5 ก.พ. 2020 เวลา 12:19 • บันเทิง
New! เรื่องสั้น : ขอเพียงได้เอ่ยคำ
แสงไฟสว่างจ้าข้างหน้ากำลังรอผมอยู่ หัวใจเต้นโครมคราม มือที่เย็นเฉียบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คอที่เริ่มแห้งจนรู้สึกกลืนลำบาก และความรู้สึกที่เคยเป็นเมื่อยี่สิบปีก่อนกำลังเกิดขึ้นอีกครั้ง
ผมก้าวเท้าเดินไปข้างหน้า เพื่อโอกาสนี้ โอกาสที่อาจเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตที่จะได้ทำมัน โอกาสที่เคยทำหลุดมือไปครั้งหนึ่งแล้ว และวันนี้พระเจ้าประทานมันให้ผมอีกครั้ง และผมจะทำให้ดีที่สุดไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
"ไอ้ต๊อบ มึงมายืนด้วยกันตรงนี้สิว่ะ อะไรของมึงเนี่ย" เพื่อนผมตะโกนให้ลงไปยืนข้างกันกับเหล่าเพื่อนตัวแสบประจำห้องที่แถวหน้าสุด แต่ผมทำหูทวนลมและยังคงยืนอยู่ตรงนี้ที่เดิม ที่ที่มีเพียงเพื่อนอีกคนขั้นกลางระหว่างเราสองคน เธอคนนั้นกับผมมัดรวบหางม้ายาวสีดำสนิท รอยยิ้มที่เธอส่งออกไปให้กล้องข้างหน้า นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมยิ้ม และนั่นคือรูปคู่ใบแรกของเรา แม้ว่าจะมีเพื่อน ๆ ในรูปอีกห้าสิบเอ็ดคนอยู่เต็มภาพไปหมดก็ตาม
แต่สำหรับผม มันคือรูปคู่ เพราะโลกทั้งโลกแทบหยุดหมุน เมื่อยามที่ผมอยู่ข้าง ๆ เธอ ทุกอย่างหยุดเคลื่อนไหว มีแต่หัวใจเท่านั้นที่ยังเต้นจนรู้สึกได้
"ไอ้ต๊อบไปเตะบอลกันมึง" ไอ้ทอมเพื่อนผมเดินเข้ามาทักจากข้างหลัง ผมรีบคว้าสมุดที่กำลังเขียนซ่อนลงใต้โต๊ะ
"ไอ้ต๊อบ มึงเขียนอะไรว่ะ ไหนเอามาดูซิ" ไอ้ทอมรีบล้วงมือเข้ามาแย่ง
"ทอม มึงอย่ายุ่งน่า เรื่องส่วนตัวกู" ผมรีบผลักอกมันออกไป
"อะไรว่ะมึง เดี๋ยวนี้มีความลับกันเพื่อนเหรอว่ะ หรือว่า….มึงจะเขียนจดหมายรักจีบใคร มึงจีบใคร บอกกูที ใช่ม่ะ มึงจะจีบใครแน่ ๆ" ไอ้ทอมเริ่มพูดจาเลอะเทอะไปกันใหญ่
"เออ สาวห้องสิบโน่น มึงอย่าเสือกพูดไปล่ะ กูบอกมึงคนเดียวเลย เอาแค่นี้พอ" ผมชักสีหน้าทำทีไม่พอใจ พร้อมบอกข้อมูลปลอม ๆ เพื่อให้มันไขว้เขว่ จะบอกเรื่องจริงว่าผมจะจีบหญิงสาวพราวเสน่ห์ที่สุดในห้องได้ยังไง เพื่อนคงล้อกันจนอายยันลูกบวช นั่นคงไม่ดีแน่
"ต๊อบ มึงเตรียมใจไว้บ้างนะเว้ย เตี้ย ตัวดำ เตะบอลอย่างพวกเรา สาว ๆ เขาไม่สนหรอก เขาสนพวกนักบาสโน่น เตรียมอกหักไว้เลยละกันนะมึง กูไปเตะบอลดีกว่า" ทอมจากไปพร้อมลูกบอลในมือ
ส่วนผมหยิบสมุดขึ้นมา และเริ่มเขียนกลอนที่แต่งไว้ให้เธอต่อ ผมไม่รู้หรอกว่าเธอจะมีโอกาสอ่านมันไหม แต่มันคือวิธีการระบายความรู้สึกอย่างหนึ่งของผม เพราะไม่อย่างนั้น ผมคิดว่าความรู้สึกที่อัดอั้นคงจะระเบิดออกจากหน้าอกผมสักวัน
