22 ม.ค. 2020 เวลา 08:10 • ปรัชญา
ความเชื่อด้านการเงินที่ ดูเชย ๆ แต่กลับสร้างความมั่งคั่งได้จริงๆ
...ทำไม การทำตาม ความรู้ทางการเงิน แบบ โบราณๆ เชยๆ จึง รับประกันความมั่งคั่งให้คุณได้แน่นอน...
1
หลักการแรก.....
⭐ เงินน้อยดึงดูดเงินมาก ⭐
สมัยก่อนผมปฏิบัติกับเงินไม่เหมือนกัน
เงินน้อยผมจะไม่ค่อยแคร์มันเท่าไหร..
เงินมากก็แคร์มันมากหน่อย..
แต่กฎ"เงินน้อยดึงดูดเงินมาก" นี่เมื่อมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น
ทำให้รู้ว่า การปฏิบัติกับเงินอย่าง"เท่าเทียม"
รู้ค่าทุกบาททุกสตางค์ ไม่"ดูหมิ่น" เงินน้อยๆ
มันจะทำให้คุณมีความคิดทางการเงินที่ "ละเอียด" มากขึ้น
1
มันทำให้การ ซื้อ/ ขาย/ รับ /จ่าย/ลงทุน /บริจาคละเอียดมากขึ้น
หลักการนี้ทำให้มี "ความฉลาดทางการเงิน" มากขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์
เคยมีคนเปรียบเปรยไว้ว่า ....
ถ้า บิล เกตส์ ทำเงินตก $100 เขาไม่ควรก้มลงเก็บ เพราะเขาควรเอาเวลาก้มเก็บเงิน ไปทำงาน เขาจะได้ประโยชน์มากกว่า (มีการคำนวณไว้ว่า บิล เกตส์ หาเงินได้ "วินาที" ละ $140-$160)
....จริงหรอ ที่บิล เกตส์ จะไม่ก้มเก็บเงิน ...!!
... ถ้าแบงค์ $100 ของบิล เกตส์ ตกพื้นขึ้นมาจริงๆ
ผมว่า เขาจะรีบลงไปเก็บเลย ไม่ลังเลอะไรทั้งนั้น
ไม่ต่างจากเศรษฐีทั่วโลก ที่ "ใส่ใจ" กับเงินทุกเหรียญของเขา
2
เมื่อเศรษฐี(ที่จะรวยไปเรื่อยๆ)ได้รับ "เงินทอน"มา หากเขาคิดจะให้ทิปพนักงาน ...
เขาจะหยิบถาดวางเหรียญ "มาถือ" "มานับ" ว่าได้เงินทอนครบหรือไม่ แล้ววางมันลงอีกทีบนโต๊ะ เพื่อให้ทิปพนักงานทั้งหมด
1
เพราะนี่เป็นการแสดงว่า เค้าเห็นค่าทุกบาททุกสตางค์ของเงินทอนนั้น และเงินนั้นมา "อยู่ในความควบคุม" ของเขาแล้ว
แต่เขาจะ “ให้” มันต่อกับพนักงานเสิร์ฟ เพื่อแสดงน้ำใจ และความเมตตา
การละเอียดทุกบาททุกสตางค์ไม่ได้หมายความว่าให้ "งก หรือ ขี้เหนียว "
แต่เป็นการ"ใส่ใจ" กับการ ซื้อ/ขาย /รับ /จ่าย/ลงทุน หรือ แม้แต่การบริจาคทานออกไป
1
...เมื่อคุณใส่ใจกับอะไรมากๆ ดูแลสิ่งไหนดีๆ เห็นคุณค่า ของมัน ใช้สอยมันอย่างมีเมตตา
♥️ "สิ่งนั้นก็อยากมาอยู่กับคุณมากขึ้น" ♥️
ซึ่งในกรณีนี้ก็คือเงินนั่นเอง
2
จะเงินแสน เงินล้าน ก็ต้องผ่านเงินบาทเดียว มาก่อนทั้งนั้นครับ
5
บิล เกตส์ กำลังรอคิว ซื้ออาหารชุดแฮมเบอเกอร์ ราคา 6.75 เหรียญ เขารออยู่หลายนาทีนะครับ เพราะวันนี้โปรแรงครับ ราคาลดลงจากปกติเกือบ $1 เลยนะครับ ... cr.dailymail.co.uk
⭐ เปลี่ยนกระเป๋าเงิน เป็นแบบทรงยาว เพิ่มความมั่งคั่ง ⭐
เมื่อก่อนนี้ ผมคิดว่ากระเป๋าเงินอะไรก็เหมือนกัน จะสั้นจะยาวก็ไม่สำคัญ จะรก จะเละเทะยังไงก็ได้
ขอให้มีเงินอยู่ในนั้นก็พอ!!
แต่เมื่อประสบการณ์มากขึ้น ผมเปลี่ยนมาใช้กระเป๋าเงิน "ทรงยาว" แบบที่เวลาเก็บ ธนบัตรไม่ต้องพับเข้าหากัน
นอกจากนี้ ยังต้องเคลียร์ใบเสร็จ เรียงแบงค์ตามประเภท จัดนามบัตรต่างๆ และทำความสะอาดเป็นประจำ
กระเป๋าเงินทรงยาว. cr. louisvuitton.com
ปรัชญาที่ซ่อนอยู่ภายใต้กระเป๋าเงินทรงยาว และจัดเป็นระเบียบ และสะอาดเรียบร้อย คือ...
เมื่อการจัดเงินในกระเป๋าของคุณเรียบร้อยมากขึ้น สะอาดมากขึ้น บัตรต่างๆก็อยู่อย่างเรียบร้อย ...
"ความคิดทางการเงิน" ของคุณ จะเป็นระเบียบ เรียบร้อย มากขึ้นเช่นกัน
5
บ้านสะอาด โปร่ง เป็นสัดส่วนถือว่า ฮวงจุ้ยดี เหมาะให้คนมาอยู่
กระเป๋าเงินที่สะอาด เห็นเงินชัดๆ ไม่พับเงินอึดอัด จัดเป็นสัดส่วน ก็ถือว่า ฮวงจุ้ยดี เหมาะให้เงินมาอยู่เช่นกัน
1
เมื่อสิ่งต่างๆดูเรียบร้อยทางกายภาพ ทางรูปธรรม ในกระเป๋าเงิน
ในเชิงนามธรรม คือ"ความคิดด้านการเงิน"ของคุณ ก็เรียบร้อย เป็นระเบียบ มากขึ้น เช่นกัน
⭐ ออมเก่งสำคัญกว่าหาเงินเก่ง ⭐
ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่ มักจะมีตำราที่บอกว่า เน้นหาเงินเก่งๆ สำคัญกว่าการออมเก่ง หรือ เราไม่รวยจากการออมเก่งหรอก เรารวยจากการหาเก่งต่างหาก....!!!
การคิดว่าจะหาเงินได้เยอะๆตลอด.. ..เทียบได้กับการคิดว่า... พระอาทิตย์จะขึ้นตลอด ไม่มีกลางคืนเลย หรือ... ท้องฟ้าจะสดใสตลอด ไม่มีฝนตก หรือเมฆหมอกเลย
หรือคุณเป็นปลาที่เก่งมาก อยู่ได้ทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม ว่ายตามน้ำ ทวนน้ำ อยู่ได้ทั้งน้ำใส น้ำเน่า อืมมม เก่งเกิ๊นน ถามจริงครับ มีคนเก่งได้ขนาดนั้นกี่คนกันเชียว
จริงๆ มันก็ไม่ผิดเสียทีเดียว เพราะความทะเยอทะยานในการหารายได้นั้น สุดท้ายก็มักจะทำให้มีรายได้เข้ามาเยอะขึ้นจริงๆ อย่างน้อยก็ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
1
แต่จังหวะนี้ คนหลายคนก็พลาดเช่นกัน
เพราะเมื่อรายได้เข้ามามากขึ้น
พวกเขาก็ยกระดับค่าใช้จ่ายให้มากขึ้น
บางครั้งเยอะกว่ารายได้ที่เข้ามาเสียอีก
1
ยิ่งหาเงินเก่งก็เหมือนยิ่งทำร้ายตัวเอง
เพราะ "นิสัยการใช้เงินฟุ่มเฟือย" ที่สร้างขึ้นในตอนมีรายได้มากๆนั้น มันติดตัวได้ยาวนานมาก
หากมีปัจจัยอะไรที่ทำให้รายได้ลดลง
แต่นิสัยฟุ่มเฟือยยังคงอยู่
อันนี้ถือว่าหายนะเลย
ดังนั้นสูตรอากง อาม่า ที่บอกว่า
"คนเราจะรวยหรือไม่รวยอยู่ที่ ใช้เงินยังไง มากกว่าหาเงินได้เท่าไหร"
ยังคงเป็นหลักประกันได้เสมอว่าคุณจะมั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร
การฝึกออม ทำให้ ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร คุณก็จะมั่งคั่งขึ้นเรื่อยๆ cr.nearpod.com
⭐ การลงทุนในหุ้นแบบถือยาว ไม่คิดขายเลย ได้ปันผลมายัดกลับเข้าไปซื้อหุ้นดีๆอีก ⭐
อ้าว ซื้อหุ้นมาก็ต้องคิดขายสิ...
และขายหุ้นได้กำไรมาก็ต้องใช้
มีเงินปันผลมาก็ต้องใช้สิ...
ถ้าเล่นหุ้นแล้วมีกำไร ได้ปันผลมา แล้วไม่ใช้นี่ จะลงทุนไปทำไม
มีเงินก็ต้องใช้สิ ...ยึดติดอะไรนักหนา...
มันก็จริงที่คุณต้องใช้เงินบ้าง แต่ต้องใช้อย่างฉลาด...ดังนี้
♥️ใช้ซื้อสิ่งของที่มันจะมอบความสุขให้คุณเกิน 5 ปี
♥️เที่ยวในสถานที่ ที่ช่วยเพิ่ม"ทุนทางปัญญา" และประสบการณ์ชีวิตให้คุณ
♥️ซื้อทรัพย์ที่เพิ่มค่าในอนาคต
♥️ซื้อทรัพย์ที่ให้้รายได้แก่คุณทุกเดือน
♥️อย่าใช้กำไร หรือ ปันผล เกิน 50% ของที่ได้มา
ถ้าคิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไร..
การได้ปันผลหรือกำไรมา แล้วนำไปซื้อหุ้นดีๆเพิ่ม น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด
นอกจากนี้ การพยายามลงทุนระยะยาว แบบต้องถือทรัพย์นั้นให้ยาวนานที่สุด
"ตั้งสมมติฐานว่าจะไม่ยอมขาย"
ยังเป็นการทำให้คุณปลูกฝัง "แนวคิดการลงทุนแบบนักธุรกิจ"อีกด้วย
2
การซื้อหุ้นแบบ ไม่คิดจะขายเลย (ทั้งที่จริงๆ เราอาจจะต้องขาย เมื่อธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไป ในทางที่แย่ลง)
ทำให้คุณละเอียดรอบคอบในการลงทุน มีความอดทนยามผันผวน สุดท้ายแนวคิดเหล่านี้จะทำให้คุณเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้น และยังอาจจะนำไปสร้างธุรกิจของตัวเองได้ด้วย
1
การยัดกำไรจากการลงทุน เงินปันผลจากการลงทุน กลับเข้าไปลงทุนใหม่ ทำให้ ผลตอบแทนของคุณทบมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนลูกบอลหิมะที่ยิ่งกลิ้งลงมา ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ. cr.pinterest.com
⭐ ความพอเพียงทำให้รวยขึ้น ⭐
เมื่อก่อน ผมคิดว่า"ความอยาก" คือสิ่งที่ทำให้รวย เพราะเมื่อเราอยากมากๆ เราก็จะออกค้นหารายได้และ ขยันมากขึ้น เพื่อมาสนองความอยากนั้น
เหมือนเราเป็นม้าที่มี "ความอยาก มีกิเลส" เป็นคนขี่ แล้วคอยบังคับเรา เฆี่ยนตี เพื่อให้เราวิ่งไปข้างหน้า
เมื่อเอาความอยากเป็นที่ตั้ง เมื่อหาเงินได้ก็เอามาซื้อ ....
หากหาเงินไม่ได้ แต่ความอยากยังเต็มร้อย ก็ต้องกู้เอา (การกู้มีทั้งแบบมีประโยชน์และแบบมีโทษ อย่าเข้าใจว่าผม มองว่าการกู้เป็นผู้ร้ายในทุกกรณีนะครับ)
เมื่อกู้มาแล้ว คราวนี้มี"ไฟ"ในการออกหารายได้มากขึ้นเลยครับ
เพราะไฟนี้มันคือ"ไฟแนนซ์" 😆😆😆
ความอยากมันทำให้มีสิ่งต่างๆมากขึ้นก็จริงๆ
แต่ คนเราก็มักจะสนองความอยากนั้นด้วยการเป็นหนี้
ดูยอดหนี้ส่วนบุคคลของคนสมัยนี้ก็ได้ คุณจะรู้ว่า คนเราตอบสนองความอยากด้วยรายได้จริงๆ หรือตอบสนองความอยากด้วยการก่อหนี้สิน และทรัพย์ที่ได้มาจากการก่อหนี้มา ก็มักเป็นทรัพย์ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ ไม่เพิ่มมูลค่าในอนาคตแต่อย่างใดอีกด้วย
หากเราเปลี่ยนสมการชีวิตใหม่......
เป็นหลักการ 2 พ.
คือ
ความพอเพียงในสิ่งที่ตัวเองมี
และ
พัฒนาตัวเอง
เราจะมั่งคั่งขึ้น แบบอัตโนมัติ และ ได้ในสิ่งที่เราต้องการ ในเวลาที่เหมาะสมแน่นอน
สรุปหลักการ 2 พ.
♥️ ัพอเพียงคือ ลองดูซิว่า สิ่งของที่ตัวเองมีอยู่ตอนนี้ เราใช้มันเต็มที่สุดๆ ดึงประโยชน์จากของนั่น ออกมาสุดๆ หรือยัง เช่น
* มือถือราคาแพงของคุณ ใช้มันเต็มที่หรือยัง
* บ้านของคุณ คุณอยู่เองกี่ตารางเมตร ใช้เก็บของเก่ากี่ตารางเมตร
ึ้♥️ พัฒนาตัวเอง คือ สร้างทักษะให้ตัวเอง มองหาลู่ทางมีรายได้เพิ่มเติม ลงทุนระยะยาวให้เก่งขึ้น
สุดท้ายสมการแห่งความพอเพียง และพัฒนาตัวเองนี้ ...จะทำให้คุณมั่งคั่งจริงๆ
เพราะ ค่าใช้จ่ายจะน้อยลงเรื่อยๆ
ซื้อของใหม่แต่ละที ก็ใช้คุ้ม ใช้นาน มีสุขที่ได้ใช้ รายได้ก็เพิ่มขึ้นจากการพัฒนาตัวเอง
และ เมื่อเราอยากมีสิ่งใดจริงๆ เราก็มีเงินพอที่จะซื้อหามาได้ อย่างสบายๆอีกด้วย
ไม่ต้องใช้กิเลสหรือความอยาก หรือ ไฟแนนซ์ มาจี้หลังเราอีกต่อไป
1
บัพเฟทท์ นักลงทุนระดับโลก ที่การใช้ชีวิตอย่าง"พอเพียง" และ "พัฒนาตัวเอง" เสมอ เป็นกุญแจสู่ความมั่งคั่ง cr.se-ed.com
⭐ เศรษฐีมักมีเงินสดแค่พอใช้เท่านั้น ⭐
เศรษฐีต้องเป็นคนมีเงินสดเยอะๆไม่ใช่หรอ...
...เมื่อก่อนผมก็เคยคิดแบบนั้น..
แต่จริงๆแล้ว เศรษฐีตัวจริงคือ...
♥️คนที่มีทรัพย์สินที่เพิ่มค่าขึ้นเรื่อยๆ
♥️มีทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้
♥️มีเงินสดในมือพอสมควร (cover ค่าใช้จ่ายประจำเดือน 6เดือน ถึง 12 เดือน)
♥️มีสุขภาพกายใจที่ดี
...โทษของการมีเงินสดในมือมากเกินไป...
การมีเงินสดในมือมากเกินไป นอกจากจะได้ผลตอบแทนการลงทุนน้อยลงแล้ว ยังโดนทำลายมูลค่าด้วยเงินเฟ้ออีกด้วย
นอกจากนี้ การมีเงินสดในมือมากๆ ยังอาจทำให้เรา "ย่ามใจ" มากเกินไปอีกด้วย
คนมีทรัพย์ดี 1 ล้าน แต่มีเงินสด 9 ล้าน เทียบกับ คนมีทรัพย์ดี 9 ล้าน แต่มีเงินสด 1 ล้าน
จะย่ามใจต่างกัน
มีแนวโน้มว่า คนมีเงินสดในมือมากว่า จะฟุ่มเฟือยมากกว่า
เรื่องแปลกก็คือ การมีเงินสดในมือมากไป อาจจะ"ดึงดูด"ให้คนมายืมเงินคุณ ดึงดูดพวกจอมปลอม ดึงดูดคนมาให้ค้ำประกัน
ไม่รู้ว่าพวกเขารู้ได้อย่างไร แต่มันจะมาบ่อยขึ้นจริงๆ !!!
วิธีปฏิเสธคนมายืมเงินได้อย่าง "จริงจัง จริงใจ" ที่สุดคือ คุณต้อง"ไม่มี" เงินสดให้เขายืมจริงๆ
นั้นก็คือ เงินสดของคุณต้องไปอยู่ในทรัพย์ถือยาวๆ
เงินสด ถูก lock ไว้ยาวๆ เช่น การฝากประจำเป็นต้น
นอกจากนี้อย่าลืมดูแลสุขภาพกายใจ ให้ดี
สองอย่างนี้ถ้าป่วยขึ้นมา สมัยนี้ค่ารักษาแพงมาก เป็น"ต้นทุนแฝงราคาแพง" ที่แอบอยู่หลังชีวิตของคุณ
นอกจากนี้ สุขภาพกายใจที่แย่ลงยังทำให้เสียโอกาสในการหารายได้อีกด้วย
ป้องกันไว้ก่อน ดีที่สุดครับ
1
การปกป้องทรัพย์ที่มี สำคัญพอๆกับทักษะในการหาทรัพย์ cr.pinterest.com
⭐ เพื่อนแท้ต้องไม่มีเรื่องเงินเข้ามาผูก ⭐
อ้าว!!.. เพื่อนมันต้องมีทุกข์ร่วมทุกข์ มีสุขร่วมสุข ไม่ใช่หรอ?
ดังนั้น มันก็โอเคไม่ใช่หรอที่เราจะยืมเงินเพื่อน!!
เพื่อนกัน มันต้องใจๆ กันเรื่องเงินดิ..!!
ถ้ามันไม่ให้เรายืมเงิน แสดงว่า มันไม่ใช่เพื่อนแท้ !!
ไม่ต้องบอกก็รู้ครับว่า คนเรา"เสียเพื่อน"เพราะตรรกะนี้มาเยอะแล้ว
นอกจากเสียเพื่อนและยังเสียคนด้วย
เพราะเราคง ประมาทในด้านการเงินมากขึ้นเรื่อยๆเพราะเอาแต่คิดว่า ถ้าพลาดอะไรขึ้นมา ก็คิดว่าจะไปยืมเงินเพื่อนได้ และเพื่อนเรา จะต้องช่วยเรา ... เพราะมัน เพื่อนเรา ...
1
แต่ความจริงก็คือ เพื่อนที่คบกันยันแก่เฒ่าได้ ส่วนมากแล้วมักไม่มีปัญหาเรื่องเงินกัน
ถ้าหากเพื่อนเดือดร้อนเรื่องเงินกันจริงๆ
เพื่อนแท้มักให้แนวคิดในการหาเงิน หางาน และควบคุมเงินมากกว่าจะ ให้ยืมเงิน
และถ้าหากจะเป็นเรื่องเงินจริงๆ
เพื่อนแท้มักจะ"ให้เงิน" มาเลยมากกว่า ให้ยืม !!!
แน่นอนคุณอาจจะเดือดร้อน 1 แสนบาท แต่เพื่อนคุณอาจจะ"ให้มา" 2 พันบาท (เพราะ 2พันบาท คือจำนวนที่ไม่เดือดร้อน ครอบครัวของเขา )
หรือ "ระดมทุน" เพื่อนหลายๆคนมาช่วยได้สัก 2-3 หมื่นบาทแบบไม่คิดเอาคืนเลย...
แต่การจะทำแบบนี้ได้ คุณต้อง"สารภาพบาป"บางอย่างกับเพื่อนก่อนว่าคุณไปพลาดตรงไหนมา เพื่อนจึงจะ"สงสาร"ให้เงินคุณมาแบบไม่คิดเอาคืน
แน่นอนว่าชีวิตนี่อาจจะทำแบบนี้ได้เพียง 1-2 ครั้งเท่านั้น
เอาจริงๆ การเป็นแบบนี้มันน่าสมเพชจริงๆ
ความน่าสมเพช และน่าอับอายนี้มันจะทำให้คุณระมัดระวังเวลาจะใช้จ่าย หรือลงทุนอะไร
ไม่ใช่เดือดร้อนอะไรก็คิดแต่จะหยิบยืมเพื่อนเอา พอเขาไม่ให้ก็ตัดเพื่อนตัดฝูง อาฆาตกัน
การที่เพื่อนไม่ให้เงินยืมกันเลย
เน้นช่วยเหลือกันทางด้านความคิด แง่คิด
หางานให้ทำ
ช่วยกันเรื่องเนื้องาน
หรือถ้าเดือดร้อนเรื่องเงินกันจริงๆก็ช่วยๆกันแบบให้เปล่า (เกิดไม่บ่อยแน่นอน อย่าคิดว่าจะได้บ่อยๆ)
แบบนี้คือการแสดงความเป็นเพื่อนแท้มากกว่า การให้ยืม ซึ่งมีโอกาสเสียทั้งเงิน เสียทั้งเพื่อนสูงมาก
ถ้าไม่มีเรื่องการยืมเงินเข้ามาเกี่ยว เพื่อนมักคบกันได้นาน ถ้าเพื่อนเดือดร้อนเรื่องเงิน จงให้ความรู้ ช่วยหางาน หรือ ระดมทุนให้เปล่า ไม่คิดเอาคืน เลยจะดีที่สุด. cr.growingbolder.com
เป็นไงบ้างครับ หลักการทางการเงินเหล่านี้ ในสมัยนี้ บางคนว่าเชย บางคนว่าล้าสมัย แต่เอาจริงๆ แล้ว มันมีความลึกซึ้ง
มันใช้ได้จริงๆอยู่นะครับ ทำได้ครบๆนี่ รวยอัตโนมัติได้เลยนะครับ
👍 ชอบกด Like กด Share หรือพูดคุยกันทางคอมเม้นท์ได้เลยครับ ของคุณมากที่ติดตามอ่านครับ ♥️
โฆษณา