3 ก.พ. 2020 เวลา 02:09 • การศึกษา
ประชากรยีราฟทั่วโลกเหลือไม่ถึง"หนึ่งแสน"
จากข่าวที่ยีราฟหลุดออกจากกรง ขณะทำการเคลื่อนย้าย และถูกพบเป็นศพในน้ำ นั้นเป็นข่าวที่น่าเศร้าใจอย่างมาก การสูญเสียยีราฟไป 1 ตัวนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะจำนวนยีราฟในธรรมชาติเหลือเพียงหยิบมือเท่านั้น
2
ในปัจจุบันเอง ยีราฟเป็นสัตว์ที่ถูกคนมองข้าม ไม่ได้รับความสนใจเท่า เสือ หมีขั้วโลก หรือโคอาล่า
ยีราฟถือเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญในระบบนิเวศ ประชากรตอนนี้ก็อยู่ในสภาพที่ "ไม่มั่นคง"
แต่กลับไม่มีใครพูดถึงหรือสนใจ.....
เพราะยีราฟสูงเกิน เราจึงไม่เคยแหงนหน้ามาดู ทำให้เราไม่ได้ยินเสียงเมื่อมันกำลัง "กรีดร้อง"
ผมขออาสาพาทุกคนมารู้จักกับยีราฟ ว่ามีประโยชน์อย่างไร และทำไมถึงกำลังใกล้สูญพันธุ์
"ยีราฟ สัตว์บกที่มีความสูงที่สุดในโลก "
ยีราฟ ถือเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม กินพืชเป็นอาหาร มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 4.8 เมตร ถึง 5.5 เมตร หนักถึง 200 กิโลกรม มักอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ ฝูงละประมาณ 15 -20 ตัว ชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่โล่งร่วมกับสัตว์กินพืชชนิดอื่น ๆ เช่น ม้าลาย แอนทิโลป
ยีราฟสามารถกินได้ทั้งพืชที่ขึ้นตามพื้นดิน หรือพุ่มไม้สูงอย่าง ต้นอาเคเชีย หรือ กระถินที่มีหนามแหลม รสฝาด แถมมีพิษ แต่ไม่มีปัญหาสำหรับเจ้าสัตว์บนตัวนี้ เพราะมีลิ้นที่ยาวถึง 45-50 เซนติเมตร มีความหนาและสากอย่างมาก แถมกระเพาะยังทนทานต่อสารพิษ
ยีราฟถือเป็นเป็นสัตว์กินพืชชนิดหนึ่งที่ช่วยควบคุมจำนวนพืชไม่ให้มีมากเกินไปในธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นแหล่งอาหารชั้นดีให้แก่นักล่า บางครั้งตัวมันเองก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนระบบ "เตือนภัย" ให้แก่สัตว์ชนิดอื่น ๆ เมื่อมีนักล่ากำลังเข้ามา จากการสังเกตุด้วยคอที่ยาวของมัน
"หัวใจอันแข็งแกร่ง" 💛
ด้วยความที่เป็นสัตว์ที่สูง คอยาว ทำให้หลอดเลือด ในแต่ละส่วนก็ยาวตาม
ไปด้วย ดังนั้นยีราฟจึงมี "หัวใจที่มี ขนาดใหญ่ เป็นพิเศษ" เพื่อให้สามารถ
สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองและอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้
ยีราฟสามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมองได้มากกว่ามนุษย์ถึง 3 เท่า เพื่อไป
เลี้ยงสมองที่อยู่สูงขึ้นไปจากหัวใจประมาณ 8 ฟุต เสมือนปั๊มน้ำที่สูบน้ำขึ้น
ไปยังตึกสูง
1
หัวใจของยีราฟหนักประมาณ 10 กิโลกรัม ระบบไหลเวียนโลหิตจึงเป็นแบบพิเศษ เรียกว่า "Rete mirabile" ช่วยป้องกันอันตรายที่จากการที่เลือดไปเลี้ยงสมองมากเกินไป เวลายีราฟก้มตัวดื่มน้ำ ระบบไหลเวียนเลือดพิเศษนี้จึงเปรียบเสมือน "วาล์วปิดเปิดน้ำ"
ความจริงที่น่าตกใจ คือ ทุกคนคงรู้จักยีราฟ เป็นสัตว์คอยาว กินพืช ดูไม่มีพิษมีภัย ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร และไม่ดูน่าสูญพันธุ์ อยู่ดีมีสุขตามธรรมชาติ
แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันจำนวนประชากรยีราฟ
ทั่วโลกเหลือเพียง 97,000 ตัวเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยมาก!!!!
ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาประชากรยีราฟลดลงเกือบร้อยละ 40
สาเหตุที่ทำให้ประชากรยีราฟลดลงมาจากการ "สูญเสียพื้นที่อยู่อาศัย" จากบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อเปลี่ยนเป็นฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ ทำการเกษตร การทำปศุสัตว์ที่ปล่อยสัตว์ออกมากินหญ้าบริเวณแหล่งเดียวกับยีราฟนั้นทำให้ ปริมาณของอาหารในธรรมชาติลดน้อยลงไปอีกด้วย และปศุสัตว์ก็ต้องการอาหารมากกว่าสัตว์ในธรรมชาติ เพื่อที่จะถูก " ขุน " ให้ อ้วน โตไว เพื่อเปลี่ยนมาเป็นเนื้อและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้แก่ ผู้บริโภคอย่างเรา นั่นเอง
ซ้ำยังมีการลักลอบล่าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายอีกด้วย
ยีราฟจำนวนมากถูกล่า เพียงเพราะ "หาง" และอีกส่วนหนึ่ง ล่าเพื่อเอาเนื้อ หนัง และ "ความสนุก" ส่วนตัว
ในต่างประเทศมีการเปิดกิจกรรมให้ล่ายีราฟเป็นกีฬา
คุณค่าของยีราฟ 1 ตัวมีราคาเพียง 345 ดอลล่าร์ หากตีเป็นเงินไทยราว ๆ 10,000 บาทเองครับ
Cr. https://www.foxnews.com/world/american-hunters-images-of-her-black-giraffe-trophy-kill-spark-outrage
ยีราฟกำลังเผชิญอนาคตที่มืดมนมากขึ้นทุกวัน อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้จำนวนประชากรของยีราฟลดลง คือ " รั้ว " ใช่ครับทุกคนอ่านไม่ผิด ซึ่ง"รั้ว" ถือเป็นภัยคุกคามที่มากกว่าการลักลอบล่าสัตว์ป่าเสียอีก
1
เหตุผลก็เพราะว่า ถึงแม้ยีราฟจะเป็นสัตว์ที่มาขายาวตัวสูง แต่มันไม่สามารถเดินข้ามรั้ว หรือ กระโดดข้ามรั้วได้ ผลที่เกิดตามมาคือ
"การผสมพันธุ์แบบเลือดชิด (inbreeding) "
การผสมพันธุ์แบบนี้เป็นการผสมพันธุ์กันเองในเครือญาติเดียวกัน เช่น การผสมพันธุ์ระหว่างพี่น้อง พ่อแม่ในกลุ่มเดียวกัน ลักษณะแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อสัตว์มีพื้นอาศัยอยู่อย่าง จำกัด
1
เมื่อถิ่นการกระจายพันธุ์หรือถิ่นที่อยู่อาศัยของมันถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ และถูกล้อมรอบโดยรั้วหรือสิ่งก่อสร้างทำให้โอกาสในการขยายพันธุ์ของมันน้อยลงเข้าไปอีก
ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ นะครับ
ข้อเสียของการมีพื้นป่าที่น้อยลง คือ ทําให้ความสามารถในการสืบพันธุ์ การเจริญเติบโต ความสมบูรณ์พันธุ์ ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม รวมถึงความ ต้านทานต่อโรคลดต่ำลง
นอกจากนี้ยังทําให้อัตราการตายของสัตว์เพิ่มสูงขึ้น เรียก ปรากฏการณ์นี้ว่า "ความเสื่อมโทรมทางสายเลือด (inbreeding depression)" โดย ความรุนแรงของ inbreeding depression ขึ้นอยู่กับอัตราเลือดชิด ถ้าสัตว์ที่มีความใกล้ชิดกันทางสายเลือดมาผสมพันธุ์กัน ทําให้ลูกที่เกิดมามีอัตราเลือดชิดสูง
ยีราฟ กำลังจะสูญพันธุ์ และสัตว์อีกมากมายก็เช่นกันที่กำลังล้มตายจากการเบียดเบียนของมนุษย์ ที่มีส่วนทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป หากเรายังดำเนินชีวิตเดิมกันไปทุกวัน
วันหนึ่งที่โลก"เสียสมดุล" เราคงโทษใครไมได้หรอกครับ นอกจาก " ตัวเรา " เอง
เพราะ "ทุกการกระทำของมนุษย์นั้นย่อมส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมเสมอไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็ตาม"
เรียบเรียงโดย : เรื่องเล่าคนเข้าป่า

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา