6 ก.พ. 2020 เวลา 09:02 • ความคิดเห็น
The fault of our star ดาวบันดาล
ชัยยศ จิรพฤกษ์ภิญโญ (วิจารณ์ - แนะนำ)
สวัสดีหลานรัก
​ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลานคงมีโอกาสได้ดูภาพยนตร์เรื่อง the fault of our star ต้นฉบับมาจากวรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่ตอนต้น ถ้าหากหลานสนใจก็มีฉบับแปลไทย คนแปลตั้งชื่อเรื่องว่า ดาวบันดาล ก็ดุมีที่มาที่ไป เรื่องที่ลุงจะคุยกับหลานก็คือ เรื่องอาการเจบ้างป่วยของหลานนี่แหละ พอได้ดุภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อดคิดถึงหลานไม่ได้
ตัวเอกของเรื่องราว ทั้งพระเอกและนางเอกต่างก้เป็นวัยรุ่นอายุยังไม่ถึง ๑๘ ปีดี แต่โชคชะตาของพวกเขาก็สาหัสเอาการ ทั้งสองมีระเบิดเวลาในตัว คือ ต่างก็มีเชื้อมมะเร็งอยู่ในตัวทั้งคู่ นางเอกอาจจะดูร้ายแรงกว่าเพราะโรคร้ายมะเร้งปอดก็พร้อมจะมีอาการกำเริบและพรากชีวิตของเอไปได้ คงไม่แปลกนักที่เราจะเห็นนางเอกมีอาการหมดอาลัยตายอยาก ดูซึมเศร้า หลายคนคงมีอาการท้อแท้ ไม่อยากทำอะไรหากรู้ว่าอนาคตที่วาดฝันคงไม่มีวันมี สิ่งที่มองเห้นคือ ความตายตรงหน้า แต่น่าชมเชยในตัวพ่อแม่ของนางเอกที่เลือกจะส่งเสริมให้ลูกของตนค้นหาสิ่งดีๆ ในชีวิต ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา และที่ดีไปกว่านั้นคือ นางเอกก็เลือกที่จะแคร์ความรู้สึกของพ่อแม่ ยอมทำตามแม้จะไม่เห็นดีด้วยนัก
สิ่งที่ลุงชอบคือ เราอาจจะเลือกโชคชะตาไม่ได้นัก เราอาจจะประสบเหตุการณ์บางอย่าง พบเรื่องราวอะไรบางอย่าง ตรงนี้เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราเลือกได้ว่าเราจะมีท่าทีแบบไหนกับสิ่งที่เข้ามาหาเรา หลายคนเลือกที่จะโกรธ เศร้าเสียใจ หรือหลายคนอาจเลือกที่จะบ้าบอ ประชดชีวิต และสิ่งที่อยากบอกหลานคือ มันเป้นเรื่องสำคัญและจำเป้นมากเลยที่เราทุกคนจะต้องได้เรียนรุ้สิ่งนี้ เรียนรุ้ว่า เรามีทางเลือกเสมอ แน่นอนเราอาจมีตัวเลือกไม่ได้มากนัก แต่เรามีอำนาจมีอิสระในการเลือกเสมอ ฉากหนึ่งที่ลุงชอบ คือ ตัวพระเอกแกชอบคาบบุหรี่ ทั้งที่แกไม่ได้สูบ แกรุ้ว่าบุหรีเป็นอันตรายต่อสุขภาพ แต่ก็แค่คาบ ไม่สูบเพื่อบอกว่าแกมีอำนาจควบคุมที่จะอนุญาต หรือไม่อนุญาตให้สิ่งอันตรายเข้าสู่ตัวเอง คนเขียนคงอยากสื่อว่า วัยรุ่นก็คิดอะไรดีๆ เป็นเหมือนกัน
ลุงคงเขียนแต่ประเด็นที่ลุงสนใจ แง่มุมต่างๆ คงมีคนเขียนในวิจารณ์กันมากมาย มาเข้าเรื่องกันต่อ สิ่งที่ลุงชอบคือ วัยรุ่นบ้านเขาดุเหมือนอ่านหนังสือกันจริงจังดีนะ แต่ลุงอาจจะเข้าใจผิด ตัวเอกแกป่วย สุขภาพย่ำแย่แบบนั้น จะใช้เวลาเที่ยวเตร์ สนุกกับเพื่อนก็คงไม่ไหว การใช้เวลากับหนังสือ สนุกสนานกับการเรียนรู้ผ่านหนังสือ ลุงก็ถือว่าน่าชื่นชมทีเดียว อีกแง่มุมที่ชอบ สังคมบ้านเขาที่มีการตั้งกลุ่มช่วยเหลือ พูดคุย เยียวยาทางจิตใจ แต่ละคนได้มาปรับทุกข์กันแบบนี้ก็น่าจะดีที่คนเราได้มีช่องทางแบ่งปัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน เชื่อลุงเถอะ หลานรัก เราทุกคนต่างโหยหามิตรภาพ และต้องการสัมพันธภาพ เพียงแต่หลายคนไม่รู้วีธีที่จะได้มันมา และหลายคนก็ปล่อยให้ อคติความเชื่อ ความรู้สึก รวมถึงข้ออ้างต่างๆ มาปิดกั้น
​เรื่องราวโดยรวมคือ ตัวเอกสองคนที่ต่างเป็นมะเร็ง เป็นวัยรุ่นมารักกัน และวันหนึ่ง ความตายก็พรากอีกคนหนึ่งไป ทิ้งให้อีกคนยังมีชีวิตอยู่ แต่ตลอดเรื่องราวกลับทำให้คนดุอย่างลุง ติดตามเรื่องราวตลอด คงเพราะท่วงทำนองเรื่องราว มุมมองชีวิตและการเดินทางเพื่อนเรียนรู้ชีวิต เป้นภารกิจของทุกคน ลุงชอบมากกับการมีอิสระของวัยรุ่นที่ให้โอกาสพวกเขาได้เรียนรู้ผ่านการคิด การตัดสินใจ เสียดายพ่อแม่แบบบ้านเรารักมาก ห่วงมากจนเด็กๆ วัยรุ่นบ้านเราไม่รู้จักโต ลุงคิดว่า โจทย์ตั้งต้นคือ จะทำยังไงที่เราจะเลี้ยงดุโดยให้เขาเติบดตอย่างมีวุฒิภาวะ โดยเราทำหน้าที่เป็น พ่อแม่ เป็นพี่เลี้ยงที่คอยสนับสนุน มากกว่าการมุ่งแต่อุ้มชู แต่วัยรุ่นเองก็ต้องเรียนรู้ที่จะรับผิดชอบ ตนเอง ใครๆก็ต้องการมีเสรีภาพ อยากทำให้อะไรแต่ก็หมายถึงการแสดงความรับผิดชอบและ การทำหน้าที่ของตนให้สมกับความวางใจที่จะได้และมีเสรีภาพ
อีกฉากที่ลุงชอบ คือ นางเอกกับพระเอกอุตสาห์ลงทุนเดินทางเพื่อไปพบนักเขียนในดวงใจ แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะนักเขียนที่ได้เจอตัว กับผลงานที่แสนน่าประทับใจเป็นอะไร ที่ต่างกันราวเหวกับนรก ลุงอยากทำนายว่าประสบการณ์แบบนี้หลานจะพบเจอในที่สุด เหมือนหลายๆ คนที่พบว่าตัวจริงของคนตรงหน้ากับภาพความคาดหวังในใจมันคนละเรื่อง คนละโลกกันเลย บทเรียนนี้งทำให้หลานเจ็บ เหมือนตัวเอกในเรื่อง และหลายจะเจ็บต่อไป ถ้าไม่แยกแยะไม่เท่าทันให้ดีๆ ระหว่างภาพในใจกับภาพตัวจริง ลุงจำคำพูดอันหนึ่ง ลุงขอ ฝากหลานตรงนี้แล้วกัน “มีความหวังกับสิ่งที่ดีที่สุดและยอมรับได้กับสิ่งที่ไม่ใช่ความหวังนั้น”
อีกแง่มุมที่ลุงชอบในการเปรียบเทียบความรัก ความประทับใจที่เรามีต่อใครคนหนึ่ง คือ ความเป็นอนันต์ของตัวเลข นางเอกเปรียบเทียบความรู้สึกรัก ความสุข ความประทับใจเหมือนตัว เลขที่ไม่มีสิ้นสุดระหว่างเลขศูนย์กับหนึ่ง แน่นอนเลขศูนย์กับเลขหนึ่งต่างกันแค่หนึ่ง และมีขอบ เขตจุดเริ่มต้น จุดสิ้นสุด แต่ระหว่างเลขสองตัว มันมีตัวเลขมากมายๆ ที่เป็นอนันต์ นิรันดร คนเขียนคงอยากสื่อสารว่าเราทุกคนมีชีวิตและมีความตายรอคอยอยู่ แต่เราสามารถทำ อะไรได้ มากมายที่ให้อะไรดีๆ กับชีวิต กับโลกใบนี้มากกว่าการอยู่อย่างมีข้อจำกัดของชีวิตกับความตาย
​ลุงดูเรื่องนี้จบ สิ่งที่อยู่ในใจของลุงก็คือ เราแต่ละคนมาอยู่ในโลกใบนี้ สิ่งที่เราทำคือ รอยเท้าที่ปรากฏในความทรงจำ วันหนึ่งเราก็เป็นแค่ความทรงจำ หรืออาจไม่มีใครจดจำเราได้ ทั้งหมดคงอยู่ที่เราเลือก ลุงอยากให้หลานจดจำข้อนี้ดีๆ ว่า หลานอยากให้ตัวเองอยู่ในความทรงจำ แบบไหนในคนรอบตัวที่หลานเกี่ยวข้องด้วย หรือหากว่าหลานไม่ต้องการให้ใครจดจำ ลุงคิดว่า คนอื่นก็ยังจดจำหลานได้ แต่คงเป็นแง่มุมที่หลานคงไม่ชอบเพราะมันหมายถึงหลานไม่เคย อยู่ในโลกใบนี้มาก่อน
​ใช้ชีวิตให้ดีๆ นะหลาน ลุงก็เหมือนกัน
ผู้เขียน วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้
โฆษณา