3 ก.พ. 2020 เวลา 15:29
เมาท์มอยหอยกาบ:
Quiet เป็นหนังสือที่ดังมากใน Goodreads (Application ให้คะแนนหนังสือ
ภาษาอังกฤษที่ดังที่สุดแหล่งหนึ่งเปรียบเทียบแล้วเหมือน imdb หรือ rotten tomatoes ของหนัง) ดังแค่ไหนน่ะเหรอคะ ดังในระดับที่มีคนรีวิวมากกว่า 17,000 กว่าคนและคะแนน 4.04/5 จากคนให้คะแนนกว่า 2 แสนคน!
ปกติคนให้คะแนนเกินหมื่นก็คือเยอะมากแล้วสำหรับ Non-fiction มีคนอย่างน้อย 2 แสนคนบนโลกใบนี้อ่านหนังสือเล่มนี้เลยเหรอ! คิดแล้วก็เลยต้องลงมืออ่านมันจนได้และค้นพบว่านี่เป็นหนังสือที่โคตรมีผลกับชีวิตเราเลย เป็นหนังสือที่อยากอ่านให้จบและไม่อยากอ่านให้จบในเวลาเดียวกัน :)
เนื้อหาหลัก:
Theme หลักของเนื้อหาเรื่องนี้จะวนอยู่รอบคำสองคำเท่านั้นคือ Introverted และ Extroverted ซึ่งเป็นการแบ่งคนบนโลกใบนี้เป็นสองแบบ
คนที่คุ้นเคยกับจิตวิทยาหรือแบบทดสอบนิสัยน่าจะคุ้นชินมากกับสองคำนี้ เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอะไรแต่จะขออธิบายเป็นความเข้าใจของเราละกันนะคะ
Introverted คือคนที่ชอบหรือรู้สึกได้พลังงานจากการอยู่คนเดียว จดจ่อกับอะไรได้นาน
ในขณะที่ Extroverted คือคนประเภทที่ได้พลังงานจากผู้คน ออกไปเจอคนแล้วมันซู่ซ่า
แต่ไม่ว่าจะเป็นคนแบบไหนไม่ได้บ่งบอกถึงความสามารถในการเข้าสังคมเลย Introverted เข้าสังคมเก่งมีถมไป Extroverted ที่ไม่รู้กาละเทศะเลยก็มีเช่นกัน
(เพื่ออรรถรสในการอ่านเล่มนี้ แนะนำอย่างยิ่งให้ศึกษาคำว่า Introverted VS Extroverted ให้ลึกซึ้งกว่านี้เองนะคะ หากใครอยากรู้ว่าตัวเองมีลักษณะนิสัยยังไงสามารถเข้าไปลองทำแบบทดสอบฟรีได้ที่ https://www.16personalities.com)
5
อย่างไรก็ตาม หนังสือเล่มนี้ไม่ได้อธิบายความแตกต่างของ Introverted และ Extroverted แต่พูดในแง่มุมที่ลึกกว่านั้นมาก ตามชื่อหนังสือเลย เค้าพูดถึง ‘พลัง’ ของความเงียบที่ Introverted มีและคนมักจะมองข้ามไปเนื่องจากมันเบาจนเหมือนเงียบ ไม่ได้ตะโกนเสียงดังแบบที่ Extroverted มักจะทำ
Susan (คนเขียน) ใช้คำว่าโลกเราเป็น Extrovert Ideal คือคนที่ชอบในการเข้าสังคม กล้าแสดงออกจะได้รับการยอมรับในสังคมมากกว่า ประสบความสำเร็จง่ายกว่า และ ดูเก่งกว่าทั้งๆที่จริงๆแล้วเนื้อหาที่เค้าพูดไม่ต่างกับ Introverted เลยซึ่งตัวเราเองก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันว่า หลายๆครั้งโลกเราชอบคนพูดเก่งมากกว่าคิดเก่งซะอีก
หนังสือเล่มนี้อธิบายตั้งแต่ว่าคนเราเกิดมาแล้วเป็น Introverted เลยจริงไหม? สามารถเปลี่ยนได้ไหม? ควรเปลี่ยนไหม? พลังที่แท้จริงของ Introverted คืออะไรที่ Extroverted ไม่มีและอาจจะไม่มีทางมีได้ด้วยคืออะไร? หากเราเป็นหัวหน้าจะบริหารคน Introverted อย่างไร? ถ้าคุณเป็น Introverted และเป็นหัวหน้าคนจะต้องทำแบบไหน? Group discussion ทำให้เพิ่มความคิดสร้างสรรค์จริงไหม? เป็นพ่อแม่ที่มีลูกชอบอยู่คนเดียวควรจะบังคับให้เค้าไปงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อนข้างบ้านไหม? และอีกมากมายหลายคำถาม
เราพูดเลยว่าเล่มนี้เป็นหนังสือที่ให้พลังกับคน Introverted ได้อย่างมหาศาล และในฐานะของคน Extroverted อย่างเรา (ตามแบบทดสอบนิสัยและตัวตนทุกสำนัก เค้าบอกว่าเราเป็น Extroverted) เราพูดเลยว่าเราเข้าใจคนเป็น Introverted มากขึ้นมากอย่างมีนัยสำคัญและที่สำคัญอ่านจบแล้วเราเริ่มอยากเป็น Introverted มากขึ้น รู้สึกว่า “เอ้อ เป็น Introverted นี่ดีเนอะ!” จนกระทั่งเริ่มสงสัยตัวเองเลยว่า “เอ๊ะ หรือจริงๆเราเป็น Introverted กันนะ”
เราเลยรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีผลกับเรามากเพราะมันทำให้เราเข้าใจแฟนและน้องสาวของเราที่เป็นสุดยอด Introverted กันทั้งคู่ได้ดีขึ้นมาก และเหมือนมันจะทำให้เราเข้าใจมุม Introverted ของตัวเองที่เราซ่อนมันมาไว้ตลอดหลายปีเพราะคิดว่ามันไม่เท่
วิธีการเล่าเรื่องของคนเขียน:
คนนี้เป็นคนเขียนที่เก่งมากเลยนะ อ่านแล้วเหมือนฟังคุณน้าใจดีเล่านิทานให้ฟัง แต่ที่ชอบที่สุดคือการใช้วิทยาศาสตร์และงานวิจัยเยอะมาก เน้นว่าเยอะมาก มาสนับสนุนสิ่งที่เขียน หลายๆอย่างในนั้นเป็นการเปิดโลกของเราเลย อ่านแล้วแบบจะมีอารมณ์ “เฮ้ย จริงเหรอวะ” กับสถิติหลายอย่างที่เค้าเขียนถึง
Susan ทำการบ้านมาเยอะมาก รู้สึกชื่นชมและยกย่องเค้ามาก เข้าใจแล้วว่าทำไมมันถึงมีคนอ่านเยอะขนาดนี้เพราะมันพิสูจน์ได้ไปหมดทุกอย่าง ฟังดูเข้าท่าและน่าเชื่อถือมาก แต่ตามตรงก็คือมันไม่ใช่หนังสืออ่านเพลินที่อ่านแล้ววางไม่ลง แต่ตรงกันข้าม เนื้อหามันหนักระดับนึงที่อ่านแล้วต้องพับหนังสือเก็บเป็นพักๆเพราะรู้สึกว่าต้องย่อยความคิดที่เกิดขึ้นจากการอ่านก่อน
สำหรับคนที่ไม่ชินกับการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ หนังสือเล่มนี้ค่อนข้างอ่านยากและมีคำศัพท์ยากๆค่อนข้างเยอะ ใครที่ต้องการเข้าใจ 100% จริงๆอาจจะต้องเปิดศัพท์เรื่อยๆนะคะ ตอนนี้หนังสือเล่มนี้มีแปลไทยแล้ว ชื่อว่า ‘พลังของคนเงียบในโลกที่ไม่เคยหยุดพูด’ แต่เท่าที่ไปหาตามร้านหนังสือคือขาดตลาดมาก ของหมดทุกที่เลยค่ะ
Favourite quote of the book:
‘Spend your free time the way you like, not the way you think you’re supposed to’ ใช้เวลาว่างในแบบที่คุณอยากจะใช้ ไม่ใช่ใช้ในแบบที่คุณ’ควร’จะใช้ - Conclusion Page 265
สรุป:
1. Introverted นี่เจ๋งมากเลยอ่ะ!
2. เราเจอมุม Introverted ของตัวเองที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในหลืบเพราะว่าชีวิตที่ผ่านมาถูกหล่อหลอมให้เป็น Extroverted (จนตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจริงๆแล้วตัวเองเป็นคน Introverted หรือ Extroverted กันแน่) และเราได้เอามุมนั้นออกมาจากหลืบ ปัดฝุ่น และเริ่มมองมุมนี้ให้ดีขึ้นแบบไม่ลำเอียงว่ามันไม่เท่ เรารู้สึกเป็นตัวเองและชอบตัวเองมากขึ้น สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองเป็นคน Extroverted ลองอ่านเล่มนี้ดู คุณอาจค้นพบว่าคุณไม่ใช่ก็ได้นะคะ :)
3. คน ⅓ หรือครึ่งหนึ่งบนโลกใบนี้เป็น Introverted ดังนั้นไม่ว่าในการทำงาน เพื่อน หรือ แฟน การให้พื้นที่กับคนเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญมาก เราเข้าใจแฟนเราที่เป็น Introverted มากขึ้นมาก บางครั้งการที่เค้าอยากอยู่คนเดียวไม่ใช่เพราะเค้าไม่อยากอยู่กับเราแต่เป็นเพราะนั่นเป็นการชาร์จพลังงานในอีกแบบหนึ่งของเค้าต่างหาก
ชื่อหนังสือ: Quiet - The Power of Introverts in a World That Can’t Stop Talking
คนเขียน: Susan Cain
ชนิดของหนังสือ: Non-fiction
ระดับความแนะนำให้อ่าน: 4.5/5
ความยาว: 333 หน้า
ทั้งหมดเป็นเพียงข้อคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ตั้งใจจะเก็บรีวิวพวกนี้ไว้อ่านเองเวลาลืมว่าเคยอ่านอะไรไปแล้วบ้างเท่านั้นนะคะ
โฆษณา