31 ม.ค. 2020 เวลา 06:32 • ปรัชญา
Fate vs. Destiny
คุณเชื่อในพรหมลิขิต/โชคชะตาไหมครับ
ผมคลอดก่อนกำหนด (premature birth) หลังจากอยู่ในครรภ์แม่ได้เพียง 7 เดือน ช่วงเวลานั้นต้องอยู่ในตู้อบ (incubator) เป็นเวลานาน กว่าจะสามารถกลับบ้านได้ ถือว่าโชคดีที่ผมรอดชีวิตมาได้ เพราะสมัยนั้นโอกาสจะรอดชีวิตสำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดมีน้อยเหลือเกิน
ด้วยความเป็นแม่ที่รักและเป็นห่วงลูก แม่จึงไปไหว้พระที่วัดจีนแห่งหนึ่ง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายช่วยคุ้มครองลูกให้รอดปลอดภัย
แม่เล่าว่า ในฝันมีพระมาบอกว่า ลูกคนนี้เป็นลูกพระ ลูกเจ้า โตขึ้นจะต้องเดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเล เพื่อความสำเร็จในอนาคต พ่อจึงตั้งชื่อภาษาจีนให้ผมว่า 陳一帆 อ่านว่า เฉิน อี้ ฟาน (จีนกลาง) หรือ ตั่ง เจก พั้ง (จีนแต้จิ๋ว) แปลว่า เรือสำเภา 1 ลำ ความหมายในเชิงปรัชญาจีน คือให้ผมกางใบออก แล้วอาศัยลมทะเลพัดพาผมไปในทิศทางที่ผมปรารถนาจะไป
"I can't change the direction of the wind, but I can adjust my sails to always reach my destination."
Jimmy Dean
คำว่า 一帆 (อี้ ฟาน) เป็นคำประกอบของสำนวนจีน
一帆风顺 (อี้ฟานเฟิงซุ่น) คนจีนมักจะใช้สำนวนนี้ในการอวยพร เช่น ขอให้เดินทางโดยราบรื่น ขอให้ประสบความสำเร็จ ปราศจากอุปสรรคขัดขวาง
แปลกใจที่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มีประสบการณ์ในวัยหนุ่มสาวออกเดินทางจากจีนแผ่นดินใหญ่มาพบเจอกันที่เมืองไทยและอาศัยใบบุญของแผ่นดินนี้ และตัวผมเองก็กำลังจะซ้ำรอยที่จะต้องเดินทางไปในโลกกว้างอีกที่หนึ่ง
ช่วงเวลาใกล้จะเรียนจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมเคยนึกสงสัยเหมือนกันว่า อะไรมาดลใจให้ผมไม่อยากดำเนินชีวิตตามที่นักศึกษากฎหมายส่วนใหญ่ในขณะนั้นทำ นั่นคือ การไปเรียนและสอบเนติบัณฑิต เพื่อเป็นทนายความ เป็นอัยการหรือผู้พิพากษา
ขณะที่ผมกำลังเรียนต่อปริญญาโทกฎหมายธุรกิจที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แม้ว่าผมจะชอบการเรียนการสอนและเนื้อหาที่สนุกเข้มข้นกว่าตอนเรียนปริญญาตรี แต่ลึกๆ ในใจแล้ว ผมรู้สึกเสมอว่า นี่ไม่ใช่เส้นทางของผม และที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม
แล้วในที่สุดโชคชะตาก็ได้นำพาผม ให้จากบ้านเกิดเมืองนอน ไปใช้ชีวิตต่างบ้านต่างเมืองนานเกือบ 30 ปี และโชคชะตาอีกเช่นกัน ที่ชักนำผมให้ได้กลับมาบ้านเกิดเมืองนอนในวันนี้อีกครั้งหนึ่ง
การที่ผมได้เริ่มเดินทางไปในเส้นทางใหม่ ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงอีกฟากฝั่งหนึ่งของโลก ซึ่ง ณ ขณะนั้นผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า อนาคต หรือว่าชะตาของผม ส่วนหนึ่งอาจจะถูกลิขิตไว้แล้ว เช่น การที่ต้องร่อนเร่ไปอยู่ในดินแดนที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน การได้พบเจอ รู้จักกับผู้คนมากมาย ที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นไปได้ เหมือนกับว่าโชคชะตา และเส้นทางของผมได้ถูกผูกไว้กับผู้คนเหล่านั้น และสถานที่แปลกใหม่นั้น ในชาติปางก่อน ซึ่งก็ไม่มีใครรู้และตอบผมได้
