2 ก.พ. 2020 เวลา 10:09 • ความคิดเห็น
กระทรวงพบสูตรยารักษาเรื่องจริง
(หรือ Fake news)
เอ้า ฉลองสิครับ! กระทรวงสธ.เราแชร์พาดหัวขนาดนี้แล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวล
แต่เดี๋ยวก่อน ข้อความย่อยง่าย ดูจะย่อยยากเสียแล้ว
"ค้นพบ" อาจฟังดูอัศจรรย์ใจ
ชาวบ้านอาจได้ยินตามวิทยุ
"ค้นพบรากยาจีนโบราณ อายุวัฒนะ แก้สาระพัดโรค เพียงคอร์สละ 3000 บาทเท่านั้น"
เราคงไม่ซื้อใช่ไหมครับ (หรือซื้อ!! 5555)
บทความนี้จะพูดถึง "ลำดับชั้นหลักฐาน"
(Hierarchy of Evidence)
สมัยโบราณ อาจารย์ท่านว่า หลวงจีนท่านนี้ใช้ยาดี
จะเห็นได้จากรูป ว่า"ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ" (expert opinion) กลายไปอยู่ต่ำสุดของความ "น่าเชื่อถือ" ของหลักฐานเสียแล้ว
ทุกวันนี้ "ความจริง" ล้วนถูก "ค้นพบ" จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และได้ล้มล้างความเชื่อผิดๆมามากมาย ทำให้สามารถพัฒนาแนวทางการรักษาให้ดีขึ้นได้เรื่อยๆ
แล้วข่าวสูตรยาใหม่ (ใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี Lopinavir + Ritonavir ร่วมกับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ Oseltamivir แล้วผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น) อยู่ลำดับไหนกันนะ
อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวชัดเจนครับ ว่าเป็น "การรายงานกรณีศึกษา" (Case series) ซึ่งอยู่ชั้นสอง ไม่สูงมากนัก ไม่ต้องขึ้นลิฟต์
การทดลองวิทยาศาสตร์โดยเฉพาะการทดลองยาที่ให้กับมนุษย์นั้น โดยทั่วไปต้องมีที่มาหลายขั้นตอน ใช้เวลานานหลายปี
ถ้ายานั้นจำเป็นมาก อาจมีการลัดขั้นตอนบางอย่างแล้วนำมาทดลองในมนุษย์ เพื่อประโยชน์สุขของหมู่เฮา
การให้ยาในผู้ป่วยในรพ.ราชวิถี พบว่าอาการดีขึ้นใน 2 วัน มีจำนวนผู้ที่ได้รับยาแค่ 1 หรือ 2 คน ไม่มีกลุ่มควบคุมใดๆ
การที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นอาจเป็นจากยาก็ได้ หรือเกิดจากธรรมชาติของโรคก็ได้ เพราะธรรมชาติของโรคหลังเป็นปอดบวมสามารถมีอาการที่ดีขึ้นได้เองแล้วออกจากโรงพยาบาลได้!!!!!
ยกตัวอย่างสุดขั้วอันนึง สมมติว่าคุณปวดท้องเป็นโรคกระเพาะมาก หมอดูคนนึงเดินมา อะเอาสร้อยคอหินนี้ไป จะมอบพลังชีวิตให้เจ้า แล้วคุณก็ดันหายปวดท้องพอดี คุณจะเชื่อหินก้อนนี้ขนาดไหน
หรือแบบขูดหวยที่ต้นไม้ แล้วดันถูกหวยไรงี้
การทดลองวิทยาศาสตร์จริงๆ คือ แบ่งกลุ่มติดเชื้อเป็นสองกลุ่ม กลุ่มทดลองให้ยาจริง กลุ่มควบคุมให้ยาหลอก และดูว่ากลุ่มไหนมีผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน เช่น ตายน้อยกว่า หายเร็วกว่า!!!
หรือไม่ถ้าขูดต้นไม้แล้วถูกแล้วถูกอีก เพื่อนเราที่ไม่เคยมาขูดไม่เคยถูกเลย อันนี้แหละน่าจะจริง !!
ยาหลักที่นำมาใช้ เป็นตัวยากลุ่ม Protease inhibitor ถูกพูดถึงตั้งแต่ครั้งที่ SARS ระบาด การค้นพบ nCoV2019 แล้วมีอาวุธคล้าย SARS
สมมติฐานแรกๆสำหรับการรักษาคือ จะนำยาที่น่าจะมีประโยชน์กับ SARS มาใช้กับ nCoV2019 หรือไม่
ส่วนการเพิ่มยาไข้หวัดใหญ่ (oseltamivir) ในสูตร
ถ้ามองถึงกลไกการเกิดโรคของ เชื้อจะไม่ถูกยับยั้งโดยยาตัวนี้ เพราะเชื้อตัวนี้ไม่มี Neuraminidase ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ยาจะเข้าไปยับยั้ง
แต่อาจเป็นไปได้ว่ามีกลไกอื่นๆที่ยังไม่ทราบ
การทดลองในห้องทดลองทั่วโลก กำลังพยายามทำสิ่งเดียวกันนี้อยู่ รวมถึงมหาวิทยาลัยในไทยเอง และการวิจัยในมนุษย์ ถ้าเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงและผู้ป่วยยินยอม ก็มีการถกเถียงอยู่พอสมควรว่าทำได้หรือไม่
ในจีนเองกำลังทดลองยากันหลายกลุ่มโดยเฉพาะยากลุ่ม protease inhibitor
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นข่าวดีแน่นอน เพราะสูตรการรักษาที่"ค้นพบ"ใหม่นี้ กำลังจะถูกนำมาหารือและพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญ ว่าจะนำมาใช้มากขึ้นหรือไม่ และจะทำการเก็บข้อมูลต่อเนื่อง
จึงจะสรุปได้ว่า สูตรใหม่ จะสดชื่นจริงหรือเปล่า
(จะให้ผลการรักษาที่ดีกว่า อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติหรือไม่)
(หรือซื้อแล้ว!!!!)
แล้วการที่กระทรวงรีบออกมาประกาศขนาดนี้เป็นเพราะอะไรกันนะ
โฆษณา