Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วันหยุดทำอะไรดี
•
ติดตาม
2 ก.พ. 2020 เวลา 13:18 • บันเทิง
It’s ok that's love
ถ้ารักกันมันก็โอเค
(แล้วความรักจะช่วยให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี)
It’s ok that's love
ตอนเปิดดูใน Netflix ครั้งแรกก็ไม่คิดหรอกว่านี่จะคือซีรีย์เกาหลีทีพูดถึงเรื่องโรคจิตเภท เราลองมานั่งนึกดูสิว่าถ้าพูดถึงโรคจิตเภทเราจะนึกถึงอะไร หลายคนคงจะนึกถึงคนบ้าที่ใส่กางเกงตัวเดียวสวมพวงมาลัยดอกดาวเรืองยืนรำอยู่ตามสี่แยกอะไรประมาณนั้น ดูเหมือนว่ากรอบความคิดของเราๆจะอนุมานโรคจิตเภทเอาไว้ประมาณนั้น
1
แต่ถ้าใครได้ดูซีรีย์เกาหลีเรื่องนี้ อาจจะลบความคิดแบบนั้นทิ้งไปได้ แล้วเข้าใจว่า คนป่วยโรคจิตเภทเขาไม่ได้ดูประหลาดเลยนะ เขาดูปกติเหมือนคนทั่วไป หน้าตาสะสวย หล่อเหลา มีหน้ามีตาในสังคม มีชื่อเสียง และอาจจะสามารถทำงานจนมีเงินทองมากมาย เหมือนจางแจยอล พระเอกของเรื่องก็เป็นได้
It’s ok that's love
เรื่องเริ่มต้นขึ้น เมื่อจางแจยอล นักเขียนหนุ่มเจ้าเสน่ห์ หล่อ รวย มาเจอกับจิตแพทย์สาวนามจีแฮซูที่รายการทอล์กโชว์ การเจอกันครั้งนี้ไม่ประทับใจจีแฮซูเท่าไหร่นัก เพราะเธอมองว่าเขาเป็นชายหนุ่มหลงตัวเอง ผิดกับจางแจยอลที่ดูจะสนใจเธอเป็นพิเศษ หลังจากนั้นจางแจยอลมีความจำเป็นต้องย้ายไปอยู่บ้านใหม่ชั่วคราว ซึ่งเป็นบ้านที่ต้องอยู่ร่วมกันกับจีแฮซู จิตแพทย์สาวที่เขาสนใจตั้งแต่เมื่อครั้งไปออกทอล์กโชว์แถมเจอกันครั้งนี้เขาก็โสดเสียด้วย นอกจากนี้ในบ้านนั้นยังมีจิตแพทย์วัยกลางคน และชายหนุ่มที่ป่วยเป็นโรคทูเร็ต (โรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบประสาททำให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติอย่างไม่สามารถควบคุมได้)
It’s ok that's love
จางแจยอลสนใจจีแฮซู แต่เขาก็พบว่าเธอมีปัญหาจากปมวัยเด็กคือ เธอพบว่าแม่ของเธอมีชู้กับเพื่อนของพ่อผู้พิการ ทำให้แฮซูมองว่าเซ็กส์เป็นเรื่องของการหักหลัง แม้อายุล่วงเลยจะสามสิบแล้ว แต่เธอยังไม่มีความสัมพันธ์ทางร่างกายกับใคร เต็มที่ก็ได้แค่จูบและแตะตัวกันนิดหน่อย ขณะที่แจยอลเองก็มีปัญหาถูกพ่อเลี้ยงและพี่ชายทำร้ายร่างกายเมื่อครั้งเป็นเด็ก และเขาเองต้องวนเวียนอยู่กับความรู้สึกผิดที่ทำให้พี่ชายต้องติดคุกนานถึง 11 ปีด้วยข้อหาฆ่าพ่อเลี้ยง ทำให้เขาเองมีอาการสร้างภาพหลอนไม่รู้ตัว (ซึ่งซีรีย์จะเปิดเผยปมนี้ในอีพีที่ 4)
ลองนึกภาพว่าถ้าเราต้องอยู่กับคนที่พูดคนเดียว แล้วบอกเราว่าคุยกับคนคนนึงอยู่ หรือต้องอยู่กับคนที่กล้ามเนื้อหน้ากระตุกอยู่ตลอดเวลา แล้วถ้าคนคนนั้นเป็นคนที่เรารัก เราจะทำยังไง เราต้องใช้ความรักมหาศาลมากแค่ไหน ถึงจะเข้าใจและยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ หลายคนอาจจะไม่ถึงขนาดเป็นโรคจิต แต่ทุกคนบนโลกล้วนต้องอยู่กับบาดแผลวัยเด็กด้วยกันทั้งนั้น และปมวัยเด็กอันนี้ทำให้เราสร้างพฤติกรรมบางอย่างซ้ำๆจนกลายเป็นนิสัยที่คอยรั้งไม่ให้เราเดินไปข้างหน้าได้เสียที มีครั้งนึงจีแฮซูนางเอกของเรื่องไปออกรายการวิทยุกับจางแจยอล เธอพูดเรื่องนี้ว่า “เราทุกคนต่างคิดว่าตัวเองมีอิสระ แต่สิ่งที่ฉุดรั้งเราไว้คือนิสัยเดิมๆของเรา” ซึ่งนิสัยเหล่านั้นเกิดจากปมวัยเด็กของเรานั่นแหละ
It’s ok that's love
ทุกตัวละครในเรื่องต่างก็ต้องพยายามเข้าใจตัวเอง เพื่อจะก้าวข้ามความเจ็บปวดในวัยเด็กหรือในอดีตซึ่งยังส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขา มันสร้างความเจ็บปวด มันสร้างปัญหา มันทำให้พวกเขาไม่ได้พบเจอกับความสุขแบบที่พวกเขาต้องการ แต่พวกเขาก็ทำอะไรกับมันไม่ได้นอกจากจะอยู่กับมัน หรือปล่อยให้มันผ่านไปเพื่อจะเดินหน้า หรือที่ใครหลายคนบอกว่า ต้อง Move on นั่นแหละ (แต่ส่วนใหญ่จะหาวิธี Move on แบบผิดๆเสียมากกว่า)
จางแจยอล ต้องอยู่กับความรู้สึกผิดที่ตัวเองทำให้พี่ต้องติดคุกถึง 11 ปี เขาไม่สามารถยอมรับได้เสียทีว่า กับเด็กอายุ 16 ที่ต้องเผชิญเรื่องเลวร้ายขนาดนั้น การตัดสินใจที่ผิดพลาดเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดแล้วในขณะนั้น จีแฮซู ต้องพยายามดิ้นรนให้พ้นความวิตกกังวลว่าเมื่อใดที่จะมีเซ็กส์ นั่นคือเธอกำลังจะทำเรื่องเลวร้ายเหมือนที่แม่เธอเป็นชู้กับเพื่อนพ่อ หลายครั้งเธอคล้ายจะก้าวข้ามมันได้ แล้วเธอก็ถอยหลังกลับมาทุกครั้ง สร้างความเจ็บปวดให้กับคนรักของเธอ แต่เมื่อทั้งสองคนมาเจอกัน การรู้จัก การเข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นทำให้ทั้งสองคนพยายามเข้าใจและปรับตัว ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ดีของซีรีย์
It’s ok that's love
เราจะได้ดูความรักแบบฉบับผู้ใหญ่ ที่ไม่ใช่เรื่องฝันหวานหรือเพ้อเจ้อ แม้แต่ตอนที่จางแจยอลใช้เงินเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินพาแฮซูไปเที่ยวโอกินาว่า เขาก็ต้องพบว่าโรควิตกกังวลของเธอส่งผลให้ทริปมีปัญหา เพราะแฮซูกลัวว่าเธอจะเป็นเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆของแจยอล จึงพยายามจะประหยัดเงินค่าห้องพักให้เขาเห็นว่าเธอดีกว่าผู้หญิงเหล่านั้น เพราะเธอไม่ผลาญเงินเขา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธอรู้ดีว่าเธอไม่พร้อมกับการมีเซ็กส์ และมันอาจจะส่งผลให้แจยอลบอกลาเธอได้ เพราะแจยอลดูเหมือนจะชื่นชอบเรื่องอย่างว่า เพราะฉะนั้นเธอต้องพยายามเป็นคนดีกว่าในเรื่องอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่ามันจะกลับทำให้ทุกอย่างแย่ลง เพราะสำหรับแจยอลผู้ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน การที่แฮซูพยายามหาห้องราคาถูก มันทำให้เขาเหนื่อยและรำคาญ เพราะเขามีเงินเยอะเกินกว่าจะมากังวลเรื่องแค่นี้
แต่เพราะความเข้าใจและรู้จักกันดี ส่วนหนึ่งเพราะคนรอบข้างของแฮซูคอยบอกเล่อาการและพฤติกรรมของแฮซูให้แจยอลเข้าใจ แจยอลจึงสามารถอดทนกับความผีเข้าผีออก อารมณ์ติสท์ตัวแม่ของจีแฮซูได้ และจีแฮซูเองก็รับมือและเข้าใจอารมณ์รุนแรง รวมถึงนิสัยหุนหันพลันแล่น นึกอยากจะทำอะไรก็ทำของเขาได้เช่นเดียวกัน
It’s ok that 's love
เมื่อความรักเดินทางมาช่วงระยะหนึ่ง ปัญหาใหญ่ที่ทั้งสองคนต้องก้าวข้ามคืออาการภาพหลอนด้วยโรคจิตเภทของจางแจยอล ในขณะที่ไม่มีใครเห็นเด็กผู้ชายที่จางแจยอลเห็น แต่เขากลับยืนยันว่าเด็กคนนั้นมีตัวตน อาการภาพหลอนนั้นทำให้จางแจยอลมีแนวโน้มจะทำร้ายตัวเองบ่อยครั้งโดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะเขาคิดว่าคนที่ประสบอุบัติเหตุหรือถูกทำร้ายนั้นคือเด็กชายที่เขาเห็นไม่ใช่ตัวเขา แต่ความจริงแล้ว เขาต่างหากที่เผชิญกับอุบัติเหตุเหล่านั้น
แจยอลสร้างภาพเด็กชายคนนึงขึ้นมาเพื่อทดแทนตัวเขา เพราะลึกๆแล้วเขาอยากจะมีชีวิตอยู่โดยปราศจากความรู้สึกผิด เมื่อมีเด็กชายผู้เป็นภาพหลอน ก็คล้ายเขาได้แยกตัวออกจากความรู้สึกผิดนั้นแล้ว แต่จริงๆแล้วเด็กชายคนนั้นก็คือตัวเขาเอง ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ในโลกความจริง ทางเดียวของแจยอลที่จะเดินออกจากอดีตคือ ยอมรับ เข้าใจ และปล่อยมันไป ยอมรับว่าตอนนั้นเขาทำผิดพลาด และเข้าใจว่าเขาในตอนนั้นก็พยายามทำดีที่สุดแล้ว และปล่อยให้มันผ่านพ้นไป มองที่ปัจจุบันว่า เขากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว
It’s ok that's love
ความดีงามของซีรีย์เรื่องนี้คือขั้นตอนในการเรียนรู้เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้ป่วยโรคจิตเภท เพราะในซีรีย์มีหลายเคสที่อาจจะไปตรงกับปมในจิตใจของใครหลายคน บางทีคุณอาจจะสงสัยว่าคนรักของคุณทำไมไม่พูดในสิ่งที่เขาต้องการ ทำไมเขาไม่บอกอะไรคุณตรงๆ ทั้งที่คุณเองสามารถพูดได้อย่างง่ายดาย หรือคุณอาจจะเจอใครบางคนที่ถูกคนรักทำร้ายซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นโดยที่คุณได้แต่แปลกใจว่า ทำไมเขายังอดทน นั่นก็เพราะเขายังจมอยู่กับปมความเจ็บปวดบางอย่างที่ทำให้เขายังติดอยู่ตรงนั้น
It’s ok that's love
สุดท้ายเมื่อเรื่องชีวิตดำดิ่ง จางแจยอลต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด โรคจิตเภทเล่นงานเขารุนแรง จีแฮซูยังยืนหยัดอยู่ข้างเขาในฐานะคนรัก เพื่อให้เขาได้เห็นความจริงว่าภาพหลอนที่เขาเห็นนั้นไม่มีอยู่จริง เธอเข้มแข็งและอดทนด้วยความเชื่อมั่นว่าความรักที่จางแจยอลมีให้เธอมันจะมากพอที่เขาจะก้าวข้ามปมอดีตเก่าๆและเดินมาหาเธอได้ในที่สุด หากเป็นในชีวิตจริง ผู้ที่ต้องยืนเคียงข้างผู้ป่วยนั้นต้องเต็มไปด้วยกำลังใจที่เข้มแข็ง เพราะมันคงต้องใช้ความรักและความเข้าใจอย่างมหาศาล ในการที่จะก้าวข้ามปัญหาและเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด
แต่ถ้าหากนั่นคือคนที่คุณรัก และคุณได้บ่มเพาะความรักความเข้าใจมาอย่างดีที่สุด ทุกอย่างก็น่าจะผ่านพ้นไปด้วยดี และหากมีความรักจากเพื่อนจากพี่และคนรอบข้างมาช่วยเสริมในช่วงที่คุณต้องเผชิญกับเรื่องเลวร้าย มันคงจะดียิ่งขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอะไร ความรักคือพื้นฐานที่ดีที่สุดในการผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายไปด้วยกัน
#whiteshirts
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย