ความสุขจากการทำสิ่งที่มีคุณค่า
วันก่อนซีซาร์ เพื่อนร่วมงานชาวฟิลิปปินส์ที่อาศัยอยู่ที่เมือง Portland มลรัฐ Oregon โทรมาทักทาย สอบถามทุกข์สุข และเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในประเทศไทย
ซีซาร์เล่าว่า ช่วงนี้เขาเลิกไปซื้อกับข้าวที่ร้านขายของชำของคนเอเชียด้วยกัน (Asian grocery stores) เพราะความกังวลในเรื่องการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา
ส่วนในบ้านเราเอง มี:
1) ข่าวที่น่าชื่นชม ที่คนไทยมีน้ำใจงดงาม เข้าใจถึงความรู้สึกของเพื่อนบ้านชาวจีน ให้ความช่วยเหลือชาวจีน โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ผู้ซึ่งได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจากคณะทีมแพทย์และพยาบาลของไทย ไม่มีผู้ป่วยชาวจีนที่ติดเชื้อไวรัสนี้เสียชีวิตในไทยสักรายเดียว และ
2) ข่าวที่มีนักการเมืองอีกฟากหนึ่งต้องการให้รัฐบาลใช้นโยบายปิดประเทศเพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อตัวนี้ ดังเช่น ประเทศอื่น ๆ ที่ได้ทำกัน
ผมลองมาคิดดูเล่น ๆ ว่า ถ้าผมเองยังใช้ชีวิต ณ ขณะนี้ตามปกติที่ประเทศสหรัฐอเมริกา (เหมือนที่เคยอยู่มา 20 กว่าปี) เดินเข้าร้านอาหาร ไปห้างสรรพสินค้า หรือตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ แล้วมีผู้คนท้องถิ่นเริ่มรู้สึกรังเกียจ ไม่อยากเข้าใกล้ หรือไม่ให้ผมใช้บริการ เพราะหน้าตาผมเป็นคนเอเชียเหมือนคนจีนทั่วไป ผมคงจะรู้สึกเสียใจไม่น้อยเช่นกัน
เรื่องนี้เราคงไม่สามารถบังคับใครให้คิด หรือทำในสิ่งที่ถูกที่ควรได้ เนื่องจากสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ทุกคนต้องการความอยู่รอด ปลอดภัย คิดถึงตัวเองไว้ก่อนเป็นหลัก
พระไพศาล วิสาโล ได้กล่าวถึงเรื่อง
"การเป็นคนดี คนเก่ง และคนที่มีความสุข"
ตอนหนึ่งจากหัวข้อ “เติมสุข ปลุกสติ” ว่า
1) เราควรนึกถึงผู้อื่นให้มากกว่าตัวเอง
จะนึกถึงตัวเองด้วยก็ได้แต่ให้นึกถึงคนอื่นให้มาก ๆ
2) การเข้าถึงความสุขที่ไม่อิงวัตถุ หรือความสุขที่ไม่ติดอยู่กับการเสพวัตถุ
3) รู้จักพึ่งความเพียรของตัว ไม่หวังลาภลอยคอยโชคและนิยมทางลัด
ความสุขมี 2 ประเภท คือ
1) ความสุขจากการเสพวัตถุ
2) ความสุขจากการทำสิ่งที่มีคุณค่า
ความสุขจากการเสพนี้ต้องใช้เงิน แต่เสพเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอเสียที นี่คือปัญหาของคนสมัยใหม่ ...คือติดกับความสุขจากการเสพ
แต่ถ้าหากชวนให้เขามาพบกับความสุขจากการทำสิ่งที่มีคุณค่า . . .
เริ่มจาก ...
มีความสุขจากการเรียน
มีความสุขจากการทำสิ่งที่ยากให้สำเร็จ
... จนเกิดความภาคภูมิใจ หรือว่า
"มีความสุขที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น"
ความสุขเพราะภาคภูมิใจ
ความสุขเพราะได้ทำความดี
ได้เห็นคนอื่นมีความสุข
ความสุขแบบนี้ยั่งยืนกว่า
และมีผลดีต่อชีวิตจิตใจของเรา
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ประชาชนชาวจีนจำนวนมากประสบปัญหาที่ไม่ได้เป็นความผิดของเขา เขาต้องการความเข้าใจ ความช่วยเหลือ เหมือนกับที่เราทุกคนต้องการไม่ว่าจะเป็นคนชาติใดก็ตาม
ผมนึกถึงสำนวนไทย "เอาใจเขามาใส่ใจเรา"
ซึ่งภาษาอังกฤษมีสำนวนที่ใกล้เคียงว่า
"to put yourself in someone else's shoes"
แปลว่า ให้ลองสวมรองเท้าของเขาดู จะได้รู้ว่าเป็นยังไง อะไรทำนองนั้น
อยากให้คนไทยเรามีความเมตตากรุณา (compassion) ต่อเพื่อนชาวจีนในช่วงเวลาที่เขาประสบความยากลำบาก
เพราะในที่สุดแล้ว ความเมตตาและกรุณานั้น จะส่งบุญกุศลกลับมายังเราเอง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
#JourneyJournalbyPichai
February 4, 2020
Picture credit: From Internet
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
