25 ม.ค. 2020 เวลา 11:00 • บันเทิง
[Review] A Beautiful Day in the Neighborhood (2019) -ถึงชีวิตจะแย่แต่หัวใจต้องแกร่ง
ในช่วงนึง เราเคยคิดเคยท้อ และคิดว่าชีวิตเหมือนกำลังจะเจอทางตัน บางครั้งโมโห บางครั้งก็ไม่พอใจ และบางทีก็ตัดสินใจหลับใส่ ไม่ก็หาอะไรทำ หลายครั้งที่เราคิดอยากจะหาทางจัดการข้ามผ่านช่วงเวลานี้ไปโดยไม่หันหลังกลับ จู่ ๆ ประตูบางนึงก็เปิดออกให้เราได้รู้จักกับชายเสื้อแดงคนนึงที่ทักทายเราในฐานะเพื่อนบ้าน มันคือหนังเรื่องนึงที่ทำให้เราได้กลับไปส่องชีวิตของเราอีกครั้งในชื่อว่า A Beautiful Day in the Neighborhood
A Beautiful Day in the Neighborhood เล่าเรื่องของ นักเขียนคอลัมนิสต์ในนิตยสาร เอสไควร์ อย่าง ลอยด์ โวเกิ้ล ที่เพิ่งคว้ารางวัลจากการเขียนคอลัมน์เปิดโปงฉ้อฉลมาได้และมักมีปัญหาส่วนตัวกับพ่อ แต่จากงานใหม่ที่กองบรรณาธิการมอบให้คือ การไปสัมภาษณ์ เฟร็ด รอเจอร์ส พิธีกรรายการเด็กอันแสนอบอุ่น ที่มาพร้อมทัศนคติที่จะมอบมุมมองใหม่ให้กับชีวิตของเขาไปตลอดกาล
หนังเล่าเป็นสามองค์ที่ดูปกติและเป็นเส้นตรงที่ดูง่ายมาก แต่การนำเสนอของมันดูแตกต่างจากหนังเรื่องอื่นโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะการใช้เซ็ต miniature ของเมืองที่สะท้อนกับรูปแบบรายการ Mister Rogers’ Neightborhood มาก ๆ เพื่อใส่แทนภาพของเมืองในแบบปกติที่หนังเรื่องอื่นมักจะใช้
ส่วนที่ดีมาก ๆ คือ การกำกับภาพรวมของมัน ซึ่งเราอยากจะชม มารีเอลล์ เฮลเลอร์ ที่ทำหน้าที่ได้ดีมาก ทั้งการเล่าเรื่องโดยใช้ตัวละคร มิสเตอร์ รอเจอร์ส เป็นเสมือนไลฟ์โค้ชเพื่อสำรวจจิตใจ รวมถึงให้ตัวละครพินิจและจัดการต่อชีวิตของตนเองให้ดีขึ้น และเป็นเหมือนช่วงเวลาให้คนดูได้ทบทวนชีวิตของตัวเองไปพร้อม ๆ กันกับคำพูดที่ออกจากปากของ มิสเตอร์ รอเจอร์ส
อีกทั้งการแสดงของ ทอม แฮงค์ส ที่สวมบทเป็น เฟร็ด รอเจอร์ส ได้อย่างยอดเยี่ยม เขาแสดงเป็น มิสเตอร์ รอเจอร์ส ได้อย่างน่าประทับใจ ทั้งการวางท่าอิริยาบท คำพูดคำจา ทำให้เราเชื่อได้ไม่ยากเลย ส่วนต่อมาคือ การแทรกมุกที่ค่อยผ่อนอารมณ์ระหว่างเรื่องราวได้อย่างถูกจังหวะและมาในปริมาณที่ค่อนข้างพอดี
ส่วนเสียของหนังก็พอมี หลายคนอาจคิดว่า นี่คงเป็นหนังชีวประวัติ เฟร็ด รอเจอร์ส แต่ก็ไม่ใช่ เพราะมันเป็นเหมือนหนังจัดการชีวิตที่มี มิสเตอร์ รอเจอร์ส มานั่งคุยกับแล้ว อีกทั้งการเล่าเรื่องที่ดูเนิบช้าและเดินเป็นเส้นตรงไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีอะไรซับซ้อนมากนัก แต่คงเป็นเพราะเนื้อหาอันแสนอบอุ่นจิตใจที่แสนจะเรียบง่ายนี่ล่ะ ที่เราคงไม่ต้องหาอะไรวิเศษวิโสมาผสมลงไปในเรื่องราวนี้แล้ว
มิสเตอร์ รอเจอร์ส บอกว่า เขาไม่ได้คิดว่าตัวเองคือฮีโร่อะไรเลยจากสิ่งที่เขาทำและเขาไม่คิดว่า เขาเป็นพ่อพระ แบบที่หลาย ๆ คนคิดว่าเขาเป็น เขามีความรู้สึกเช่นมนุษย์คนอื่น มีรัก มีโกรธ มีเกลียด แต่สิ่งที่เขามักจะทำเมื่อเขาไม่พอใจ คือ การกดปุ่มเปียโนแบบดัง ๆ เสียให้พอใจ
อาจจะดูแปลก ๆ แต่มันก็เป็นสิ่งที่สมควรทำ บางครั้งที่ชีวิตของเราพานพบกับช่วงเวลาที่ไม่สบอารมณ์ หลายคนอาจจะซัดมันให้น่วมด้วยโทสะที่ตนมีโดยไม่สนถึงผลที่ตามมา และบางครั้งมันก็นำไปสู่จุดที่แย่กว่าที่เคย สิ่งที่ มิสเตอร์ รอเจอร์ส บอกคือ การโอบรับความโกรธและความรู้สึกไม่ดีนั้นไว้ ไม่ว่าจะเป็นความเศร้า ความเกลียด หรืออะไรก็ตามแต่ แต่มันต้องหาวิธีจัดการกับมันอย่างอ่อนโยน ไม่ใช่บันดาลโทสะหรือเพิกเฉยต่อมัน มันจึงไม่ผิดที่เราจะร้องไห้หรือน้อมรับความผิดหวัง แต่นั่นแหล่ะ คือสิ่งที่ทำให้เราเป็นมนุษย์
สรุป A Beautiful Day in the Neighborhood ไม่ใช่หนังชีวประวัติของมิสเตอร์ รอเจอร์ส แต่อย่างใด แต่มันเหมือนกับได้ เฟร็ด รอเจอร์ส มาเป็นไลฟ์โค้ชเพื่อให้เราได้เข้าไปสำรวจและจัดการชีวิตของเราให้ดียิ่งขึ้น โดยไม่มองข้ามความรู้สึกแย่ ๆ ในชีวิตไป แต่อยู่ที่เราจะจัดการยังไงกับมันมากกว่า
4 / 5
A Beautiful Day in the Neighborhood ยังพอมีรอบฉายอยู่ที่ House Samyan สามารถไปพิสูจน์และเยี่ยม มิสเตอร์ รอเจอร์ส ได้อยู่ครับ
A Beautiful Day in the Neighborhood (2019)
Directed by Marielle Heller
Written by Micah Fitzerman-Blue & Noah Harpster
Based on "Can You Say ... Hero?" by Tom Junod

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา