People”
องค์กรจะประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องมีทั้งวัฒนธรรมองค์กรที่ดี และทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ดังนั้นหลักการทำงานจะแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1
To get the Culture Right - หลักการเพื่อให้ได้วัฒนธรรมที่ถูกต้อง
วัฒนธรรมองค์กรที่ดีในมุมมองของ Ray นั้นจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- ทุกคนจะต้องกล้าพูดในทุกสิ่งที่ตัวเองคิด และทุกคนต้องกล้าที่จะรับฟังอย่างเปิดใจกว้าง (Radical Truth and Tranparency)
- การทำหน้าที่ผิดพลาด = Okay , แต่การไม่เรียนรู้จากความผิดพลาดของตน = ไม่ Okay
- การตัดสินใจในประเด็นต่างๆควรใช้วิธี <Believability Weighted Decision Making>
1
<Believability-Weighted Decision Making> คืออะไร ?
มันคือการตัดสินใจแบบไม่ประชาธิปไตย !! โดยเสียงของแต่ละคนไม่เท่ากัน คนที่เชี่ยวชาญในประเด็นที่กำลังตัดสินใจกันอยู่จะมี Weight ของคะแนนเสียงที่มากกว่าครับ อ้าวแล้วมันจะยุติธรรมมั้ย ผมขอลองยกตัวอย่างให้แบบนี้ละกัน
สมมุติว่าเรากำลังตัดสินใจเกี่ยวกับการกำหนดโปรโมชั่นให้ลูกค้า คนที่ควรจะมีคะแนนเสียงมากกว่าก็คือคนที่คลุกคลีกับลูกค้ามากที่สุด เช่น พนักงานขาย และหัวหน้าทีมขายเป็นต้น ในขณะที่ผู้จัดการฝ่ายบัญชีควรจะมีคะแนนเสียงน้อยกว่า
เพราะในการทำงานแบบองค์กรนั้นมีจำนวนคนที่เยอะ จึงมีความเป็นไปได้ถ้าหากเรา Vote กันแบบปกติ คนที่เชียวชาญเฉพาะทางมีจำนวนน้อย อาจจะโหวตแพ้ แม้ว่าตนจะมีความรู้ในประเด็นดังกล่าวมากกว่าคนที่เหลือรวมกันซะอีก Ray จึงใช้วิธีนี้กับบริษัทของเค้าและผลมันออกมาว่า เวิร์ค !!!
*** ทั้งนี้ทั้งนั้นการจัดสรรคะแนนเสียงโหวตต้องทำอย่างถูกวิธีครับ อย่าง Bridgewater เองจะมีระบบ Baseball Card ที่เป็นเหมือนการ์ดบอกค่าพลังของพนักงานแต่ละคนว่าเก่งด้านไหน มี Skill อะไรบ้าง ซึ่งระบบนี้จะใช้ Algorithm ในการเก็บข้อมูลและประมวลผลของพนักงานทุกคนตลอดเวลา ทำให้ใช้ระบบการตัดสินใจแบบนี้ได้
2
To get the People Right - หลักการเพื่อให้ได้คนที่ดี
หลักการเพื่อให้ได้คนที่ดีนั้นเริ่มตั้งแต่การรับคนเข้ามาในองค์กร ดังนั้นการรับสมัครพนักงานที่ดีจะต้องมีระบบการคัดเลือกที่ดีครับ จึงทำให้ Ray นั้นมีการรับสมัครพนักงานแบบละเอียดและเข้มข้นมากๆ และจะต้อง “เลือกคนให้เหมาะกับงาน ไม่ใช่เลือกงานให้เหมาะกับคน”
“Teach your people how to fish, not give them fish” - สอนคนของคุณให้ตกปลา ไม่ใช่ให้ปลาเค้าไปเลย
*** เหมือนกับพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เลยครับ
อีกส่วนที่สำคัญก็คือเมื่อรับเค้าเข้ามาแล้วก้ต้องมีการพัฒนา,ฝึกฝน และติดตามผลอย่างใกล้ชิดครับ ทุกคนจะต้องมีคนข้างบนที่ต้องรายงานอยู่ตลอดเวลา ขนาด Ray เองในฐานะที่เป็นเจ้าของบริษัทยังมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อคอยรับรายงานผลการทำงานของตัวเองอีกทีด้วย
ในด้านการประเมินผลงานต่างๆก็ต้องประเมินด้วยความยุติธรรมไม่ลำเอียงเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทั้งองค์กรครับ
3
To build and evolve your Machine - หลักการเพื่อการสร้างและพัฒนาองค์กร
เมื่อเรารู้หลักการที่จะช่วยสร้างวัฒนธรรมและคนที่เป็นฟันเฟืองสำคัญของ Machine แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการพัฒนา Machine ให้มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งก็มีหลายวิธี เช่น
- หาวิธีจัดการกับ Keyman Risk ให้ได้
Keyman Risk นั้นคือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นเมื่อคนสำคัญ (Keyman) ของแต่ละตำแหน่งนั้นหายไป ไม่ว่าจะเป็นการลาออก เลื่อนตำแหน่ง หรือย้ายแผนก การที่มีช่องโหว่นี้จะทำให้การทำงานขององค์กรหยุดชะงัก
ดังนั้นเมื่อเรารู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดปัญหาเหล่านี้เราสามารถบริหารความเสี่ยงตรงนี้หลายวิธี เช่นการให้ Keyman นั้นเตรียมส่งงานต่อให้คนที่มารับตำแหน่ง หรือการฝึกคนให้พร้อมมารับตำแหน่งของ Keyman นั้นๆ
- ต้องมีบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) ที่ดี
1
หรือก็คือองค์กรจะต้องมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ครับ ซึ่งจะช่วยป้องกันรอยรั่วและการทุจริตภายในองค์กรได้
สำหรับ Bridgewater ที่มีวัฒนธรรมให้พนักงานนั้นกล้าพูดและเปิดใจรับฟังความคิดเห็นอยู่แล้ว ใครผิดก็ว่าผิดได้เลย นั้นก็หมายความว่าจะต้องโปร่งใสทั้งตัวบุคคล และระบบด้วย
นี่จึงเป็นอีกปัจจัยนึงที่ทำให้เครื่องจักรที่ชื่อว่า Bridgewater ซึ่งถูกควบคุมด้วยผู้ชายที่ชื่อ Ray Dalio ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ครับ
1
เป็นอันจบเรื่องเล่าของหนังสือ Principles จบครบถ้วนที่ตรงนี้ครับ ย้ำอีกทีว่าผมคัดมาเฉพาะส่วนที่ผมคิดว่าดีและชอบจากการอ่านหนังสือเล่มนี้
ถ้าใครอ่านแล้วชอบ หรือสนใจที่จะอ่านเพิ่มเติม สามารถหามาอ่านกันได้ครับ เพราะผมเชื่อว่าหนังสือเล่มเดียวกัน แต่ละคนที่อ่านจะจับประเด็นสำคัญได้ต่างกัน
สำหรับ Principles นั้นมีทั้งแบบภาษาอังกฤษและภาษาไทย สำหรับคนที่พอจะอ่านภาษาอังกฤษไหว ผมแนะนำให้ลองอ่านภาษาอังกฤษครับ เพราะศัพท์ไม่ได้ยากจนเกินไป และผมเชื่อว่าการอ่านภาษาต้นฉบับมันจะทำให้เราได้รับสารที่คนเขียนจะสื่อมากกว่า 🤓
สำหรับคะแนนของ Principles “เล่า” ให้อยู่ที่ 9.5 / 10
เหตุผลที่หักออกไป 0.5 นั่นเพราะหลักการต่างๆโดยเฉพาะ Work Principles นั้นเหมาะกับสังคมการทำงานที่เปิดกว้างมากกว่าบ้านเราที่มักใช้ระบบอาวุโส แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่เราจะเปลี่ยนแปลงแนวคิดและสังคมของเราให้ดีขึ้นได้ครับ
ผมจึงขอยกให้หนังสือเล่มนี้เป็น 1 ในหนังสือที่ดีที่สุดของหมวด Self-Help, Management และ Biography จึงขอขึ้นหิ้งให้เป็นหนังสือที่แนะนำให้ทุกคนลองหามาอ่านกันในปี 2020 นี้
ขอบคุณครับ
“เล่า” by ptns81
ที่มา : หนังสือ PRINCIPLES by Ray Dalio
เครดิตรูป :
https://images.app.goo.gl/6sYxHqSiWvgwuoQ57
ในโพสต่อๆไปก็จะนำเรื่องน่าสนใจของหนังสือเล่มอื่นๆ รวมไปถึงเกร็ดความรู้ต่างๆ มาเล่าให้ฟังเรื่อยๆ สนใจก็กดติดตามเพจ “เล่า” ไว้เพื่อที่จะไม่พลาดเนื้อหาดีๆในอนาคต
ส่วนถ้าใครไม่อยากพลาดทุกโพสต์ของเพจ “เล่า” แอดมินแนะนำให้กด See First เอาไว้ด้วยครับ :)
ติดตามเรื่อง “เล่า” ผ่าน facebook ได้ที่
https://www.facebook.com/lao.unfold
#เล่า #เล่าหนังสือ #เล่าความรู้ #unfold #ส่งเสริมการอ่าน #ส่งเสริมการเรียนรู้ #Principles #RayDalio
86 บันทึก
55
3
68
86
55
3
68
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย