23 ม.ค. 2020 เวลา 04:06 • ปรัชญา
ชีวิตที่ไร้ค่า
บทความนี้เป็นบทความที่ผมตั้งใจจะเขียนไว้นานแล้ว แต่พอร่างได้มาสักพักก็หยุดเขียนจึงเขียนเรื่องอื่นแทน จึงมาเริ่มเขียนขึ้นมาใหม่และเพิ่มเติมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน ที่สามารถนำมาวิเคราะห์ให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น และให้กระจ่างในเนื้อหาของบทความ
ชีวิตที่ไร้ค่าในที่นี้ หมายถึง ชีวิตที่ไม่ถูกตีราคา ค่าตัว หรือค่าของชีวิตด้วยเงินตรา วัตถุ สิ่งของ เพราะชีวิตของคนเราไม่ใช่สิ่งที่ถูกนำมาตีเป็นคุณค่า หรือมีค่าตัว แต่คนมักจะนำชีวิตมาตีค่าจนทำให้คนเราเกิดความลุ่มหลงในคุณค่าของชีวิตตนเอง จนลืมความจริงของสัจธรรม
สัจธรรมที่ว่าคือ ชีวิตเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบของธาตุ ขันธ์ มีความตาย อละความว่างเปล่าในเบื้องหน้า ชีวิตของเราไม่มีอะไรติดตัวมาเมื่อครั้งเกิด ถ้าจะมีคงเป็นบาปบุญ กรรมที่ติดตัวมา การที่จะยึดติด ยึดมั่นถือมั่นในชีวิตก็คงไร้ค่าเพราะชีวิตไม่มีค่าอะไร
การที่เราตีค่าชีวิตของตัวเองไว้สูง ก็เพราะเหตุที่ตนเองมีลาภ ยศ ตำแหน่งหน้าที่การงาน มีทรัพย์สมบัติมากมาย มีชีวิตที่ดี ยึดติดกับการที่ห้ามล้ม และห้ามจน รวมทั้งต้องหาสิ่งของต่างๆ มาบำรุงบำเรอชีวิตให้มากอย่าให้ขาด จนหลงในคุณค่าที่ชีวิตตัวเองต้องมีค่ามหาศาล
การเอาชีวิตไปยึดติดกับวัตถุจนไม่รู้จักปล่อยวาง เกิดความลุ่มหลงและความคิดวิกจริต ยิ่งคิดว่าตนมีค่ามากก็ยิ่งไม่อยากสูญเสีย ตัวอย่าง กรณี ผอ. ที่ปล้นทองที่ว่าปล้นแล้วนำไปทิ้งแม่น้ำ หรือเพื่ออยากดัง เพื่อให้ถูกฆ่า ผมมาวิเคราะห์ดูว่า
1. ทองไม่ได้ทิ้งลงแม่น้ำนั้นคือความจริง เหตุเพราะไม่อยากให้ใครรู้ที่ซ่อนทอง ถ้าไม่ต้องการทองจะปล้นทำไม และยังมีหนี้อีกมากมาย
2. การทำเช่นนี้เพราะการตีค่าของตัวเองด้วเงินตรา คือ การกู้เงินมา การซื้อรถราคาสูง การมีตำแหน่งที่จะต้องทำให้ดี และประกันชีวิต ทำให้ยึดติดมากจนหลงผิดและการทำผิดอะไรสักอย่างเมื่อตายไปทุกอย่างก็จบ ได้เงินประกัน
3. เหตุจูงใจที่อยากดัง หรือการหาความท้าทายในชีวิตไม่ใช่ประเด็นเพราะเมื่อมีเหตุก็ต้องมีผล เหตุเพราะการตั้งค่าชีวิตไว้สูง
การที่กล่าวเช่นนี้เพราะความที่คนเราตั้งค่าชีวิตของตนไว้สูงจนไม่สามารถที่จะยอมรับสิางที่เกิดขึ้นในชีวิตของตนเองได้ในยามที่ล้มลง ยิ่งมีค่ามาก ทิฐิก็ย่อมมาก บางคนที่เป็นลูกคนรวยแต่เมื่อหลงในสิ่งของคุณค่าจนใช้แบบไม่คิดพอจนก็ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้
เมื่อใดก็ตามที่เราตีค่าชีวิตไว้ต่ำเราก็จะมีความสุขเพราะไม่ต้องคิดที่จะเอาชนะใคร อิจฉาใคร เกิดความโลภ ความตระหนี่ถี่เหนี่ยว เพราะกลัวหมด การอยู่แบบธรรมดา คือ ความสุข ไม่ต้องคิดถึงค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าหนี้ ค่าเสื้อผ้า ค่าของหรู ค่ารถ ค่าบ้าน ค่าโทรศัพท์ และค่าอื่นๆ อีกมากมาย
มียายคนหนึ่งที่ผมเคยไปซื้อผักหรือนำผักไปขายกับแกเป็นประจำที่ตลาด ไม่มีลูก ไม่มีสามี มีแต่หลานของลูกพี่สาว ลูกหลานทั้งหลายของแก ยายเป็นคนส่งเสียจนจบปริญญาหลายคน ถ้าถามว่ามีความสุขมั้ยแกมีความสุข แกขายผักวันละ 300-500 บาท ไม่มีค่าอะไรต้องจ่าย กินง่ายอยู่ง่าย มีเงินเก็บจนคนมาขอกู้ยืม นี่จึงเป็นอีกตัวอย่างที่น่าสนใจ
การที่เราให้ค่าของชีวิตน้อยเราก็จะไม่ยึดติดกับชีวิตจนเกินไป จนต้องหาสิ่งของมาประดับชีวิต จนก่อให้เกิดทุกข์กับตนเอง ผมเองได้ข้อคิดจากพี่ที่รู้จักแกเป็นเภสัชเปิดคลีนิคขายยา ส่วนแฟนเป็นทันตแพทย์ มีร้านทำฟันเป็นของตัวเอง ชื่อ ร้านบ้านหมอโชติกา แกมักจะไปทำบุญทำทาน และปฏิบัติธรรม
แกบอกว่าสิ่งที่หามาก็เพื่อลูก เพื่อได้ทำบุญ และดูแลคนที่รัก เพราะตายไปคงเอาไปไม่ได้ ชีวิตเราอย่ายึดติดกับของมีค่าเหล่านี้ให้มาก ซึ่งทั้งสองคนได้บริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาล แกจึงชวนผม และผมเองก็ได้บริจาคร่างกายให้กับโรงพยาบาลแล้ว
ดังนั้น การมีชีวิตแบบไร้ค่า คือการสร้างความสุขให้กับตนเองที่ไม่ต้องยึดติด ยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ลาภ ยศ สรรเสริญ ความรัก ชีวิตคู่ เพราะสักวันก็ต้องจากกันไป มันไม่ใช่ของเราอย่างถาวร ไม่ยั่งยืน ถึงเวลาก็ต้องไป เราจงทำตัวเองแบบไร้ค่าถึงจะมีความสุข
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ด้วยความปรารถนาดี .......ถ้าชอบช่วยกด like กด share ด้วยนะครับ
โฆษณา