30 ม.ค. 2020 เวลา 08:10
วันก่อนผมได้เห็นโพสของคุณ เก้าอี้นักจิต ที่อธิบายถึงสถาวะ Passive death wish หรือ Passive suicidal ideation
รวมไปถึงโพสใน Twitter ที่ถูกรีทวิตไปหลายหมื่นครั้ง
เนื้อความของโพสนั้นคือการที่จิตแพทย์บอกว่าการที่เราไม่อยากตื่นมาใช้ชีวิต นั่นคือความคิดที่อยากจะฆ่าตัวตาย
แล้วก็มีคนมาพูดคุยกันหลายคนว่าคิดเหมือนกัน “มันคงจะดี หากพรุ่งนี้เราไม่ต้องตื่นมา”
เรามาทำความเข้าใจกันครับว่าอะไรคือสาเหตุของความรู้สึกนี้?
Friedrich Nietzsche เป็นนักปรัชญาชาวเยอรมันในช่วง 1880 ที่งานของเค้ามีอิทธิพลกับวงการปรัชญามากจนมาถึงปัจจุบัน
Nietzsche มองว่าการสูญสิ้นความหมายของการมีชีวิต(Meaning of life) คือสาเหตุของการสูญเสียการอยากมีชีวิต (Will to live) ครับ
“Gradually, man has become a fantastic animal that has to fulfill one more condition of existence than any other animal:
man has to believe, to know, from time to time why he exists; his race cannot flourish without a periodic trust in life.”
-Friedrich Nietzsche
หลายๆคนคงสงสัยใช่มั้ยครับว่าแล้ว ความหมายของชีวิต(Meaning of life) มันเกี่ยวข้องอะไรกับ การอยากมีชีวิตอยู่(Will to live)
Nietzsche เค้าอธิบายไว้แบบนี้ครับ
The ubiquitous need for there to be a meaning to life is caused by the fact that life is filled with suffering, pain, loss, fear, anxiety, and ends not in happiness but in death.
Thus, in order to endure the hardships of human existence, it is necessary for individuals to believe that their suffering has a purpose.
1
อธิบายง่ายๆคือในเมื่อยังไงเราก็ต้องทนทุกข์ ทนมานในรูปแบบต่างๆที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และไม่มีวันจบจนกระทั่งวันที่เราตายไป
เพื่อที่จะทนความทุกข์นั้น มนุษย์อยากจะเชื่อว่าการทนทุกข์ของเราต้องมีความหมาย และไม่สูญเปล่า
เมื่อเราเข้าใจถึงจุดนี้แล้ว Nietzsche บอกว่าเราจะมีตัวเลือกแค่ 2 ทาง
1.คือการเป็น Nihilism
2.เชื่อใน True world theory
แล้วอะไรคือ Nihilism และ True world theory?
Nihilism คือแนวคิดที่เชื่อว่าชีวิตและจักรวาลไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น
ส่วน True world theory คือแนวคิดที่เชื่อว่าโลกปัจจุบันที่เราอยู่ เป็นโลกที่เราจะอยู่ชั่วคราว ไม่มีคุณค่าอะไรมากมาย
แต่จะมีอีกโลกนึงซึ่งเป็นโลกที่มีแต่ความสุข ไม่มีความทุกข์ยาก และเป็นโลกแห่งนิรันด์ซึ่งมีคุณค่ามากกว่า
และเชื่อว่าจะไปอีกโลกนึงได้หลังจากที่ตาย โดยทำตามเงื่อนไขต่างๆ โดยปกติกลุ่มนี้จะเชื่อในเรื่องดวงวิญญาณ(ตัวตนของคนๆนั้นหลังตายไป)
1
แนวคิดเรื่อง True world theory ฟังดูคุ้นๆดีมั้ยครับ?
เพราะนั่นคือแนวคิดของศาสนาต่างๆในปัจจุบันนั่นเองครับ
ทั้งคริสต์ พุทธ อิสลามต่างมี True world theory ของตัวเอง และเงื่อนไขในการไปในแบบฉบับของตัวเอง
ซึ่ง True world theory พวกนี้เองต่างก็ให้ความหมายและเป้าหมายในชีวิตกับมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
ก็คืออดทนทำสิ่งที่ศาสดาบอกในโลกชั่วคราวใบนี้ แล้วจะได้ตั๋วไปอีกโลกนึงหลังจากเสียชีวิต
ทีนี้ปัญหาของคนยุคใหม่คือไม่สามารถเชื่อในเรื่องราวของศาสนาต่างๆเหล่านี้ได้
เนื่องจากแนวคิด True world theory ของศาสนาต่างๆมันไม่สมเหตุสมผลในยุคปัจจุบัน
การที่เราเชื่อว่ามีสวรรค์อยู่บนฟ้าเมื่อ 2000 ปีที่แล้วมันอาจจะฟังดูเป็นไปได้
แต่ในยุคที่เรากำลังจะไปดาวอังคาร ในยุคที่เราเริ่มนำความร้อนใต้พิภพมาใช้ผลิตไฟฟ้า
การจะให้เชื่อว่ามีสวรรค์อยู่บนฟ้าและนรกอยู่ใต้ดินมันไม่สามารถทำได้แล้ว
เมื่อเราไม่สามารถเชื่อในเรื่อง True world theory ได้
ความหมายในชีวิตที่มาพร้อมกันก็ไม่ได้มา
ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าชีวิตไม่มีความหมายให้ต้องทนทุกข์ต่อ
เราจึงรู้สึกว่าถ้าพรุ่งนี้ไม่ตื่นก็ดีคงครับ
I have lost the will to live.
โฆษณา