Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
หุ้นพอร์ทระเบิด
•
ติดตาม
31 ม.ค. 2020 เวลา 11:52 • ธุรกิจ
ตามติด 4 บริษัท “ซื้อหุ้นคืน”
ซื้อคืนทำไม ? ซื้อแล้วได้อะไร ??
หลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบว่า นอกจากการปล่อยขายหุ้นของบริษัทเอกชนต่างๆแล้ว ในตลาดยังมีสิ่งที่เรียกว่า
“การซื้อหุ้นคืน” ของเหล่าบริษัทอีกด้วย
การซื้อหุ้นคืนเป็นเรื่องเก่า แต่วันนี้มีเรื่องใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจ ซึ่งนั่นก็คือการประกาศซื้อหุ้นคืนของ SPALI, KBANK, CK และ TPIPL
เรียกได้ว่ามีแต่หุ้นตัวใหญ่ๆทั้งนั้น ว่าแต่เค้าซื้อหุ้นคืนกันทำไม ??
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับการซื้อหุ้นคืนกันก่อนดีกว่า ซึ่งเทคนิคนี้ก็ถือเป็นหนึ่งในเทคนิคที่บริษัททั่วโลกใช้กันอยู่ทั่วไปและหลักๆก็มีเป้าหมายในการตอบแทนผู้ถือหุ้น รวมไปถึงการพยุงราคาหุ้น
เพราะเมื่อบริษัทได้ทำการซื้อหุ้นของตัวเองคืน ก็จะทำให้บริษัทมีจำนวนหุ้นน้อยลง ถึงแม้กำไรจะเท่าเดิม แต่กำไรต่อหุ้นก็สามารถเพิ่มขึ้นได้ด้วยการซื้อหุ้นคืน
เมื่อกำไรต่อหุ้นเพิ่ม เงินปันผลก็จะเพิ่มตามไปด้วยนั่นเอง
โดยส่วนใหญ่บริษัทก็จะนำเงินสดไปซื้อขายแบบปกติในตลาดนี่แหละ แต่ตามกฎในไทยแล้ว การซื้อหุ้นคืนในตลาดแบบปกติ (ไม่ได้ตั้งโต๊ะรับซื้อ) จะมีเพดานอยู่เพียง 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด และราคาที่ซื้อก็จะต้องไม่เกิน 15% ของราคาเฉลี่ย 5 วันของหุ้นตัวนั้นๆ
2
ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นที่นิยมมากๆในต่างประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา ที่หากจะนำเงินสดมาจ่ายเป็นปันผลก็จะต้องเสียภาษีหัก ณ ที่จ่ายกว่า 30% ต่างกับไทยที่หักเพียง 10%
สรุปแล้วการ “ซื้อหุ้นคืน” นั้น ก็คือการบริหารสภาพคล่องอีกวิธีหนึ่งที่จะใช้เงินสดไปตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นด้วยการทำให้กำไรต่อหุ้นสูงขึ้นนั่นเอง
ส่วนผลกระทบของการซื้อหุ้นคืนโดยทั่วไปแล้ว ก็จะทำให้ราคาหุ้นเป็นขาขึ้นไปสักระยะ เปรียบเสมือนว่ามีเจ้ามือใหญ่มาไล่ราคาให้เอง
และด้วยภาวะเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว บวกกับความกดดันรอบด้านจากสงครามการค้า, เงินบาทที่แข็งค่า, ภัยแล้งที่จะมาถึงและล่าสุดเป็นการระบาดของโคโรนาไวรัส
4
ทำให้ดัชนี SET บ้านเราร่วงลงตั้งแต่ต้นปี ต้อนรับข่าวร้ายเหล่านี้กันไป และด้วยสภาพตลาดที่อึมครึมแบบนี้ ก็ทำให้มีเหล่าบริษัทใหญ่ๆออกมาประกาศซื้อหุ้นคืนกันถึง 4 ตัว
1
เริ่มด้วย SPALI หรือบมจ.ศุภาลัย เข้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่มีมาร์เก็ตแคปของบริษัทอยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท
ถือเป็นบริษัทแรกที่ได้ออกมาประกาศว่าจะทำการซื้อหุ้นคืนในสัดส่วนไม่เกิน 5.6% ภายในวงเงิน 2 พันล้านบาท โดยจะเริ่มซื้อตั้งแต่ 12 กุมภาพันธ์ไปจนถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2563
1
ต่อมาเป็นธนาคารสีเขียวที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดี นั่นก็คือ KBANK หรือบมจ. ธนาคารกสิกรไทย ที่ถือว่าอยู่ใน sector ที่โดนเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดก็ได้มีมติที่จะซื้อหุ้นคืนเช่นกัน โดยจะซื้อเป็นจำนวน 23,932,601 หุ้นภายในงบ 4.6 พันล้านบาทและเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ไปจนถึง 27 กุมภาพันธ์ 2563
ยักษ์ใหญ่ตัวต่อมาที่ประกาศจะซื้อหุ้นคืนก็คือ CK หรือบมจ. ช.การช่าง ผู้รับเหมาก่อสร้างของโครงการระบบสาธารณูปโภคเบอร์ต้นๆของประเทศที่มีทั้ง TTW, BEM และ CKP เป็นบริษัทลูก
หลังจากราคาหุ้นร่วงต่ำลงจากการชะลอตัวของธุรกิจรับเหมา ล่าสุดก็ได้ประกาศซื้อหุ้นคืนไปเรียบร้อย โดยจะซื้อหุ้นเป็นจำนวนมีมติซื้อหุ้นคืนจำนวน 169,389,000 หุ้นในวงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาท ตั้งแต่ 2 มีนาคม ไปจนถึง 1 กันยายน 2563
1
รายสุดท้ายคือ TPIPL หรือบมจ.ทีพีไอ โพลีน ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์รายใหญ่ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ประกาศว่าจะซื้อหุ้นคืน หลังจากที่โดนศาลแพ่งสั่งให้จ่ายเงินกับกระทรวงอุตสาหกรรมไปกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งก็ทำเอาราคาหุ้นร่วงลงหนักเช่นเดียวกัน
โดยมติจาก TPIPL ก็มีใจความว่าจะทำการซื้อหุ้นคืนจำนวน 383,610,000 หุ้น ไม่เกิน 800 ล้านบาทและจะเริ่มซื้อตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ - 13 สิงหาคม 2563
และนี่ก็เป็นหุ้นใหญ่ๆ 4 ตัวที่ประกาศว่าจะทำการซื้อหุ้นคืน โดยส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่จะซื้อหุ้นคืนได้นั้นแสดงว่าต้องมีสภาพคล่องอยู่พอสมควร ซึ่งเหตุผลที่ซื้อนั้นอาจจะเป็นเพราะเห็นว่าราคาหุ้นของบริษัทนั้นต่ำเกินไป รวมไปถึงการสร้างอารมณ์ (mood) ที่ดีให้กับหุ้นของตัวเองอีกด้วย
1
ซึ่งเรื่องที่ต้องระวังก็คือเรื่องของ “กำไร” ของตัวบริษัทจริงๆ เพราะเมื่อบริษัททำการซื้อหุ้นคืน 5% แล้ว กำไรต่อหุ้นของหุ้นตัวนั้นก็จะเพิ่มขึ้นทันที 5% ตรงนี้ต้องไปแกะงบ ดูกำไรกันให้ดีๆว่าลดลงหรือไม่
ก็ต้องไปตามดูกันต่อนะครับว่า mood ของหุ้นเหล่านี้จะเป็นยังไงหลังจากที่บริษัทได้เริ่มซื้อหุ้นคืน โดยตามกฎแล้วบริษัทก็จะมีเวลาถือหุ้นอยู่ที่ 3 ปี ถ้าไม่ขายคืนให้ตลาดก็ต้องเลือกที่จะลดทุนไปแบบอัตโนมัติ
ก็หวังว่าเรื่องร้ายๆ ในช่วงนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศจะหมดไปได้ในเร็ววันนี้นะครับ เพราะเชื่อว่าหลายๆคนคงกำลังหดหู่กันอยู่ไม่น้อยกับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น
ใครที่ยังมองไม่เห็นโอกาสก็หาความรู้, ศึกษาบริษัทที่ตัวเองสนใจรอไปก่อน เมื่อเห็นโอกาสจะได้พร้อมลุยทันที
1
เพราะเราเชื่อว่า ฟ้าหลังฝน ย่อมสดใสเสมอ...
อีกหนึ่งช่องทางของเราใน App blockdit
กดมาเลย
https://www.blockdit.com/pr_berd
ฝากติดตามพวกเราด้วยนะครับ 🙏🙏
27 บันทึก
109
6
28
27
109
6
28
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย