Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าจากหนูทดลอง
•
ติดตาม
21 ม.ค. 2020 เวลา 15:32 • ไลฟ์สไตล์
บทเรียนที่ได้จากการตื่นเช้าเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่าก่อนหน้านี้ผมนอนตื่นสายทุกวัน(8:00 - 9:00)เพราะเริ่มงาน 10 โมง อันที่จริงผมก็เคยตื่นเช้าเป็นประจำในช่วงที่กำลังเรียนอยู่ครับ(วันไหนไม่มีเรียนก็นอนยาวๆ เลย แล้วมันประจำตรงไหน?)แต่ว่านั่นเป็นการตื่นเช้าที่เหมือนจะไม่ใช่เป็นการสมัครใจสักเท่าไหร่จึงทำให้รู้สึกว่าถูก"บังคับ"ให้ตื่นเช้าด้วยเหตุผลที่ว่า"เดี๋ยวจะไปเรียนไม่ทัน"ส่วนตื่นกี่โมงนั้นขอไม่พูดละกันนะครับ
มีอยู่ 2 สิ่งที่ผมทำก่อนที่จะเข้านอนทุกวันนะครับคือ
1.ไม่ทานอาหารหรือขนมภายใน 2 ชม.ก่อนเข้านอน
2.ไม่เล่นมือถือหรือคอมพิวเตอร์ 1-2 ชม.ก่อนเข้านอน
เพราะเชื่อว่าจะทำให้การนอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เอาล่ะครับลองมาดูกันครับว่าในแต่ละวันนั้นผมได้บทเรียนอะไรบ้าง
วันที่ 1
ผมตั้งนาฬิกาปลุกที่ 5:30 ทุกวันครับและมันเป็นเรื่องยากมากที่จะต้องลุกขึ้นจากเตียงเพื่อลุกไปปิดนาฬิกาปลุกเพราะถ้าเอาไว้ใกล้ๆตัวตอนหลับนั้น เวลามันปลุกเราจะสามารถหยุดและนอนต่อได้ ผมเลยเลือกที่จะเอามันไปไว้ที่โต๊ะปลายเตียงซึ่งผมต้องลุกจากเตียงทันทีที่เสียงของมันดังขึ้น
ในระหว่างวันผมง่วงและเพลียมากเพราะผมตื่น 5:30 วันแรก ผมพยายามอดทนให้ผ่านวันนั้นไปให้ได้เพื่อที่จะได้พิสูจน์กับตัวเอง
ในช่วงหัวค่ำผมเริ่มง่วงและอยากนอนเต็มที ทั้งๆที่พึ่งทานอาหารเสร็จและยงไม่ได้อาบน้ำ ทั้งๆที่เมื่อก่อนผมสามารถนอน 4 ทุ่มหรือ 5 ทุ่มแต่วันแรกของการตื่นเช้าทำให้ผมต้องเข้านอนก่อน 3 ทุ่ม และเป็นการนอนหลับที่รู้สึกว่าลึกมากครับไม่มีฝันไม่มีตื่นกลางดึกเลย
วันที่ 2
ในเป็นเรื่องยากเหมือนเดิมในวันที่ 1 ครับแต่เมื่ออาบน้ำกินข้าวเสร้จผมรู้ทันทีว่าสมองโล่งและอยากทำอะไรๆที่มันสร้างสรรค์ผมเลยเลือกที่จะไปซื้ออารมาทำกินเองเพราะปกติผมมักจะซื้ออาหารสำเร็จรูปมากินเพราะไม่มีเวลามากพอที่จะทำอาหารในตอนเช้าครับ
1
หลังจากทำอาหารกินเองในช่วงเช้าแล้วนั้น การทำงานของผมไม่ค่อยราบรื่นสักเท่าไหร่เพราะว่ายังรู้สึกเหนื่อยและเพลียเอามากๆครับ เหมือนพลังงานหายไปไหนไม่รู้ผมเลยเลือกที่จะงีบในที่ทำงานในเวลาพักกลางวันสักหน่อยเพื่อรีเฟรชตัวเอง
ในช่วงเย็นผมเลือกที่จะออกกำลังกายเพื่อพิสูจน์ว่าพลังของผมยังเหลือและสามารถทำสิ่งที่ท้าทายต่อไปได้ แต่ปรากฎว่าวิ่งได้ 2 กม.ก็หอบเอาซะแล้วเลยเลือกที่จะกลับบ้านมากินข้าวและอาบน้ำเข้านอนดีกว่า ผมเข้านอน 2 ทุ่มครับ (โคตรเหนื่อย)
วันที่ 3
ตื่นก่อนนฬิกาปลุก(ฟังดูเวอร์แต่อยากให้ลองทำดู)ผมตื่นขึ้นโดยที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากี่โมงแต่ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่นมากผมเลยลุกไปดูนาฬิกาว่านี่มันกี่โมงกันแล้วปรากฎว่าเป็นเวลา 5:23 ผมเลยตัดสินใจไม่นอนต่อล่ะ55 ไปอาบน้ำทำอาหารกิน ใช้ชีวิตกันดีกว่า
ในระหว่างวันผมสามารถอดทนต่อความเหนื่อยล้าและสามารถจัดการกับมันได้เป็นอย่างดีโดยที่ผมจะพักจากการทำงานทุกๆ ครั้งแล้วกลับมาโฟกัสกับงานใหม่ ซึ่งระหว่างที่พักผมจะไม่เล่นมือถือแต่จะเดินเมาท์ในที่ทำงานสัก 5 นาทีแล้วก็ไปดื่มน้ำแล้วกลับมาทำงานต่อ
ในช่วงเย็นผมรู้สึกว่าผมยังมีแรงเหลือผมตัดสินใจไปออกกำลังกายอีกครั้งซึ่งก็มีจริงๆ ผมวิ่งไปเกือบ 6 กม.จากนั้นก็กลับบ้านทำกิจวัตรประจำวันจากนั้นก็เข้านอน
วันที่ 4
ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเหมือนเดิมซึ่งตื่นขึ้นมาตอน 5:15 (ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)ผมก็ตัดสินใจเหมือนวันที่ 3 แต่ผมไม่ทำอาหารล่ะผมนั่งอ่านหนังสือจิบกาแฟไปด้วยแล้วก็ไปทำงาน
ในวันที่ 4 นี้ผมรู้สึกว่าเป็นวันที่สดชื่นเอามากๆ เหมือนความเหนื่อยล้าที่เคยเกิดขึ้นได้หายไปผมทำงานโดยไม่พักเป็นเวลา 3 ชม.ติดต่อกันซึ่งผมอื้งมากที่ทำงานโดยไม่พักเอาขนาดนี้ซึ่งผมมักจะพักทุกๆ 1 - 2 ชม. ผมมีสาธิและสามารถแก้ปัญหาได้ดีขึ้นผมรู้สึกว่าผมได้ปลดล็อกอะไรบางอย่างในชีวิตซึ่งไม่สามารถถอดมันออกมาเป็นคำพูดได้จริงๆครับ มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนเราปั่นจักรยานเองได้โดยที่ไม่ต้องมีใครคอยประคองจากด้านหลังเลย
1
วันที่ 5
ผมได้ตื่นตามนาฬิกาปลุกปกติครับและสามารถลุกไปทำกิจวัตรต่างๆ ได้อย่างไม่รู้สึกขี้เกียจแล้วก็มานั่งอ่านหนังสือพร้อมกับจิบกาแฟต่อ
ในระหว่างวันผมก็รู้สึกเฟรชเหมือนวันที่ 4 นั่นแหละครับแต่ว่าผมไม่ได้รู้สึกง่วงนอนในช่วงหัวค่ำต่อไปอีกแล้วผมเลยเลือกที่จะอ่านหนังสือและทักคุยกับเพื่อนๆ และทำกิจกรรมร่วมคนรักได้ปกติเหมือนเมื่อก่อนครับ
สรุป
การตื่นเช้านั้นจำเป็นต้องมีการเตรียมตัวมาอย่างดีครับถ้าเราอยากจะตื่นเช้าแต่เลือกที่จะนอนดึกไปด้วยอันนี้ไม่น่าจะได้ผลดีอะไร ซึ่งสิ่งสำคัญของการตื่นเช้านั้นไม่ใช่เป็นการที่คุณเลือกเวลาตื่น แต่เป็นการเลือกว่าคุณจะทำอะไรก่อนที่จะนอนโดยผมเลือกที่จะไม่ทานอาหารก่อนนอนภายใน 2 ชม.และไม่เล่นมือถือก่อนนอนครับ ผมรู้สึกหลับลึกมากเมื่อทำ 2 สิ่งนี้ก่อนนอน และผลของมันก็คือในระยะแรกร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ทันผมจึงรู้สึกเพลีย แต่พอนานๆไป ก็รู้สึกสดชื่นและรู้สึกว่าตัวเองมีเวลาทำสิ่งต่างๆได้มากกว่าเมื่อก่อนจริงๆ อยากให้ทุกคนลองตื่นเช้าดูครับ
3
ลองตื่นเช้ากว่าทุกวันแค่ 10 นาทีก่อนก็ได้ครับแล้วค่อยๆ เพิ่มเวลาเอาทีหลังผมเชื่อว่าถ้าเราทำแบบนี้ได้เราจะได้ทำสิ่งที่มีความหมายกับชีวิตได้มากกว่าการใช้ชีวิตบนเตียงนอน 4 เหลี่ยมครับ
2
50 บันทึก
92
12
44
50
92
12
44
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย