Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ความสุขของลูกฟุตบอล
•
ติดตาม
23 ม.ค. 2020 เวลา 00:47 • ท่องเที่ยว
ประเทศเวียดนาม
พาร์ท 2 ตะลุยวันที่ 3-4 กันที่ ดาลัดและมุยเน่
วันที่ 3 ดาลัด เราออกจากญาจางในช่วงเช้าของอีกวัน นั่งรถแท็กซี่ไปที่ท่ารถ ขึ้นรถนอนเหมือนเคยเพื่อไปที่เมืองดาลัด เมืองแห่งความคลาสสิกสไตล์ยุโรปทั้งเมือง เนื่องจากเมืองแห่งนี้เคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส กลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศสจึงหลงเหลืออยู่ที่นี่พอสมควร อากาศนั้นก็หนาวเย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยไม่เกิน 16 องศาเซลเซียส
ดาลัด เป็นเมืองที่น่าเที่ยวมากๆแห่งหนึ่งเลยครับ ทุกทัวร์เกือบ 90% ต้องมาลงที่ดาลัด เพราะอากาศดีได้ความรู้สึกแบบอยู่ทวีปยุโรป การก่อสร้างอาคารต่างๆ ก็เรียกได้ว่าคล้ายยุโรปกันเลยทีเดียว มีโบสถ์สีชมพูที่ทุกคนต้องไปถ่ายภาพที่นั้น มีบ้านบ้าๆบอๆ Crazy House บ้านที่ออกแบบอย่างพิลึกที่มีความสวยงามในความซับซ้อน มีน้ำตกดาลันตาและเครื่องเล่น Roller Coaster อีกแล้ว ฉะนั้นแล้วรออะไรครับ เล่นสิครับ การเล่นรถไฟที่นี่ต่างจากที่สวนสนุก เพราะที่นี่บรรกาศที่เย็นและสงบท่ามกลางป่าไม้ เสียงของน้ำตกที่ไหลลงมาอย่างไม่หยุดหย่อน ฟิลนี้คือธรรมชาติที่แท้จริง ธรรมชาติที่เราคนเมืองลืมมันไปแล้วว่าความรู้สึกมันเป็นแบบไหน เราจะพบกับสิ่งเหล่านี้ได้อีกสักกี่ครั้งกันเชียวในชีวิตนี้ คงพบได้น้อยจริงๆครับ สำหรับคนเมืองอย่างพวกเรา
การเที่ยวที่ดาลัดค่อนข้างเป็นไปด้วยความเรียบง่ายตามสไตล์ของเมือง มีสถานที่เที่ยวอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ไปเยี่ยมชม เราเน้นเดินชมบรรยากาศไปตามท้องถนนและหาร้านนั่งกินข้าวข้างทาง ของกินที่นี่ส่วนมากก็ปกติทั่วๆไป เน้นไปที่กาแฟซะส่วนใหญ่นอกนั้นก็ไม่ได้แปลกตาอะไรมากกินกันได้ตามปกติเลยครับ
ส่วนตอนค่ำๆ เราก็ไปเดินหาของกิน(อีกแล้ว) ในยามค่ำคืนที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งจำชื่อไม่ได้แล้วเหมือนกันแต่มันจะมีโดมเขียวตั้งอยู่แล้วรอบๆก็เป็นลานกว้างๆ มีของกินขายหลายร้านแต่ของกินจะมีไม่กี่อย่างเพราะร้านต่างๆขายของซ้ำกัน เช่น พิซซ่าเวียดนาม ไส้กรอกย่าง ซุปเห็ดที่อารมณ์คล้ายๆกระเพาะปลา เผือกย่าง ทุกอย่างอร่อยหมดครับ ราคาก็อยู่ประมาณ 20-30 บาท ไม่ได้ถือว่าแพงอะไรสำหรับเราเลยนะสำหรับมื้อดึก
ตกดึกเราไม่ได้นอนที่โรงแรมในดาลัดนะครับ เราต้องเช็คเอ้าท์และออกเดินทางกันต่อเลยตอน 5 ทุ่ม เพราะเราจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ มุยเน่ เมืองท่องเที่ยวอีกแห่งที่มีทั้งทะเลและทะเลทรายอันเลื่องชื่อ การไปมุยเน่พวกเราได้ซื้อทัวร์แยกไว้แล้วจึงไม่มีปัญหา แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่าเราจะต้องนอนบนตู้ราว 4-5 ชั่วโมง อีกอย่างนะครับถนนหนทางที่เราไปนั้นเรียกได้ว่าค่อนข้างแย่มากๆ คือมันเป็นหลุมเป็นบ่ออย่างชัดเจนมากๆ รถโครงเครงตลอดทางจนคลื่นใส้หนักมากเลยครับ แนะนำถ้าไปกินยาแก้เมารถกันไปด้วยนะ
วันที่ 4 มุยเน่ พอไปถึงมันก็พึ่งจะตี 4 กว่าๆ พระอาทิตย์คงยังไม่ขึ้นแน่ๆ ไกด์ก็ต้องพาไปหาที่นอนก่อนคือมันง่วงและเพลียมากเพราะแทบไม่ได้นอนเลยตอนอยู่บนรถ ปวดหัวจนเผลอหลับคาโต๊ะในร้านอาหาร จำความได้อีกทีก็ไปอยู่ที่ทะเลทรายสงสัยจะเดินละเมอไปขึ้นรถเองแน่ๆเลยครับ
ทะเลทรายขาว (White Sand Dunes) ทรายที่เปื้อนเต็มเท้าพาเราเหมือนย้อนไปตอนวัยเด็กที่วิ่งเล่นท่ามกลางความสุข สัมผัสอันเยือกเย็นจากบรรยากาศที่สุดแสนจะหนาวในช่วงเช้าของทะเลทราย การนั่งรถเอทีเวผ่านสายลมที่พัดเข้ามาพาร่างกายแทบจะแข็งทื่อ มองไกลสุดลูกหูลูกตาก็มีแต่ทรายเต็มไปหมด มองขึ้นบนฟ้าก็เห็นแสงสีส้มๆ ลอยตัวขึ้นท่ามกลางฟากฟ้าสีคราม ใช่ครับ มันคือพระอาทิตย์ที่กำลังจะขึ้นมาสู่วันใหม่ ผมมองดูด้วยความประหลาดใจเคยเห็นแต่ในหนัง ในละคร การเห็นพระอาทิตย์ขึ้นครั้งแรกในชีวิตที่ทะเลทรายกับอากาศหนาวเหน็บ มันบรรยายเป็นคำพูดยากมากนะครับ มันสวยงามไร้ที่ติจริงๆ
เราอยู่ถึงเกือบๆ 9 โมง หลังจากนั้นไกด์ก็พานำเที่ยวไปตามโปรแกรมเช่น ทะเลทรายแดง (Red Sand) ลำธานางฟ้า (Fariy Steam) และหมู่บ้านชาวประมง (Muine Fishing Village) เที่ยวแบบครบตามโปรแกรมนะครับไกด์ก็นิสัยดีมาก ไม่โกงเวลา ให้ความรู้เต็มที่ ถ้าจะไปก็แนะนำให้หาทัวร์ไปนะครับ
มีไปก็ต้องมีกลับ พวกเราต้องกลับประเทศไทยกันแล้ววันนี้ รถมารับพวกเราตอน 11 โมง เพื่อกลับสู่นครโฮจิมินห์ เตรียมตัวกลับในช่วงดึกๆ ก็เดินเล่นกันก่อนสิครับเหลือเวลาอีกเยอะแยะเครื่องออกก็ 3 ทุ่มได้ สุดท้ายพวกเราต้องมีวันที่ 5 ในเวียดนาม
วันที่ 5 สนามบินโฮจิมินห์ ตกเครื่องจ้าาาา จำเวลากันผิดชีวิตก็เปลี่ยนทันที เครื่องออก 3 ทุ่ม ไปถึง 2 ทุ่มครึ่ง เขาคงจะมารอเช็คอินหรอกและมันก็สมใจหวังสายการบินที่เราขึ้นเขาปิดไปแล้ว ตอนนั้นคือเคว้งจัดๆ ทำไรไม่ถูกก็ต้องซื้อตั๋วใหม่เท่านั้น รอกลับวันพรุ่งนี้ ที่เคว้งนี่คือเงินในกระเป๋านะซื้อก่อนบินเที่ยวเดียวราคาก็ตามนั้นเลย แต่มันก็ต้องเอาไว้ก่อนแหละจะไม่กลับหรือ
แหม่ครบเลยนะครับขึ้นเครื่องครั้งแรกก็ดันมาตกเครื่องครั้งแรกซะอย่างนั้น จากทริปที่ชิลๆ กลับเจอปัญหาที่ไม่คาดฝัน แต่เราไม่ได้โทษอะไรใครทุกคนก็เพลิดเพลินกับการเดินเที่ยวไม่มีใครที่จะผิดนอกจากพวกเราทั้งหมดที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน สุดท้ายนี่คือทริป 5 วัน 4 คืนถือว่าเป็นความติดใจไม่อยากกลับก็แล้วกัน
ผมมองว่าการไปต่างประเทศครั้งแรกและนั้นคือเวียดนามที่ค่าครองชีพก็ไม่ได้สูงมาก ของกิน ที่เที่ยว การคมนาคม ก็อยู่ในระดับที่ดี หากคุณกำลังอยากไปต่างประเทศครั้งแรกแบบผม ประเทศนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่คุณควรมีไว้ในลิสต์นะ
การท่องเที่ยวมันขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง อ่านอะไรมา ดูอะไรมา ไม่เท่าไปพบเจอของจริง ความรู้สึกมันจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยครับ ทุกที่รอให้คุณไปค้นหาด้วยตัวเองไม่ใช่ฟังจากใครมา มันไม่พอหรอกครับ ไปดูมันด้วยตาตัวเองเถอะ
รู้ไว้ใช่ว่า
-เรียกแท็กซี่ให้เป็น เช็คมิเตอร์ดีๆ ระวังโดนโกง
-ข้ามถนนให้ดีมองซ้ายขวา จงมีสติให้มากในตอนข้าม
-เช็คแมพดีๆ อย่าเดินเพลินเพราะบางทีอาจจะไม่ใช่ที่ในหมุด
-เรื่องเงิน ควรบริหารดีๆ เพราะมันอาจจะหมดโดยไม่รู้ตัว
-ซิมเน็ต ถ้าต้องการโทรหาใครในยามจำเป็น ควรเลือกแบบโทรมาตั้งแต่ลงเ ครื่อง
-เวลาไม่ต่างกันเลย ตรงกับไทยเป๊ะๆ
-ของฝากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องซื้อนะครับ แพงเอาเรื่องอยู่นะ
เวียดนาม Vietnam
ขอบพระคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านบทความการท่องเที่ยวของผมในครั้งนี้ ผมตั้งใจทำบล็อคให้เหมือนกับไดอารี่ ที่บันทึกความทรงจำของเราลงไปในพื้นที่แห่งนี้ บางครั้งอาจจะไม่ตรงกับชื่อบล็อคบ้าง คนลัแนวเลยบ้าง ก็ต้องขอกราบอภัยกันด้วยนะครับ
ฝากติดตามด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
นิว
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย