5 ก.พ. 2020 เวลา 10:52 • ธุรกิจ
มาแล้ว! สรุปของงาน “Suthichai Academy Talk Show” ปรับตัวให้ทัน! กับก้าวต่อไปของ Digital Disruption
คุณสุทธิชัย หยุ่น — ผู้ก่อตั้ง Suthichai Live และอดีตประธานกรรมการ Nation
โดยผู้ที่เป็น Speakers ของงานในครั้งนี้ก็คือ
1.คุณสุทธิชัย หยุ่น — ผู้ก่อตั้ง Suthichai Live และอดีตประธานกรรมการ Nation
.
2.คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (คุณท๊อป)— Group CEO bitkub
โดยเนื้อหาหลักของงานในครั้งนี้มาในธีม “ก้าวต้องไปของ Digital Disruption” เพื่อที่จะสร้างความตื่นตัวในเรื่องของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้
“ทุกคน ทุกอาชีพเจอปัญหานี้เหมือนกันหมด แต่เราจะปรับตัวให้ทันโลกได้อย่างไร? ใครที่ยังไม่คิดจะปรับตัว อาจจะต้องถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วก็เป็นได้” เป็นคำพูดแรก ๆ ของคุณสุทธิชัย หยุ่น หลังจากขึ้นเวทีมาทักทายกับทุกคนในวันนี้
และยังเปรียบเทียบกับ “กบที่อยู่ในหม้อต้ม” แรก ๆ กบก็อยู่ในน้ำเย็นสบาย แต่เมื่อน้ำค่อย ๆ อุ่นขึ้น กบนั้นปรับตัวไม่ทัน ไม่ยอมออกจากหม้อ รู้ตัวอีกทีน้ำเดือด กบตัวนั้นก็ตายซะแล้ว
.
หวังว่าทุกคนจะไม่เป็นกบตัวนั้น!
.
การสรุปในครั้งนี้ผมตั้งใจอยากให้ส่งต่อเนื้อหาของงาน Talk Show ดี ๆ แบบนี้ให้ผู้คนรับรู้ได้มากขึ้น และตื่นตัวมากขึ้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่ได้อ่านครับ…
ช่วงเริ่มงาน
คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา (คุณท๊อป)— Group CEO bitkub
ก่อนเข้าเนื้อหาหลังคุณท๊อปได้พูดถึงความแตกต่างระหว่าง Innovation และ Disruption ไว้ดังนี้
.
1. Innovation : การสร้างสิ่งใหม่ ที่ดีกว่าสิ่งเก่าที่เคยมีมา อาจจะดีขึ้นเพียงเล็กน้อยก็ได้
.
2. Disruption : การสร้างสิ่งใหม่ โดยทำให้สิ่งเก่าล้าสมัยและอาจจะหายไป เหมือนรถยนต์ที่เกิดขึ้นมาแทนที่รถม้านั้นเอง
หลังจากนั้นได้ขึ้นมาพูดถึงเรื่อง ความรวดเร็วในการพัฒนาเทคโนโลยีสมัยนี้ มันไม่ใช่การเติบโตแบบ “Linear (เส้นตรง)” แต่มันเป็นเติบโตแบบ “Exponential” ดูภาพด้านบนจะเข้าใจมากขึ้นว่าเป็นอย่างไร
.
100 ปีที่ผ่านมา โลกได้พัฒนาไปแค่ 3% ที่ผ่านมาโลกนั้นพัฒนาช้ามาก เห็นได้ว่า Iphone พึ่งมีแค่เพียง 10 ปีหลังเท่านั้น แต่อีก 10 ปีข้างหน้าโลกจะพัฒนาเร็วขึ้นมาก จาก 3% จะกลายเป็น 96% เลยทีเดียว
จะเห็นได้ว่าต้นทุนของการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์นั้นถูกลงมาก และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
.
หรือชิปก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีขนาดเล็กลง ถูกลงกว่า 250 เท่าแต่มีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมหาศาล และมันเป็นพื้นฐานที่จะทำให้พัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาอีกเรื่อย ๆ ในอนาคตอันใกล้
จากกราฟด้านบน จะเห็นได้ชัดเจนว่าธุรกิจนั้นใช้เวลาเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ในการทำให้มูลค่าธุรกิจทะลุ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท)
.
Microsoft ใช้เวลา 10 ปี
Amazon ใช้เวลา 5 ปี
Airbnb ใช้เวลา 2 ปี
Luckin Coffee ของประเทศจีนใช้เวลาเพียง 18 เดือน
และอนาคตอาจจะใช้แค่ไม่กี่วัน หรือไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นได้…
.
เราอยู่ในยุคที่อดีตไม่สามารถทำได้ เราโชคดีมากที่สามารถใช้สิ่งที่คนยุคที่แล้วสร้างไว้ให้เรา
ต้องขอบคุณ Steve Job ที่สร้าง Smart Phone ใส่กระเป๋าของทุกคน ขอบคุณ Mark Zuckerberg ที่สร้างช่องทางให้เราพบปะกันได้จากทุกมุมโลกผ่าน Facebook และถือเป็นเครื่องมือทางการตลาดชั้นดีของโลกยุคนี้
Blockbuster & Netflix
แต่โอกาสนั้นอยู่กับคนที่มองเห็น ยกตัวอย่าง Netflix ในอดีตเคยไปเสนอขายบริษัทให้กับบริษัทเช่าหนังชื่อดังอย่าง Blockbuster เพียง 50 ล้านเหรียฐสหรัฐ แต่ในตอนนั้น Blockbuster เป็นเจ้าตลาด ไม่ได้เห็นถึงโอกาสที่ Netflix หยิบยื่นให้จึงได้ปฏิเสธไป จนต่อมาบริษัทก็พังไม่เป็นท่าจากการเปลี่ยนของโลกยุคใหม่
เช่นเดียวกับบริษัทที่ทุกคนน่าจะรู้จักดีอย่าง Kodak(โกดัก) ที่โดย Disrupt จากกล้อง Digital ทั้ง ๆ ที่พนังงานบริษัทตัวเองสามารถคิดนวัตกรรมกล้อง Digital ก่อนที่จะมันจะออกมาด้วยซ้ำ แต่ CEO บอกว่าให้เอาไปซ่อนเพราะเห็นว่าตอนนั้นยอดขายของกล้องฟิล์มยังเติบโตดี
CEO มี 2 รูปแบบ คือ
.
1.Short Term Profit : มองกำไรระยะสั้น
.
2.Long Term Profit : มองการอยู่รอดในระยะยาว
.
ทั้ง ๆ ที่คนชอบถ่ายรูปมากขึ้นอย่างมหาศาลในเวลาที่ผ่านมา แต่ Kodak ก็เจ๊งได้ เราต้องปรับเปลี่ยนการบริการให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละยุคสมัย
เหมือนกับ Jeff Bezo — CEO, Amazon ที่ตอนแรกเน้นการขายหนังสือที่เป็นกระดาษ แต่กล้าออกสินค้าใหม่อย่าง Kindle ออกมาฆ่าหนังสือที่เป็นกระดาษของตนเอง และตอนนี้ยอดขาย Kindle ก็เติบโตแซงหน้าหนังสือแบบกระดาษไปแล้ว
“ถ้ากล้ายิงตัวเองที่ขา ก็จะไม่โดนคนอื่นยิงที่หัว”
แม้ว่าตอนนี้บริษัทประมาณ 93% นั้นรู้ตัวแล้วว่าเทคโนโลยีของยุคนี้เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่มีบริษัทเพียง 3% เท่านั้นที่พร้อมปรับตัวจริง ๆ มีจำนวน 54% ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำยังไงเพื่อรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น…
แล้วคุณล่ะอยู่ในกลุ่มไหน?
อ่านสรุปแบบเต็ม ๆ ได้ตามลิ้งด้านล่าง
#Suthichai #Suthichailive
#TheConclusion #อาสาสรุป
โฆษณา