มีหลายคนกล่าวว่า
เมื่อได้มองภาพของโยชิโนริ วาตานาเบะแล้ว
เค้าเหล่านั้น ตอบได้ทันทีว่า ผู้ชายผู้มีใบหน้าขรึม ยิ้มยากคนนี้
ไม่เหมาะกับการประกอบอาชีพใดๆ
เว้นแต่เป็นหัวหน้าพรรคยามากุจิ แก๊งยากูซ่าอันดับหนึ่ง
แห่งแดนอาทิตย์อุทัย
โยชิโนริ วาตานาเบะผู้นี้ มีรูปร่างใหญ่โต ล่ำสัน ดุจดั่งกอริล่ายักษ์
น้ำเสียงดุดัน มีอำนาจในที ลำคิ้วหนา ดวงตาฉายแววกล้า
รุ่งโรจน์ไปด้วยกระแสสังหาร หากศัตรูคนใด
มีจิตไม่นิ่ง และสติไม่คงที่แล้วริอาจไปมองตาของเขาผู้นี้แล้วละก็
มันผู้นั้นอาจจะแทบเสียสติไปเลย เค้าโครงหน้าที่บอกได้ถึงความ
ฉลาดเป็นกรด โหงวเฮ้งแห่งผู้นำที่เขามีมาแต่กำเนิดนี้ น่าจะเป็นใบเบิก
ทางเขาสู่วงการมาเฟียญี่ปุ่นอย่างไม่ยาก
นักเศรษฐศาสตร์ญี่ปุ่นหลายคนถึงกับกล่าวว่า
ถ้าโยชิโนริผู้นี้ ไม่ได้เดินทางสายยากูซ่าแล้วละก็
รับรองได้เลยว่า เขาจะต้องเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความ
สำเร็จอย่างแน่นอน
แต่ในเมื่อเขาเลือกเดินบนเส้นทางนักเลงนี่แล้ว
ศัตรูมากมายที่มาขวางทาง จะต้องมอดม้วยมรณาแทบเท้าเขา
เชื่อไหมว่ายากูซ่าอันดับหนึ่งนมกระฉ่อนนี้ เกิดมาจากครอบครัวเกษตรกร
ในจังหวัดโทชิกิเขาย้ายมาอยู่โตเกียวเมื่อโตเป็นหนุ่ม ทำงานอยู่ร้าน
ราเม็งร้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ไม่น่าเชื่อเลย ว่าชีวิตเขาจะพลิกผันมาเป็นตำนานได้
และการที่เขาขึ้นมาเป็นใหญ่นั้น
หาใช่จากการที่เขามีพฤติกรรม คิสแอส หรือ ภาษาบ้านเราก็เลียแข้งเลียขาเจ้านาย
(อย่างที่คนญี่ปุ่นชอบทำก็คือ อาสาทำโน่นทำนี่ให้
พองานโบเนนไก หรือ งานเลี้ยงสิ้นปีก็นำของขวัญมาให้หัวหน้า
เพื่อหวังตำแหน่ง)
แต่เกิดจากการที่เขา ในตอนอายุ 22 ปีเป็นสมาชิกในแก๊งค์ย่อยของยามากุจิ
ที่ชื่อว่า แก๊งค์ยามะเคน และร่วมมือกับแก๊งค์ในการก่อวินาศกรรมต่างๆ
รวมถึงกำจัดพวกแก๊งค์ศัตรูทั้งหลายด้วย ค่อยๆไต่เต้า และเสริมบารมีด้วน
พละกำลังของตนเอง
จนกระทั่งในปี 1982 ความเก๋าเกมก็ทำให้เขาชนะใจทุกคน จนได้รับตำแหน่ง
หัวหน้าพรรคยามะเคน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำแก๊งค์ย่อยของยามากุจิ
ผ่านไปเจ็ดปี โยชิโนริก็ได้รับตำแหน่งดอนแห่งพรรคใหญ่จนได้
แต่ในช่วงเวลานั้น เป็นยุคตกต่ำที่สุดของยากูซ่า
ก็ลองคิดดู ผ่านสงครามยามะอิจิ ซึ่งเป็นสงครามยากูซ่าที่รุนแรงที่สุด
ในประวัติศาสตร์มาหมาดๆ ถึงแม้พรรคของเขาจะเป็นผู้ชนะก็เถอะ แต่ความ
เสียหายที่ได้รับ ทั้งสูญเสียเงินทองรวมถึง พลพรรคร่วมแก๊งค์ยากูซ่าก็เสียชีวิต
มากมาย ระเหเร่ร่อนหนีตายกันไปหมดผีซ้ำด้ามพลอย โดนตำรวจจากทั่ว
ประเทศตามล่า เรียกได้ว่า ยากูซ่าแทบจะหมดสิ้นไปจากแผ่นดิน
ถ้าไม่มีโยชิโนริ วาตานาเบะคนนี้กำเนิดขึ้นมาในเส้นทางนักเลง!?
การฟื้นฟูแก๊งค์ยามากุจิขึ้นมา ราวกับมีเวทมนต์ของเขาเป็นที่กล่าวถึงอย่าง
กว้างขวาง เพราะพรรคยากูซ่าแห่งนี้ เรียกได้ว่าอ่อนแอจนถึงขีดสุด
ด้วยวิธีอันชาญฉลาด เขาสามารถระดมคนมาร่วมสมาชิกได้ถึง
45000 คนในปี2005
เขาทำยังไงนะเหรอ
ไม่รู้สิ
เอ้ย ม่ายฉ่ายยย
เขาเริ่มจากการสร้างระบบของแก๊งขึ้นมาใหม่
ในช่วงต้นปี 1990 เขาแบ่งพรรคย่อยออกเป็นเจ็ดพรรค ตามเขตที่อยู่
ซึ่งทำให้ดูแลกันได้อย่างทั่วถึงขึ้น รวมถึงคานอำนาจระหว่างพรรคได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ แถมยังทำให้ตำรวจป่วนได้ยากขึ้นด้วย ว่ากันว่าตอนนั้น
จาก 47 จังหวัดของญี่ปุ่นนั้นมีเพียงแค่สามจังหวัดแถบบ้านนอกเท่านั้น
ที่ไม่มีคนของยามากุจิคุมอยู่
ถึงแม้ในช่วงปี 1990-1999ประเทศญี่ปุ่น จะออกกฏหมายให้แก๊งยากูซ่า
จะต้องจ่ายเงินทดแทนให้กับครอบครัวตำรวจ ที่ถูกฆ่าตายเป็นจำนวนเงิน
80ล้านเยนและทำให้หลายๆแก๊งต้องปั่นป่วน แต่ก็หาทำให้แก๊ง
ของโยชิโนริกระทบกระเทือนไม่
ด้วยการปกครองแบบแบ่งอำนาจนี่เอง ทำให้ตำรวจไม่สามารถระบุได้
ว่า แก๊งค์ใดของโยชิโนริเป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบไม่ได้เช่นนี้
ฆาตกรก็ลอยนวลไปตามระเบียบ
ในช่วงที่โยชิโนริ เป็นผู้นำแก๊งค์
เค้าสามารถทำรายได้มากถึง สองล้านห้าแสนล้าเยน !!อ่านไม่ผิดหรอกจ๊ะ
2,500,000,000,000 เยน จากการค้ายาเสพติด
รวมถึงค้าประเวณีถึง 1,500,000,000,000 เยน
อย่าได้เอาจำนวนเงินนี้มาพันรอบโลกเล้ย
ถ้าใครว่าง พี่ว่าเอามาเรียงต่อกันบนวงแวรดาวเสาร์เลยดีกว่าไหม
นอกจากธุรกิจค้ากามและยาเสพติดฉาวโฉ่ที่เค้าเก่งกาจ
เพราะยากูซ่ามันสมองเทพเจ้าผู้นี้ ยังปราดเปรื่องในเรื่องของ
การค้าหุ้น รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ต่างๆอีกด้วย
ยากูซ่าเล่นหุ้น มันคืออัลไล!?
ลืมบอกไปว่า สาขาใหญ่ของยามากุจิอยู่ที่ โกเบ
ดังนั้นเมื่อ แผ่นดินไหวในปี 1992 ว่ากันว่าโยชิโนริ รีบพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการให้สมาชิกแก๊ง บริจาคเลือดที่โรงพยาบาลของเขาเพื่อกักตุน
ให้กับผู้ประสบภัย รวมถึงแจกอาหารและถุงยังชีพให้กับผู้เคราะห์ร้ายด้วย
การกระทำของเขาครั้งนี้ เรียกได้ว่าสร้างภาพพจน์ที่ดีให้กับแก๊งค์ยา
มากุจิเลยล่ะ
นึกภาพยากูซ่าหน้าโหดๆ รอยสักพร้อย นอนนิ่งๆให้พี่พยาบาล
เอาเข็มจิ้มเพื่อบริจาคเลือดให้ผู้ป่วยจากแผ่นดินไหว
นี่มันคงขลังยังไงพิกล
และอยู่ดีๆในปี 2005 เขาก็ตัดสินใจลงจากบรรลังค์เมฆเสียอย่างนั้น
โยชิโนริ เป็นหัวหน้าคนเดียวที่ลงจากตำแหน่งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
เขากล่าวสั้นๆผ่านเลขาพรรคว่า เป็นเพราะอาการป่วยของเขา ทำให้เขาไม่
สามารถแบกรับความรับผิดชอบมากมายของพรรคได้ดีนัก เขาจึงขอลา
ออกจากตำแหน่งในวันนั้น น้ำตาของเหล่านักเลงยุคใหม่
ในเสื้อสูทก็หลั่งไหลอย่างท่วมท้น
ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนว่า โยชิโนริ ผู้นี้จะมีชีวิตที่หรูหราบนกองเงินกองทอง
และอำนาจล้นฟ้า แต่จริงๆแล้ว เขาเป็นคนที่แสนจะติดดิน กินอาหารโลว์คาร์บ
แถมยังวิ่งจ๊อกกิ้งทุกวัน รวมถึงชอบร้องเพลงคาราโอเกะเป็นที่สุด
และจากที่ผ่านมา หัวหน้าแกงค์ยามากุจิทุกคน จะพบจุดจบที่ไม่ค่อยสวยนัก
แต่ลูกผู้ชายชื่อ โยชิโนริ วาตานาเบะผู้นี้ กลับรอดตายจากการลอบสังหาร
มานับไม่ถ้วนอย่างปาฏิหารย์
แถมยังได้เป็นหัวหน้าแก๊งค์ที่รุ่งเรืองที่สุดในประวัติศาสตร์
ถึงแม้ท้ายสุด โยชิโนริ วาตานาเบะ ผู้อหังกาฬ
จะไม่สามารถฝืนวงล้อแห่งชะตาชีวิต
จบตำนานมหากาพย์ยากูซ่าแห่งแดนอาทิตย์อุทัยไปในวัย71ปี
อย่างไม่มีวันหวนกลับ ในปี2012แต่ชื่อของเขาจะไม่มีวันลบเลือนไป
จากความทรงจำของวงการนักเลงญี่ปุ่น