ในความเห็นของผม ภาษาอังกฤษที่ใกล้เคียง กับคำว่า โชคชะตา คือ fate
เมื่อพูดถึง "fate" ก็อดไม่ได้ ที่จะต้องกล่าวถึงอีกคำหนึ่ง คือ "destiny"
มีหลายคนสงสัยว่า 2 คำนี้ใช้ต่างกันอย่างไร เพราะการแปลสองคำนี้เป็นภาษาไทย ให้ความหมายว่า โชคชะตา ชะตากรรม พรหมลิขิต เคราะห์กรรม เวรกรรม เหมือนกันเลย
fate กับ destiny มีความหมายใกล้เคียงกันมากครับ แม้แต่เจ้าของภาษาบางคนยังใช้คำ 2 คำนี้แทนกัน สลับกันไปสลับกันมา ซึ่งก็ไม่ผิดหรือถูกหรอกครับ
ทั้งสองคำมีความหมายคล้ายคลึงกันในส่วนที่เกี่ยวกับโชคชะตาและอนาคตของเราก็จริง
แต่ความจริงคำทั้งสองมีความหมายและวิธีการใช้ต่างกันอยู่บ้าง
"fate" - หมายถึง เส้นทางชีวิตเราถูกกำหนดมาแล้วไม่ว่าจะโดยพลังอำนาจอะไรก็ตาม ซึ่งไม่มีคำอธิบาย และการที่ชีวิตเราถูกกำหนดมาแล้วนั้น เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนได้
It was fate that brought us together.
"destiny" - แม้ว่าชีวิตเราจะถูกกำหนดมาแล้วเช่น fate แต่เราสามารถเปลี่ยนอนาคตเราได้ เราสามารถเลือกที่จะกุมบังเหียน กำหนดชะตาชีวิตเราได้ โดยอาศัยความมานะ อุตสาหะ บากบั่น ความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น ตั้งใจ
Our destiny is shaped by our actions and decisions, not by chance.
เมื่อพูดถึงความหมายของคำว่า fate กับ destiny ผมอดที่จะจินตนาการต่อไม่ได้ว่า จะเป็นไปได้ไหม ที่นำคำสองคำนี้ มาเทียบเคียงกับ "กรรมเก่า" และ "กรรมใหม่" ในเชิงพุทธศาสนา (When "East meets West")
fate น่าจะเหมือน กรรมเก่า ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือไม่ ที่นำผลมาให้เราเป็นเราในวันนี้ ชีวิตเราถูกลิขิตไปตามกรรมหรือการกระทำของเราเองในอดีต
ส่วน destiny น่าจะเหมือน เส้นทางเลือกที่เราจะทำอย่างไรกับ fate ที่เราเผชิญอยู่ ซึ่งก็ขึ้นกับตัวเราเองว่าจะเลือกทางไหน นั่นก็คือ กรรมใหม่ ที่เราสามารถสร้างขึ้น เพื่อตั้งต้นใหม่ เพราะการเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นถือว่ามีบุญมากพอ และเป็นโอกาสใหม่ที่จะเสริมสร้างบุญ โดยการคิดดี ทำดี เพื่อเปลี่ยนชีวิต และนำพาผลที่ดีสู่ปัจจุบันและอนาคต
การที่ผมมีโอกาสไปใช้ชีวิตในต่างแดน อดทนต่อความยากลำบาก มานะ อุตสาหะ ตั้งใจ แน่วแน่ จนสำเร็จบรรลุเป้าหมายและความฝันได้ ก็น่าจะเป็น fate และ destiny ของผมนะครับ
ผมเคยได้ยินคำกล่าวมาว่า
" ... อย่าโทษ โชคชะตา ฟ้าลิขิต
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิต
เพราะเราเลือก ที่จะลิขิตมันเอง ..."
"You are in control of your destiny,
Only you can make your dreams come true."
(Credit: kushandwizdom.tumblr)
คุณเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเอง
มีเพียงคุณเท่านั้น ที่จะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริง
วันนี้ เรามาเริ่มสร้าง "กรรมใหม่" ที่ดีงาม เติมเต็มและต่อยอดบุญกุศล เพื่อกำหนด new fate และ destiny ของเราต่อๆ ไป ดีไหมครับ
รูปภาพ:
เป็นเพราะ fate ทำให้พวกเราได้มาพบกัน (แม่บุญธรรมและหลานๆ)
Cannon Beach, Oregon, U.S.A.
One winter day in 2002
โฆษณา