Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าคนเข้าป่า
•
ติดตาม
24 พ.ค. 2020 เวลา 12:21 • ความคิดเห็น
ของของใคร ใครก็รักใครก็หวง
แต่ทำไมไม่มีใครรักและห่วง "ขยะ" ของตัวเอง
ครั้งหนึ่งในสมัยที่ผมยังเรียนอยู่มหาลัย มหาลัยของผมจะมีตลาดนัดทุกวันศุกร์ ซึ่งจะมีคนภายนอกเข้ามาซื้อของกันอย่างมากมาย
มีโต๊ะสำหรับร้านขายอาหาร ขายน้ำ ของกินต่าง ๆ นานามากมาย
..
วันหนึ่งผมและเพื่อนได้ไปตลาดเพื่อซื้อของกินตามปกติ แต่เมื่อผมจะทิ้งขยะที่มีเศษอาหาร
ผมกลับพบว่า ถังขยะที่จะทิ้งมีเพียงถังเดียวและขยะก็ได้ถูกทิ้งรวมกัน อย่างเละเทะ....
..
..
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ถ้าหากมีถังขยะที่แยกประเภทอย่างชัดเจน ผู้คนคงจะทิ้งกันง่ายขขึ้น ผมคิดแบบนั้น
ผมและเพื่อนจึงเกิด "ไอเดีย โครงการแยกขยะขึ้นมา เพื่อที่จะแก้ปัญหาการทิ้งขยะ
โครงการนี้เกิดขึ้นจากความสนุกและอยากเปลี่ยนแปลง อยากทำอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นสักอย่าง
แต่ในตอนแรกของการเริ่มต้นเป็นอะไรที่ยากมาก เราไม่รู้เลยว่าทำแบบไหนถึงจะได้ผล
..
..
ทุกคนต่างช่วยกันวางแผนการทำงานแบ่งหน้าที่ จนมันออกมาเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด
หน้าที่ผมคือต้องตื่นแต่ตี 5 เหมือนกับมาตั้งร้านขายของ แต่เปลี่ยนเป็นการตั้งถังขยะแทน ซึ่งจะแยกถังออกเป็นแต่ละประเภทตั้งแต่
ขวดพลาสติก
เศษอาหาร
น้ำ+น้ำแข็ง
ขยะทั่วไป
ถุงพลาสติก
และแก้วน้ำพลาสติก
ให้ผู้คนที่ผ่านมาได้เห็นป้าย จะได้ทิ้งขยะได้ถูกต้อง พวกเราคิดเช่นนั้น
รูปแบบการแยกขยะที่คิดขึ้น
ในตอนเเรกของการตั้งขยะ ผมและเพื่อน ๆ จะยืนอยู่หน้าถังขยะเพื่อคอยบอกวิธีแยกขยะแก่ผู้คนที่มาทิ้งขยะ แต่ในตัวถังเองก็มีป้ายระบุเหมือนกันว่าแต่ละประเภทเป็นอะไร
ผลตอบรับออกมาดี ขยะได้รับการแยกอย่างถูกต้อง ถูกทิ้งเป็นระเบียบ ไม่สกปรกเลอะเทอะ แต่พวกผมกลับเหนื่อยมาก เพราะต้องยืนอยู่หน้าถังขยะทั้งวันเพื่อบอกแก่คนที่เดินมาทิ้งขยะว่าให้ “แยกขยะก่อนทิ้ง” ถึงผลรับออกมาดีแต่เเลกมาด้วยความเหนื่อยและเวลาที่ไม่สามารถไปทำอย่างอื่นได้เลย เพราะต้องอยู่กับถังตลอดเวลา
..
ช่วงเวลาพักเที่ยงเป็นช่วงเวลาที่คนจะเยอะมากเป็นพิเศษ ผู้คนหลั่งไหลมาเดินตลาดและทิ้งขยะ แต่การแยกขยะอาจต้องใช้เวลาสักนิดหนึ่งเพื่อดูว่าสิ่งให้ควรทิ้งลงถังไหน ทำให้คนบางกลุ่มที่เร่งรีบทิ้งขยะโดยไม่สนใจคำพูดของผมและป้ายที่ติดอยู่ตรงหน้า แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมต้องเก็บขยะที่ถูกทิ้งลงถังไปแล้วขึ้นมาแยกใหม่อีกครั้ง
***ความรู้สึกในตอนนั้นของผมคือ เกิดมาไม่เคยต้องมารื้อขยะ วันนี้เราต้องมารื้อขยะเพื่อแยกขยะ ขยะของใครก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ของเรา ขยะที่เราไม่ได้เป็นคนทิ้งทำไมเราต้องมารับผิดชอบแทนเขาด้วย
ผ่านไปสองอาทิตย์แรกของการเริ่มต้น พวกผมรู้สึกท้อกันอย่างมาก
เพราะมันไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลย ผู้คนก็ยังทิ้งขยะไม่ถูกประเภทอยู่เหมือนเดิม
"หากไม่มีคนเฝ้า ไม่มีคนบอก"
โครงการนี้คงต้องดำเนินไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพราะหากทุกครั้งที่ไม่มีพวกผมมายืนอยู่หน้าถังขยะเพื่อบอกให้เขาแยกขยะ ผลก็จะเป็นดังเช่นภาพข้างล่างนี้ ทั้ง ๆ ที่ทุกคนควรแยกขยะได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้เด็กอย่างพวกผมมาบอก
ขยะที่ถูกทิ้งรวมกัน แม้ป้ายถังจะบอกชนิดของขยะแล้วก็ตาม
มีคนที่มาทิ้งขยะบอกว่า น้องไม่ต้องทำหรอกเสียเวลา เอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่าไหม
.
.
บางคนกล่าวว่า ทำไปทำไม เอาไปทำงานวิจัยเหรอ ?
.
.
บางคนกล่าวชื่นชมการทำแบบนี้ที่มายืนช่วยแยกขยะ เอาใจช่วยทำต่อไปนะ
แต่เขาก็ทิ้งขยะเหมือนเดิม
คำพูดมากมายต่าง ๆ นานาถาโถมเข้ามา บางคนรู้สึกรำคาญที่พวกผมพูดเตือนพูดบอก
สุดท้ายโครงการที่พวกเราทำก็จบลงด้วยความล้มเหลว เพราะหากไม่มีคนไปยืนบอกให้แยกขยะ คนก็ยังจะทิ้งเหมือนเดิม แม้ตัวถังจะมีป้ายบอกชนิดของขยะอย่างชัดเจน หรือบริเวณโดยรอบจะมีเสียงประชาสัมพันธ์ บอกให้แยกขยะก็ตาม พวกเรารู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่พักใหญ่
แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงและปล่อยมันไป
งานเก็บและคัดแยกขยะนี้สอนอะไรหลายอย่าง ให้แก่ผมและเพื่อนอย่างมาก
สิ่งหนึ่งคือ ทำให้ทุกครั้งที่จะทิ้งขยะจะต้องคิดทุกครั้ง เพราะเราเคยอยู่จุดนั้นมาแล้ว
เรารู้ว่ามันแย่แค่ไหน เรื่องของขยะไม่ใช่ของใครเพียงคนเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกัน และอีกประเด็นที่ผมสัมผัสได้จากการไปยืนหน้าถัง
ขยะคือ "คนส่วนใหญ่เดินมาทิ้งขยะด้วยความเร่งรีบแล้วจากไป" ไม่แม้แต่จะมองป้ายหรือคนที่ยืนบอกเสียด้วยซ้ำ
ตื่นแต่เช้ามานั่งเฝ้าถังขยะ เป็นอะไรที่แปลกสุด ๆ
ในปัจจุบันเราใช้ชีวิตอยู่บนความเร่งรีบ รีบที่จะกินข้าว รีบที่จะไปทำงาน อีกอย่างคือคนส่วนใหญ่มักกดโทรศัพท์ไปเดินไป หากลอง " หยุด " แล้วเงย
หน้ามองไปยังรอบ ๆ " ตั้งสติ " ทุกครั้งก่อนที่จะทิ้ง มันคงจะช่วยการแยกขยะได้อีกเยอะ
มีกลุ่มคนบางคนที่อยากจะแยกขยะแต่เขาแยกไม่เป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ มันสะท้อนให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจของการจัดการขยะในบ้านเรา
เป็นอย่างมาก
เเละเรื่องนี้ดูเป็นเรื่องไกลตัวอย่างมากถึงมากที่สุด ขยะที่เราทิ้งมันส่งผลยัง
ไงต่อเราเราไม่รู้หรอก เพราะกว่าผลกระทบนั้นจะเกิดกับเราคงกินเวลากว่า
หลาย 10 ปี ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองไปไกลถึงขนาดนั้น การแก้ไขปัญหานี้
จึงยังไม่ไปไหน
และในสถานการณ์ตอนนี้ที่ทุกคนกำลังจับจ้องไปที่โรคระบาด ปริมาณขยะ
พลาสติกกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มันก็เป็นเหมือนโรคระบาดโรคหนึ่งที่กำลังก่อต่อขึ้นอย่างช้า ๆ เราจะรอถึงวันที่มันระบาดทั้ง ๆ ที่เรารู้อยู่แล้ว หรือจะแก้ไข
เสียตั้งแต่ตอนนี้
โรคระบาดนั้นน่ากลัว แต่เดี๋ยวมันก็จะหายไป ยังมีวิกฤตอีกมากมายที่ต่อแถว
เข้าคิวรอซัดเราอยู่ เราต้องมองไปให้ไกลกว่าเดิม คิดให้มากกว่าเดิม มีสติให้มากกว่าเดิม และสิ่งสำคัญที่สุดคือ "ความร่วมมือ"
อย่าปล่อยให้ทุกอย่างสายเกินแก้ ถ้าคุณสามารถแก้ได้ตั้งแต่ตอนนี้
เรียบเรียงโดย : เรื่องเล่าคนเข้าป่า
2 บันทึก
27
17
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
เรื่องของขยะที่ไม่ใช่แค่ขยะอีกต่อไป
2
27
17
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย