Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
I'm happy.
•
ติดตาม
3 ก.พ. 2020 เวลา 16:43 • บันเทิง
ตอนที่ 24 อัจฉริยะ
ภาพโดย Gerd Altmann จาก Pixabay
‘อัจฉริยะ’
ใคร ๆ ก็เรียกผมอย่างนั้น
หลายคนที่ไม่เคยรู้จักผมถึงกับตั้งคำถามว่าผมชื่ออัจฉริยะหรือ
ผมต้องเล่าเรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ หลายรอบว่าทำไม
ช่วงชีวิตที่ผมเรียนตั้งแต่อนุบาลจนถึงม.ปลาย ผมทำให้ครูและเพื่อน ๆ ตกตะลึงด้วยความเป็นเลิศในวิชาวิทย์-คณิต
โจทย์ทุกข้อผมมองปราดเดียวก็รู้คำตอบโดยไม่ต้องใช้กระดาษทดหรือแสดงวิธีทำ บางครั้งผมก็ช่วยครูสอนในคาบที่ครูไม่ว่าง
แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ทำให้ผมมีความสุขเท่าไรนัก
มันก็รู้สึกดีที่มีคนชื่นชม
นั่นทำให้ผมเข้าใจความรู้สึกของคนที่ประสบความสำเร็จ
ขณะเดียวกันผมก็เข้าใจความรู้สึกของคนที่ล้มเหลว ไร้ความสามารถ เพราะผมชอบดนตรีโดยที่อ่านโน้ตไม่ออก เล่นเครื่องดนตรีไม่เป็น เสียงร้องชนิดควายร้องขอชีวิต
ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay
ทำไมต้องเป็นควาย ก็มันมาจากเพลงไงล่ะ ‘ใครจะว่าร้องเพลงให้ควายฟัง ฉันว่ายังมีควายที่เข้าใจ’ ผมจะมีความสุขมากถ้าได้เรียนต่อด้านดนตรี
“ครูคิดว่าเธอน่าจะเรียนวิศวะหรือหมอนะ เธอต้องไปได้ไกลมาก ๆ” ครูแนะแนวพูดพลางเปิดดูผลการเรียนที่ผ่านมาของผม
แน่นอนว่าวิชาวิทย์-คณิตถ้าเกรดถึงร้อยผมก็ได้ร้อย ส่วนวิชาดนตรี ศิลปะ เกรดต่ำเตี้ยเรี่ยตม
“ครับ” ผมตอบส่ง ๆ ไปอย่างนั้น เพราะผมเคยพยายามมาหลายครั้งแล้วที่จะโน้มน้าวคนรอบข้างให้เห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่ผมอยากเป็น ซึ่งทุกคนก็พูดไปในทางเดียวกันกับที่ผมเพิ่งได้ยินจากครู
“ทำไมถึงอยากเรียนหมอ” คำถามที่เปล่งออกมาจากชายชุดขาวหนึ่งในสามคนที่นั่งอยู่ข้างหน้า ทำให้ผมนึกถึงความหลัง
.
.
ภาพโดย Free-Photos จาก Pixabay
พ่อพบรักกับแม่ที่ไซต์งานก่อสร้างโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง
พ่อเป็นผู้รับเหมารายใหญ่ในจังหวัด แม่เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้
นั่นเป็นสิ่งที่ผมฝันมาตลอด แต่ความจริงคือพ่อกับแม่เป็นคนงานก่อสร้างธรรมดา
พ่อเมาเข้าห้องผิด แม่เล่าให้ฟังอย่างนั้น
พอแม่คลอดผม พ่อก็เลิกเหล้า ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน จนถึงวัยที่ผมต้องเข้าโรงเรียน พ่อให้แม่เลิกทำงานก่อสร้าง เพราะถ้าย้ายที่อยู่ไปเรื่อย ๆ พ่อกลัวผมเรียนไม่ทันเพื่อน แม่จึงไปสมัครเป็นคนกวาดถนน ส่วนพ่อก็ยังคงตระเวณไปทำงานต่างถิ่น 2-3 เดือนกลับมาทีพร้อมกับขนมที่ผมชอบ
“เอ็งจำไว้ สมบัติที่พ่อกับแม่ให้เอ็งได้ คือ เวลา เอ็งต้องใช้เวลาหาความรู้ใส่หัว ดูพ่อกับแม่ไว้ นี่แหละคนไม่มีความรู้ คุยกับใครเขาก็รังเกียจ เขาก็หัวเราะเยาะ อนาคตของพ่อกับแม่ฝากไว้ที่เอ็ง” นี่เป็นคำพูดที่ผมจำได้ตอนเข้าป.1 และได้ยินซ้ำอีกหลายครั้ง
“เอ็งเรียนหมอก็ดี อีกหน่อยถ้าพ่อเป็นผู้รับเหมา เวลาลูกน้องเจ็บป่วยจะได้มีที่พึ่ง” นี่เป็นคำพูดที่ผมจำได้ตอนจะตัดสินใจเลือกคณะคราวสอบเอ็นทรานต์ น้ำเสียงของพ่อปนเสียงหัวเราะดูมีความสุข
.
.
1
“พ่อผมอยากให้เรียนครับ” ผมตอบคำถามนั้นตรง ๆ
“เฮ้อ สมัยนี้ยังมีเด็กเรียนตามที่พ่อแม่บอกอีกเหรอ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเลย พ่อแม่นี่ก็นะ ชีวิตเป็นของลูกแท้ ๆ” ชายชุดขาวรำพึงรำพัน
ผมแอบมองทั้งสามคนตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องสอบสัมภาษณ์แล้ว เสื้อผ้า สร้อย แหวน นาฬิกา รองเท้า ผมดูไม่ออกหรอกว่าเป็นของดีมีราคาระดับไหน แต่สักวันผมจะให้พ่อกับแม่ได้ใส่บ้าง
‘ความจำเป็นทำให้คนเราต้องเลือกไม่ทำในสิ่งที่ชอบ สักวันครูจะเข้าใจ หรืออาจไม่มีวันนั้น’ ผมคิดในใจ นั่นช่วยทำให้ผมผ่านการสอบสัมภาษณ์ด้วยดี
คะแนนข้อเขียนระดับที่หนึ่งของประเทศจะมาตกสัมภาษณ์ได้ไง
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยก็สนุกดี ทุนต่าง ๆ ที่ติดประกาศตามบอร์ดช่วยผมได้เยอะ
วิชาชีววิทยาทำให้ผมได้พบกับเนิ้ต เธอเป็นอัจฉริยะด้านศิลป์ภาษาที่อยากเรียนแพทย์ เธอมุมานะโดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากคนรอบข้างทั้งที่อ่อนวิชาสายวิทย์มาก ๆ
แม้ความพยายามนั้นจะไปไม่ถึงคณะแพทย์ แต่การสอบติดคณะพยาบาลก็ทำให้เธอยิ้มได้ ผมอิจฉาเนิ้ตนิด ๆ ที่ได้ทำในสิ่งที่รัก
ภาพโดย Michal Jarmoluk จาก Pixabay
แล็บมืดช่วยให้เราสนิทกันมากขึ้น
แล็บมืดก็คือเรียนแล็บตอนมืดน่ะสิ เพราะเรียนกันหลายคณะ คนจึงเยอะมาก ต้องจัดตารางเวลาใช้แล็บ โดยอาจารย์สุ่มช่วงรหัสนักศึกษา บังเอิญที่ผมกับเนิ้ตได้เป็นคู่ทำแล็บด้วยกันตอน 1 ทุ่ม
ทุกครั้งที่เรียนเสร็จก็ชวนกันไปหาของกินก่อนที่เธอจะมาส่งผมที่หอด้วยคุณจินนี่
(คุณจินนี่เป็นรถมอเตอร์ไซค์เก่า ๆ สีแดงของคุณพ่อ ตอนเด็ก ๆ เนิ้ตชอบยักษ์ในตะเกียงวิเศษ เห็นมอเตอร์ไซค์พ่อเป็นเหมือนพรมเหาะได้เลยเรียกติดปากว่าคุณจินนี่)
หลายครั้งที่เนิ้ตมารับส่งผม คงเพราะสงสารที่ผมเดินไปเรียนจนเสื้อเปียกชุ่มล่ะมั้ง ผมก็ตอบแทนด้วยการเป็นติวเตอร์ส่วนตัว
จากเพื่อนสนิทกลายเป็นแฟนกันตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
สรรพนามก็เปลี่ยนเป็นฉันกับแก อาจจะไม่หวานแหววเหมือนคู่อื่นแต่ผมรู้สึกอบอุ่นหัวใจดี
ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมต้องเลือกสาขาเฉพาะทางแล้ว
สภาพร่างกายของพ่อกับแม่ที่ถูกใช้งานอย่างหนักหน่วงตั้งแต่วัยหนุ่มสาวทำให้ผมตัดสินใจเลือกสาขาวิชาออร์โธปิดิกส์ (กระดูกและข้อ) แน่นอนว่าผมคือหนึ่งในศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ชั้นแนวหน้าของประเทศ
พ่อเสียน้ำตาให้กับเสื้อผ้าตัวใหม่ นาฬิกาเรือนใหม่ ส่วนแม่กอดผมแน่น ตัวสั่นกระเพื่อม หลังจากที่ผมใส่สร้อยและสวมแหวนให้
ชีวิตครอบครัวมีความสุข ผมกับเนิ้ตแต่งงานกัน พ่อแม่ใช้ชีวิตบั้นปลายเลี้ยงหลาน บางครั้งก็แอบหนีเที่ยวกันสองคน
จบบริบูรณ์
นั่นเป็นสิ่งที่ผมฝันไปเองอีกแล้ว ผมยังทำงานได้ไม่ถึงปี
พ่อจากไปด้วยโรคหลอดเลือดสมองแตกในวัย 53 ไม่นาน แม่ก็จากไปด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวในวัย 55 ผมทำได้เพียงนั่งกุมมือท่านก่อนที่ลมหายใจจะหมดลงเท่านั้น
จบซะทีได้ไหม จบบริบูรณ์ แฮปปี้เอนดิ้งแบบในหนังฟีลกู๊ด
ผมคิดอย่างนั้นมาตลอดหลังจากที่รู้ว่าเนิ้ตเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย
ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์มือหนึ่งอย่างผมก็ยังคงทำได้เพียงเป็นเพื่อนพาเธอไปฉายแสง และทำคีโม
เธออดทนอยู่กับเซลล์มะเร็งได้สามปี ในที่สุดเซลล์มะเร็งก็ตายหมด
ผมมองดูกลุ่มควันสีดำที่ลอยขึ้นไปบนฟ้าไกล พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล แต่ไม่เป็นผลเมื่อเห็นเมฆรูปร่างคล้ายคนสามคนยิ้มและโบกมือให้ อิสระสินะ วันหนึ่งผมก็จะไปอยู่ด้วย และเป็นอิสระด้วย (to be with you, to be free)
ชีวิตที่เหลือทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเหมือนเดิมเพียงแต่เปลี่ยนคำว่า ‘ด้วยกัน’ เป็น ‘ลำพัง’
ภาพโดย S. Hermann & F. Richter จาก Pixabay
บางคนบอกว่าน้ำตาที่เสียใจให้กับตะวันตกดินจะบดบังความงดงามของหมู่ดาว แต่ผมว่าความงดงามนั้นก็ชั่วคราวเหมือนตะวัน ในที่สุดก็ต้องเสียน้ำตาอีกครั้ง
ผมตรวจคนไข้รายสุดท้ายเสร็จ ใช่ รายสุดท้ายจริง ๆ พรุ่งนี้ผมไม่ต้องมาทำงานแล้ว ถึงผมจะเลิกนับอายุตัวเอง แต่ก็มีใครบางคนส่งจดหมายช่วยเตือนความจำว่าถึงวันที่ผมต้องเกษียณ
“เท้าบวมอยู่นะ เดี๋ยวหมอให้ยาแก้อักเสบกับยาแก้ปวดไปกิน” เสียงหมอเอกลอยมาจากโต๊ะข้าง ๆ ด้วยห้องตรวจที่โรงพยาบาลเป็นแบบ 1 ประตู 2 หมอ 2 โต๊ะทำงาน
ผมหันไปมองที่ใบหน้าและรูปร่างของคนไข้ ช่างคล้ายกับพ่อผมเหลือเกิน สายตาเหลือบลงไปที่เท้า มันบวมใหญ่ แต่สีซีด
“ขอโทษครับ ขอหมอจับเท้าหน่อยนะ” ผมพูดพร้อมทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ คุกเข่าข้างหนึ่ง มือเอื้อมไปจับที่เท้านั้นโดยไม่สนใจท่าทีของหมอเอก รุ่นน้องผม 30 ปี ดีกรีที่หนึ่งของประเทศเหมือนกัน
“อาจารย์ ผมตรวจดูแล้วแค่อักเสบธรรมดา ไม่ต้องจับก็ได้ครับ” ผมเมินเฉยต่อเสียงทักท้วง มือทั้งสองลูบคลำเท้า ไม่รู้สึกถึงความร้อนจากการอักเสบ
ผมใช้นิ้วกดเบา ๆ
“เจ็บไหม”
1
“ไม่เจ็บครับ” ชายคนนั้นตอบ
“ขอหมอดูยาที่กินประจำหน่อย เอามาหรือเปล่าครับ”
“นี่ครับ” มือผอมคล้ำยื่นซองยาหลายซองให้ผม ผมแกะออกดูทีละซอง
“คุณกวาง พาไปหาหมออ้อย อายุรกรรม ตรวจปัสสาวะ อุจจาระ ด้วยนะ แล้วนัดคนไข้มาฟังผลให้เร็วที่สุด” ผมหันไปบอกพยาบาลกวาง และมองตามจนประตูห้องปิดลง
2
“อาจารย์สันนิษฐานว่าคนไข้คนนั้น...” หมอเอกทิ้งช่วงนิดหนึ่ง
“โปรตีนรั่ว ซองยามีกลุ่มยารักษากระเพาะอาหารอักเสบก็จริง แต่ไม่มียาเหลือ ทั้งที่ยาแก้อักเสบยาแก้ปวดยังเหลืออีกเยอะ คนไข้คงซื้อยากินเอง” ผมตอบและคิดว่าหมอเอกเข้าใจดี
“หมอเอก นี่คงเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมสอน อย่าละเลยสัญญาณต่าง ๆ และพยายามค้นหาความจริงด้วยเครื่องมือที่เรามี”
1
“ครับ ขอบคุณครับอาจารย์” หมอเอกตอบโดยที่ไม่สบตาผม
.
.
.
ผมเพิ่งกลับจากคลาสเรียนดนตรีสำหรับเด็ก ในที่สุดอัจฉริยะอย่างผมก็ได้เลือกทำในสิ่งที่ผมรัก
ระหว่างทางผมเห็นร้านกาแฟเปิดใหม่ ตกแต่งร้านสวยดี คิดถึงแกนะ แกชอบดื่มชาเขียวนี่
“สวัสดีครับ/ค่ะ ยินดีต้อนรับครับ/ค่ะ” เหล่าพนักงานพร้อมใจกันส่งเสียงทันทีที่ได้ยินเสียงกระดิ่งเมื่อประตูเปิด
ผมเดินไปที่โต๊ะริมกระจก พนักงานชายคนหนึ่งรูปร่างสันทัด หน้าตาดี เดินมาที่ผม ผมสังเกตที่ป้ายชื่อ ‘เคน’
“ลุงเอาโกโก้ร้อน โกโก้ 2 ช้อนโต๊ะไม่ใส่น้ำตาลนะ เจ้าเคน”
คุยกัน :
ย่อหน้าสุดท้ายเป็นเรื่องราวของลุงที่ปรากฎในตอนที่ 2 When I'm sixty-four ซึ่งเป็นตอนที่ผมหัดเขียนใหม่ ๆ ขอบคุณพี่เรื่องสั้น ๆ อีกครั้งครับ ขอบคุณเนิ้ตด้วยที่เป็นแขกรับเชิญ
(*^▽^*)
blockdit.com
พยาบาลวิชาชีพอิสระ💉
4.6k followers. น้องเนิ้ต พยาบาลวิชาชีพตัวจริง จะมาแชร์เกี่ยวกับการดูแลและรักษาสุขภาพ ในมุมมองที่เป็นเรื่องสนุกๆ มาติดตามและสนุกแบบมีสาระไปด้วยกันนะคะ😊
blockdit.com
I’m happy.
ตอนที่ 2 When I’m sixty-four ชีวิตผมล่องตามกระแสเวลาผ่านร้อนหนาวหลายหนจนผมขี้เกียจนับ กระทั่งวันนี้
ถามว่าตัวละครอย่างหมอเอกมีจริงไหม
ตอบได้เต็มปากว่ามีและมากกว่าหนึ่ง เพราะผมเป็นคนพาคนไข้ไปตระเวณหาหมอกระดูกทั้งคลินิกและโรงพยาบาลเอกชน
สุดท้ายลุกขึ้นเดินไม่ได้แล้ว ต้องพาไปกทม. และได้พบกับอาจารย์หมออํานวย อุนนะนันทน์ ที่โรงพยาบาลธนบุรี
ย่อหน้านั้นการตรวจวิเคราะห์เป็นเหตุการณ์จริง ต้องนอนในโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์เพราะโปรตีนรั่วเนื่องจากแผลในกระเพาะอาหาร ขอบพระคุณอาจารย์อีกครั้งครับ
แต่เรื่องราวนอกเหนือจากนั้นเป็นเรื่องแต่งทั้งหมด ด้วยความระลึกถึงอาจารย์หมอสุริยพงษ์ เสาวพฤทธิ์ ที่เสียสละเวลาส่วนตัว เสาร์-อาทิตย์ก็ออกเดินทางไปผ่าตัดให้กับคนไข้ต่างจังหวัด ซึ่งอาจารย์มีตารางยาวเหยียดเหนือจรดใต้ ส่งข้อมูลแต่ละเคสผ่านมือถือ มือถืออาจารย์เต็มไปด้วยรูปฟิล์มเอ็กซ์เรย์
ผมไม่ได้รู้จักอาจารย์เป็นการส่วนตัว แค่ได้พูดคุยเล็กน้อยตอนที่อาจารย์มาผ่าตัดให้กับคุณแม่ของผม ผ่านมา 6 ปีเต็มแล้วที่อาจารย์จากไป สู่สุคติครับ 🙏
facebook.com
นพ.สุริยพงษ์ เสาวพฤทธิ์
นพ.สุริยพงษ์ เสาวพฤทธิ์ is on Facebook. Join Facebook to connect with นพ.สุริยพงษ์ เสาวพฤทธิ์ and others you may know. Facebook gives people the power to share and makes the world more open and...
youtube.com
Rod Stewart - Sailing (Official Video)
Official music video for Rod Stewart – “Sailing” from ‘Atlantic Crossing’ (1975) 🎼 Listen to more Rod Stewart here: https://rhino.lnk.to/RodStewartStr 📺 Watc...
6 บันทึก
33
33
3
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
Endless Contrast
6
33
33
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย