22 ม.ค. 2020 เวลา 22:11
Philip Fisher บิดาเเห่งการลงทุนหุ้นเติบโต 🙋♂️
ถ้าบิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่าคือ Benjamin Graham บิดาแห่งการลงทุนในหุ้นเติบโตก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Philip Fisher ที่เราทุกคนต่างรู้กันดีว่า แนวทางของทั้งสองท่านนั้นมีความสุดยอดทั้งคู่ กระทั่ง Warren Buffett ก็ยังต้องประยุกต์ใช้แนวคิดของทั้งสองคนนี้แบบผสมผสานกัน ไม่อาจละเลยการหาหุ้นคุณค่าหรือการหาหุ้นเติบโตไปได้🤟
ถึงแม้บัฟเฟตต์จะเคยบอกเองว่าเขาใช้หลักการของท่านทั้งสองนี้ในอัตราส่วน 85 ต่อ 15 ตามลำดับ แต่จากหลายๆ การลงทุนที่เราเห็นของบัฟเฟตต์ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่เขาซื้อหุ้นซึ่งต่ำกว่ามูลค่าของมันมากๆ อย่างเห็นได้ชัด หรือแม้แต่เกรแฮมเองก็ตาม เขาอาจจะมีหุ้นมากมายที่ต่ำกว่ามูลค่าในพอร์ตการลงทุน แต่หุ้นที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาได้กลับเป็นหุ้น GEICO ซึ่งเป็นหุ้นเติบโตในแบบของฟิชเชอร์👍
แล้วคุณฟิชเชอร์มีหุ้นอะไรที่เป็นตำนานของเขาบ้างล่ะ? มันคือหุ้น Motorola👉👉
นอกจากจะเป็นเจ้าของฉายาบิดาแห่งการลงทุนในหุ้นเติบโต เขายังเป็นเจ้าของแนวคิด "การถือหุ้นตลอดชีวิต" อีกด้วย และจากแนวคิดนี้เอง เขาจึงถือหุ้น Motorola มาตั้งแต่ปี 1955 และขายออกไปเมื่อปี 2004 ซึ่งเป็นปีที่เขาเสียชีวิต นั่นเท่ากับว่าคุณฟิชเชอร์ถือหุ้นตัวนี้มานานมาก นานเกือบ 60 ปีเลยทีเดียว (บางคนถือแค่ 6 เดือนยังแทบขาดใจเลย)
น่าเสียดายที่เราไม่มีข้อมูลว่าเขาซื้อหุ้น Motorola ในราคาหุ้นละเท่าไหร่ แต่จากข้อมูลราคาหุ้นที่ย้อนไปได้ไกลสุดคือในปี 1968 ซึ่งราคาหุ้นซื้อขายกันอยู่ประมาณ 3 เหรียญ เราจะสมมติว่าต้นทุนของเขา "อาจจะ" น้อยลงกว่านี้สักครึ่งหนึ่ง คือราวๆ 1.50 เหรียญ เพราะช่วงเวลาที่เขาซื้อหุ้นตัวนี้คือย้อนกลับไปอีกถึง 13 ปี ด้วยระยะเวลาขนาดนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าราคาหุ้นจะต้องขึ้นมาอย่างน้อยๆ 2 เท่า (หรืออาจมากกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เรากำหนดสมมติฐานแบบ conservative ไว้ก่อน)
และการที่เขาขายหุ้น Motorola ในปี 2004 ซึ่งราคาหุ้นเคลื่อนไหวอยู่ประมาณ 70 เหรียญ นั่นแปลว่า การลงทุนของเขาในหุ้นตัวนี้ คิดเป็นผลตอบแทนกว่า 47 เด้ง (ยังไม่รวมเงินปันผล) . . . ด้วยระยะเวลา 60 ปี
นี่เเหละครับประวัติการลงทุนคร่าวๆของสุดยอดนักลงทุนตลอดกาล เพื่อนๆสามารถศึกษาต่อและตามรอยเเนวคิดของเขาเเละสามารถนำไปใช้ซึ่งจะทำให้ได้ผลตอบเเทนที่ดีขึ้นอย่างเเน่นอน 👍👍
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก investing.in.th ด้วยครับ
โฆษณา