4 ก.พ. 2020 เวลา 02:57
“ใบปลิวใบสุดท้าย”
เด็กชายตัวเล็ก ๆ สวมเสื้อผ้าของเขาเพื่อสู้ความหนาวเย็นแล้วบอกกับพ่อของเขาว่า:
"พ่อครับ ผมพร้อมแล้ว"
พ่อของเขาซึ่งเป็นศิษยาภิบาลพูดว่า: "พร้อมแล้วสำหรับอะไรหรือ?"
"พ่อ ถึงเวลาออกไปข้างนอกเพื่อแจกใบปลิวของเราแล้ว"
พ่อตอบว่า: "ลูก ข้างนอกมันหนาวมากนะ และมันก็เปียก"
เด็กดูประหลาดใจกับคำตอบของพ่อและพูดว่า: "แต่พ่อ คนต้องรู้เกี่ยวกับพระเจ้าแม้ในวันฝนตกนะ"
พ่อตอบว่า "ลูก พ่อจะไม่ออกไปข้างนอกในสภาพอากาศแบบนี้หรอก"
ด้วยความสิ้นหวังเด็กพูดว่า: "พ่อ ผมจะไปคนเดียวได้มั้ย ผมขอร้อง ได้โปรด!"
พ่อของเขารออยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า: "เอ้า ลูกไปก็ได้ ใบปลิวอยู่นี่ ระวังตัวด้วยนะ"
"ขอบคุณครับพ่อ!"
และด้วยสิ่งนี้ลูกชายก็ออกไปในสายฝน เด็กวัย 11 ปีเดินไปตามถนนทุกแห่งในหมู่บ้านแจกใบปลิวให้กับคนที่เขาเห็น
หลังจากเดิน 2 ชั่วโมงท่ามกลางสายฝนและความหนาวเหน็บและด้วยใบปลิวใบสุดท้ายในมือของเขา เขาก็หยุดที่มุมหนึ่งเพื่อดูว่าจะเห็นใครบางคนที่จะให้ใบปลิวได้หรือไม่ แต่ถนนนั้นว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง จากนั้นเขาก็หันไปที่บ้านหลังแรกในบริเวณใกล้เคียง เขาเดินไปที่หน้าประตู กดกระดิ่งหลายครั้งและรอ แต่ไม่มีใครออกมาเปิดประตู
ในที่สุด ขณะที่เด็กชายกำลังจะก้าวเท้ากลับ แต่มีบางสิ่งบางอย่างหยุดเขาไว้ เด็กคนนั้นหันกลับไปที่ประตูและเริ่มกดกระดิ่งอีกครั้ง และเคาะประตูอย่างแรงด้วยมือของเขา เขาคอยต่อไป ในที่สุดประตูก็เปิดออกเบา ๆ
ผู้หญิงออกมาด้วยสีหน้าเศร้ามากและถามอย่างอ่อนโยน:
"ฉันจะทำอะไรเพื่อหนูได้มั๊ย เด็กน้อย?
ด้วยดวงตาที่ประกายและรอยยิ้มที่สดใสเด็กจึงพูดว่า:
"คุณยายครับ ผมขอโทษถ้าผมมารบกวนคุณยาย แต่ผมแค่อยากจะบอกคุณยายว่าพระเจ้าทรงรักคุณยายจริง ๆ และผมก็มาเพื่อมอบใบปลิวใบสุดท้ายที่พูดถึงพระเจ้าและความรักอันยิ่งใหญ่ของพระองค์
เด็กชายจึงมอบใบปลิวให้เธอ
เธอได้แต่ตอบว่า "ขอบคุณพระเจ้า ขอพระเจ้าอวยพรหนูนะ!"
ในเช้าวันอาทิตย์ถัดมาศิษยาภิบาลอยู่หน้าธรรมมาศน์และก่อนเริ่มการนมัสการเขาถามที่ประชุมว่า:
"มีใครอยากเป็นพยานหรือต้องการแบ่งปันบางอย่างมั๊ย?"
ในแถวหลังของคริสตจักร หญิงชราลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ เมื่อเธอเริ่มพูด ดวงตาของเธอก็เริ่มเปล่งประกาย:
"ไม่มีใครในคริสตจักรแห่งนี้รู้จักฉัน ฉันไม่เคยมาที่นี่แม้แต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันไม่ใช่คริสเตียน
สามีของฉันเสียชีวิตไปสักพักหนึ่งแล้วเขาทิ้งฉันไว้คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว วันอาทิตย์ที่แล้วเป็นวันที่หนาวเย็นอย่างที่สุดวันหนึ่งและฝนก็ตก และหัวใจของฉันก็เป็นเหมือนกัน ในวันนั้นฉันรู้สึกอ้างว้าง เหมือนการเดินทางของฉันมาถึงที่สิ้นสุด เพราะฉันไม่มีความหวังและไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
จากนั้นฉันลากเก้าอี้มา ขึ้นไปบนห้องใต้หลังคาพร้อมกับเชือกในมือ ฉันมัดเชือกด้านนึงกับคาน มัดปมปลายเชือกด้านหนึ่ง จากนั้นฉันปีนขึ้นไปบนเก้าอี้แล้วเอาวางเชือกไว้รอบคอของฉัน
จากนั้นฉันก็ยืนบนเก้าอี้คนเดียวด้วยใจที่แตกสลาย และเมื่อฉันกำลังจะถีบเก้าอี้ทิ้ง ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงคนเคาะที่ประตู
ตอนนั้นฉันคิดว่า: "ฉันจะรอสักหนึ่งนาทีและไม่ว่าเป็นใครก็ตาม พอไม่มีเสียงแล้วฉันก็พร้อมที่จะแขวนคอตาย"
ฉันรอและรอ แต่เสียงเคาะประตูดังขึ้นและดังขึ้นทุกครั้ง มันดังมากจนฉันไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกแล้ว
ฉันสงสัยว่าจะเป็นใครไปได้ ไม่เคยมีใครเข้ามาใกล้ประตูบ้านของฉันหรือมาเยี่ยมฉันสักคนเดียว!
ฉันแกะเชือกจากคอของฉันแล้วเดินไปที่ประตูในขณะที่กระดิ่งยังดังขึ้นๆ อยู่และยังมีทุบประตูอยู่
เมื่อฉันเปิดประตู ฉันไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง ที่หน้าประตูของฉันเป็นเด็กที่สดใสและเหมือนทูตสวรรค์ที่มีรัศมีเจิดจ้าที่สุดที่ฉันเคยเห็น
เขายิ้มให้ฉัน โอ้โห ฉันอธิบายไม่ถูกเลย! คำพูดที่ออกมาจากปากของเขาทำให้หัวใจของฉันที่ตายมานานแล้วก ลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมื่อเขาพูดด้วยเสียงของเครูปว่า: "คุณยายครับ ผมแค่อยากจะบอกคุณยายว่าพระเจ้ารักคุณยายจริง ๆ "
เมื่อเทวดาตัวน้อยหายไปจากความหนาวเย็นและฝนฉันก็ปิดประตูและอ่านคำพูดในใบปลิวนั้นทุกคำ
จากนั้นฉันไปที่ห้องใต้หลังคาเพื่อปลดเก้าอี้และเชือก
ฉันไม่ต้องการพวกนั้นอีกต่อไป อย่างที่คุณเห็น. ตอนนี้ฉันเป็นลูกสาวที่มีความสุขของพระเจ้า
1
เมื่อเด็กชายคนนั้นเดินออกไปจากบ้านฉัน ฉันเห็นเขามาทางคริสตจักรนี้ ฉันเลยอยากมาขอบคุณทูตสวรรค์ตัวน้อยของฉันเป็นการส่วนตัว เพราะเขามาทันเวลาและที่จริงแล้วเขาช่วยชีวิตฉันให้รอดจากนรกชั่วนิรันดร์ และแทนที่ด้วยชีวิตนิรันดร์ในพระเจ้า "
ทุกคนในโบสถ์ต่างร้องไห้
ศิษยาภิบาลลงมาจากธรรมมาศน์มายังเก้าอี้ที่อยู่แถวหน้าสุดซึ่งทูตสวรรค์องค์น้อยนั่งอยู่ เขากอดลูกชายของเขาไว้ในอ้อมแขนและร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้
-
-
-
อย่าให้ข้อความนี้ตายเพราะความหนาว หลังจากอ่านแล้วให้ส่งต่อให้ผู้อื่น
โปรดจำไว้ว่าข่าวประเสริฐของพระเจ้าสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของใครบางคน อย่ากลัวที่จะเผยแพร่ข่าวประเสริฐ
โฆษณา