23 ม.ค. 2020 เวลา 10:07 • ธุรกิจ
เมื่อ Tech Company เปลี่ยนจาก “พันธมิตร” มาเปิด “สงคราม” กับธนาคาร
Cr. Microsystems.com
สวัสดีท่านผู้อ่าน
หายไปนานเลย ไม่ได้มาเหลาอะไรให้พวกเจ้าฟัง เพราะเราไปเที่ยวนานเกินกว่าที่คิด
แถมช่วงที่ผ่านมามีแต่เรื่องซีเรียส เครียดกันไปหมด เลยไม่อยากเอาอะไรหนักๆไปเล่าให้ฟัง
แต่วันนี้มีเรื่องน่าสนใจเรื่องหนึ่งมานำเสนอ
เหตุว่าบัดนี้ เป็นที่แน่ชัดว่า Tech Company ทั้งหลาย (ไม่ใช่แค่ FinTech นาจา) เริ่มหันมา Disrupt วงการการเงินการธนาคารกันแบบ “จริงจัง”
จากที่เมื่อก่อนเขาจับมือเป็น “พันธมิตร” กัน วันนี้ความสัมพันธ์เริ่มแปลเปลี่ยน ในเมื่อปีกกล้าขาแข็งแล้วก็ต้องถึงเวลา “โบยบิน” เปิดแนวรบใหม่กับคนใกล้ตัวนี่แหละ
เรากำลังพูดถึง Tech Company ที่ไม่ใช่เป็นสาย FinTech ที่เค้ามาแนวบริการทางการเงินอยู่แล้ว
1
เราหมายถึงกลุ่มที่เป็น Tech เช่น Grab และอื่นๆที่เริ่มบุกเข้ามาให้บริการ “สินเชื่อ” หรือปล่อยกู้เงินเองมากขึ้น
คือตอนแรกเนี่ยไม่ว่าจะมี บริการใหม่ๆอย่าง Line / Grab หรือแม้กระทั่ง Startups ยุค 3.0 เช่น AirAsia / Agoda / Booking ก็ตาม ใครเข้ามานำเสนอบริการอะไร สุดท้ายก็ต้องวิ่งเข้ามาหาธนาคารให้ช่วยทำหน้าที่ “จุดชำระเงิน” ให้แก่ลูกค้า ทั้งการโอนเงิน / ตัดผ่านบัตรเครดิต / เติมเงิน หรือเรียกรวมๆกันว่า “Payment Gateway”
4
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าของตนเองเป็นหลัก
Cr. Grab TH
แต่มาวันนี้ พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง มีฐานลูกค้ามากมาย และมี “ข้อมูลมากพอ” บริษัทเหล่านี้จึงเริ่มหันมาบุกธุรกิจปล่อยกู้เงินแก่ลูกค้าใน platform ของตัวเองนะสิ
มาดูตัวอย่างที่น่าสนใจที่ประเทศสิงคโปร์ ประเทศที่มีการพัฒนาด้านการเงินระดับต้นๆของโลก
ประเทศที่มีประชากรประมาณ 5.6 ล้านคน มีพื้นที่ใหญ่กว่าเกาะภูเก็ตเพียง 33% แต่มีธนาคารกว่า 200 ธนาคารจากทั่วโลกให้บริการอยู่
Cr. Sg.Finance.Yahoo.com
ทำไมถึงมี 21 บริษัทได้ขอ License จากธนาคารกลางสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore - MAS) เพื่อประกอบธุรกิจ Virtual Bank (ธนาคารไม่มีสาขา) โดยมี 4 บริษัทที่เป็น Tech Company ที่คุ้นหูเราๆท่านๆ นั่นคือ Grab จับมือกับ Singtel ผู้ให้บริการโทรคมนาคม / Ant Financial (FinTech ในเครือ Alibaba) / Xiaomi / และ SEA เจ้าของ Shopee และ Garena บริษัทเกมเจ้าของ Free Fire และ AOV
Cr. Positioning Magazine
Cr. Lowyat.net
Cr. Vulcanpost.com
Cr. Vulcanpost.com
ไม่ใช่ว่าธนาคารในสิงคโปร์เค้าไม่พัฒนาพวก Mobile Banking นะ เค้าก็พัฒนา Platform ของตัวเองกันไปทั้งนั้น เพื่อรักษาลูกค้าตัวเองไว้
นักวิเคราะห์ก็มองกันว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ Tech Company ทั้งหลายจะมาเปิดแนวรบใส่ธนาคารสิงคโปร์ ด้วยตลาดที่ไม่ใหญ่ การแข่งขันก็สูง คู่แข่งก็ไม่ธรรมดา แถมยังมีกฎระเบียบในการทำธนาคารที่เยอะอีกต่างหาก
แต่จากงานวิจัยล่าสุดที่ทำร่วมกันระหว่าง Google, Temasak, และ Bain & Company ยังพบว่ามี 40% ของประชากรในสิงคโปร์ยังไม่สามารถเข้าถึง แหล่งเงินกู้ ผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุน และประกันชีวิต ได้
ดังนั้น ถ้าหาก Tech Company เหล่านั้นสามารถพัฒนา Platform ที่สามารถให้สินเชื่อกับ unbanked population ได้ โดยใช้เทคโนโลยีและข้อมูลด้านอื่นๆที่ไม่เหมือนกับที่ธนาคารใช้ในปัจจุบันเช่น สลิปเงินเดือน / หลักประกัน / ผู้คำ้ประกัน
ยกตัวอย่างเช่น สมมติถ้า Grab นำเอาข้อมูลการเดินทางของผู้ใช้บริการ มาผนวกกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์ของผู้ใช้บริการ Singtel มาสร้างเป็น Algorithm ใหม่ที่สามารถใช้วิเคราะห์สินเชื่อได้
และถ้าประสบความสำเร็จ พิสูจน์ได้ว่าหนี้เสียอยู่ในเกณฑ์ที่บริหารจัดการได้
ประชากรอีกกว่า 600 ล้านคนใน ASEAN จะกลายเป็นขุมเงินขุมทองถัดไปของ Tech Company เหล่านั้น
และวันนั้นคงเป็นอีกวันที่หนักหน่วงของธนาคารอีก (แค่ตอนนี้หุ้นในกลุ่มธนาคารไทยก็ “ร่วง” กันแบบไม่รู้เหวอยู่ไหนแล้ว)
ฟังดูเหมือนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เลยเนอะ ช่วงแรกเยอรมันก็จับมือแน่นๆกับประเทศ “ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ” อย่างสหภาพโซเวียต (USSR) ชนิดหักปากกาเซียน
“เค้าไปรักกันตอนไหน...?”
สุดท้ายฮิตเลอร์ก็สั่งบุกแนวรบด้านตะวันออกของ USSR จนได้...
จับตาดูให้ดีๆนะทุกคน ติดตามเรื่องราวเหล่านี้ได้จาก
#สุลต่านตกอับ
Source:
Financial Times: Singapore’s new digital banks face uphill struggle
โฆษณา