ผ่านจากวันเป็นเดือน เดือนเป็นปี จากปีกลายเป็นสิบปี และจากสิบปีกลายเป็นยี่สิบปี
ยี่สิบปีที่ผมเฝ้ามองเธอมาตลอด จากผมหางม้ามัดรวบ เธอเปลี่ยนทรงเป็นผมยาวสวยแบบสาววัยรุ่นในมหาวิทยาลัย เราแยกย้ายกันหลังจบมอปลาย แต่เธอไม่เคยหายไปจากใจผม เธอยังอยู่ตรงนั้นเสมอ
เธอมีคนมาคบด้วยหลายคน ไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย ด้วยรอยยิ้ม หน้าตา และเสียงหัวเราะที่สดใส ใครอยู่ใกล้แล้วไม่ตกหลุมรักเธอก็คงประหลาด
เพียงแค่คนที่เข้ามาในชีวิตเธอ ไม่เคยมีผมอยู่ตรงนั้น ก็แค่นั้นเอง
เธอเรียนจบและผันตัวเข้าสู่วงการบันเทิง ได้เป็นทั้งดีเจและดารา ผู้คนรายล้อมและเข้าหาเธอ รวมถึงชายคนนั้นด้วยเช่นกัน
เพื่อนหลายคนไปร่วมงานแต่งงานของเธอ รูปถ่ายถูกส่งต่อกันมาในโซเชียลมีเดีย ผมได้แต่มองผ่านหน้าจอมือถือ ยินดีกับเธอที่เธอได้พบรักและมีคนดูแลข้างกาย แม้ว่าน้ำตาของผมจะไหลจนหยดลงบนจอ ภาพหน้าจอเลื่อนเปี่ยนไปเองเพราะเปียกหยดน้ำ
ราวกับมันพยายามบอกว่าให้ลืมเธอเสีย แต่เปล่าประโยชน์ เธอไม่เคยออกจากหัวใจผมไปไหน
ผมยังเฝ้ามองเธอห่าง ๆ ผ่านโซเชียลอื่น ๆ มีบ้างที่ทักทายไปตามประสาเพื่อนเก่าสมัยมัธยม ซึ่งผมคิดว่าเธอคงจำไม่ค่อยได้หรอก ดูจากคอมเม้นที่ตอบกลับก็พอเดาได้ แต่ผมไม่เคยมีวันไหนที่จะไม่เปิดดูเรื่องราวของเธอ ก่อนจะข่มตานอนลงได้ในแต่ละคืน
ผมจบมาและมาทำงานเขียนบทโทรทัศน์ มีละครหลายเรื่องที่ผมเป็นคนเขียนบท และแน่นอนว่าในบทละครพวกนั้นมีเศษเสี้ยวความรู้สึกของผมปนเปอยู่ในนั้นด้วย ผมคงบอกเธอไม่ได้ แต่ผมเล่าเรื่องราวของผมผ่านตัวละครบางตัวได้ แต่เธอคงไม่รู้หรอก ว่าทำไมตัวละครบางตัวแม้จะรักกันแค่ไหน แต่ไม่ง่ายเลยที่เขาจะได้ครองรักกันแบบคนทั่วไปได้ แม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม
"เพื่อน ดูข่าวเมื่อเช้ารึยัง ต้อม เลิกกับแฟนแล้วนะ" บทสนทนาในกลุ่มไลน์เพื่อนมัธยมที่สนิทกันเด้งขึ้นมา
ผมรีบเปิดค้นหาข่าวทันที มีนักข่าวไปถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอตอบคำถามอย่างเรียบเฉย แต่นั่นคือความเจ็บปวดที่ผมรู้ได้ทันที สำหรับคนที่มีแต่รอยยิ้มอย่างเธอ นี่แสดงว่าความรู้สึกข้างในนั้นร้าวรานแค่ไหน
ผมร้องไห้ไปกับเธอ เพราะรู้ว่าการที่เราต้องเสียใจที่ความรักมันไม่ลงตัวมันเจ็บปวดขนาดไหน เพราะเวลาของผมเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันได้ดี
"ต้อม ไม่ลองไปออกรายการนี้ดู เผื่อจะได้เจอใครสักคนก็ได้นะ" ผมส่งข้อความไปหาเธอเผื่อว่าเธอจะสนใจ และการค้นพบความรักครั้งใหม่มันอาจเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอลงได้บ้างก็คงดี ซึ่งเธอก็สนใจที่จะมาออกรายการที่ผมแนะนำนั่นเช่นกัน
นั่นเองคือสาเหตุที่ผมต้องมายืนตรงนี้ ท่ามกลางห้องอัดของรายการหาคู่ที่ว่า และตอนนี้ผมยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว พร้อมหัวใจเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอมีท่าทีสับสนเล็กน้อยทันทีที่ผมเดินออกไปกลางเวที
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จนผมแทบจำรายละเอียดไม่ได้
มีช่วงตอบคำถาม เหล่ากูรูความรักระดมคำถามใส่ผม ผมตอบไปตามความรู้สึกที่มี เวลามองไปดูที่ที่เธอนั่งอยู่ เธออดหัวเราะกับเรื่องราวที่ผมปิดบังมานานไม่ได้ เรื่องราวความรักที่ผมมีต่อเธอตลอดยี่สิบปีกำลังค่อย ๆ ถูกเปิดออกจากกล่องแห่งความลับในใจผมทีละน้อย
"คุณมีความในใจอะไรอยากบอกกับสาวโสดของเรา เชิญครับ" พิธีกรชายกล่าวนำมาก่อน
ผมพยายามหาคำพูดดี ๆ ที่จะบอกออกไป แต่มันก็ยากเหลือเกิน ทั้งตะกุกตะกัก และจุกอยู่ในอกจนบางทีพูดไม่ออกว่าจะบอกอะไรเธอดี จนภาพในจินตนาการของผมเห็นเธอนั่งจมกองน้ำตาในห้องนอนเพียงลำพัง กับคำถามมากมายเรื่องชีวิตคู่ที่เพิ่งจบลง นั่นทำให้ผมตัดสินใจพูดออกไป
"ผมแค่อยากบอกกับเขาว่า ..เอ่อ..ไม่ว่าเขาจะเจออะไรในชีวิตมาก็ตาม...ผมจะคอยเป็นกำลังใจให้เขาตลอดครับ" แล้วน้ำตาเจ้ากรรมของผมก็ดันเล็ดลอดออกมาจนได้
เสียงปรบมือดังสนั่นห้องอัด กูรูหลายคนเช็ดน้ำตา พิธีกรประกาศให้เธอถือช่อดอกไม้มามอบให้ชายคนที่เธอเลือกเพื่อเริ่มต้นความรักครั้งใหม่
เธอเดินวนไปมารอบ ๆ ตัวผม หันไปมองชายหนุ่มอีกสองคนที่อยู่ข้าง ๆ สลับกันไปมา ตอนนั้นหัวใจผมแทบหยุดเต้น เพียงหวังเล็ก ๆ ว่าความจริงใจที่ผมบอกไป จะส่งไปถึงใจเธอได้สักหน่อยก็คงดี
รู้ตัวอีกทีช่อดอกไม้ก็ถูกยื่นมาให้ผมจริง ๆ หัวใจผมเต้นจนไม่ได้ยินเสียงอะไรในก้องอัดอีกต่อไป ทั้งเสียงพลุเอฟเฟค เสียงปรบมือร้องโห่ดีใจ หรือเสียงประกาศของพิธีกร ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจของผมบอกว่า
"มึงทำได้แล้วเว้ย เขารับรู้ถึงความรู้สึกของมึงแล้ว"
ในช่วงสุดท้ายหลังเปิดเผยสถานะว่าผมเป็นหนุ่มโสดจริง ๆ ที่มาเพื่อบอกรักเธอ คำที่เก็บเอาไว้เพียงคนเดียวมาตลอดยี่สิบปี วันนี้ได้บอกกับเธอตรงหน้าแล้ว
"วันนี้คุณทั้งคู่ได้พบกันแล้ว คุณมีอะไรในใจอยากจะบอกคุณต้อมอีกไหมครับ" พิธีกรชายกล่าว
ผมค่อย ๆ บอกความในใจตลอดยี่สิบปีมี่ผ่านมาด้วยคำพูดไม่กี่ประโยคที่พอจะทำได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดตลอดเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่ผมต้องการบอกกับเธอก็คือ
"ผมไม่รู้ว่าครั้งนี้จะเป็นโอกาสครั้งสุดท้ายหรือเปล่า ที่ผมจะมีโอกาสได้บอกกับเขาถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจมานาน แต่มันคงถึงเวลาที่ผมต้องบอกความรู้สึกนี้กับเขาแล้ว...อย่างน้อยก่อนตายก็ได้มีโอกาสบอกเขา แค่นี้ก็รู้สึกดีขึ้นเลยเยอะครับ" ผมยิ้มด้วยความรู้สึกที่ได้ปลดพันธนาการบางอย่างออกจากหัวใจ ต่อหน้าคนที่ผมอยากเอ่ยคำนี้กับเธอมาเกือบตลอดชีวิต
"ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ รู้สึกดีใจมาก ที่รู้ว่ายังมีคนที่รักเราจริง รักมาได้ยาวนานขนาดนี้ ดีใจมาก ๆ จริงนะ ขอบคุณนะ ขอบคุณ" เธอเอ่ยบอกผมทั้งน้ำตา
จากนั้นเราโอบกอดกันเล็กน้อย
ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอึดอัดอะไรอีกแล้ว สิ่งที่ผมตั้งใจได้ทำก็ได้ทำเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว ผมพร้อมที่จะเจอกับทุกสิ่งที่จะตามมาในอนาคตแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
เพราะวันนี้ ผมได้พูดความจริง ความจริงในใจตลอดยี่สิบปีที่แอบรักเธอข้างเดียวมาตลอด แม้ว่าวันข้างหน้ามันจะยังคงเป็นรักข้างเดียวตลอดไป แต่วันนี้เธอคนนั้นได้รับรู้มันแล้ว
เด็กผู้หญิงกับผมรวบหางม้าในวันนั้นหันมาสบตาผม เด็กชายตัวดำเพราะตากแดดเตะบอลกำลังอ่านบทกลอนที่เขาแต่งขึ้นให้เธอฟัง เธอส่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะปนเขินมาให้ กลอนแปดแบบตะกุกตะกักของผมยังทำหน้าที่ของมันอย่างดี เธอยิ้มพร้อมน้ำตารื้น
"ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ"
แค่นี้ผมก็ตายตาหลับแล้วในชาตินี้ ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงก็ตาม
ด้วยแรงบันดาลใจจาก
หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งคู่จะไปต่อหรือไม่ ถ้าอยากรู้ไว้จะมาเฉลยทีหลังนะ
แต่ที่แน่ ๆ คุณได้บอกความในใจของคุณกับเขาหรือยัง ถ้ายัง คุณจะรอจนวันที่ไม่มีโอกาสอย่างนั้นหรือ
ผมเชื่อว่าความรักไม่ใช่สิ่งเลวร้าย การบอกใครสักคนไม่ได้ทำให้โลกวินาศ แต่การเก็บกอดไว้เพียงลำพัง แล้วรอจนวันที่สายไป นั่นอาจทำให้โลกของคุณพังพินาศเข้าจริง ๆ ก็เป็นได้
เขารอคำสารภาพของคุณอยู่นะ เชื่อสิ
#BD love together

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา