7 ก.พ. 2020 เวลา 09:44 • ธุรกิจ
เศรษฐกิจของคน "ฉายเดี่ยว" (Lonely economy)
ปัจจุบันหากเราสังเกตุตาม โลก social เช่น FB. , IG , ใน pantip หรือกระทั่ง youtube. เราจะเห็นบุคคลที่มี life style ในการมีความสุขกับการทำอะไรคนเดียว เช่นเที่ยวต่างประเทศ, ดูหนัง, ถ่ายภาพ ฯลฯ มากขึ้น
ก่อนที่จะกล่าวถึงคำว่า lonely นั้นมันมีที่มา โดยที่มาที่ไปนั้นเกิดจากคนที่มีพฤติกรรมชอบ "ฉายเดี่ยว" หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า "Soloism" ในทาง
จิตวิทยาไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็อยากฉายเดี่ยวหรืออาการ "ติ๊สแตก" แต่มาจาก
ความเบื่อหน่าย โลกของคนหมู่มากโดยเฉพาะโลก social เช่น เปิดมาเจอ
แต่ comment ดราม่า, ไร้สาระ, คลิปการทะเลาะ ใช้ความรุนแรง, การบูลลี่
ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดนำมาซึ่งความ เบื่อหน่าย หรือ หมดไฟ (ฺburned out)
ภาวะหมดไฟที่ไม่ใช่แค่เกี่ยวกับเรื่องงาน
หมดไฟไม่ใช่แค่เกี่ยวกับเรื่องงาน แต่หมดไฟในโลกsocial คือ การรู้สึกว่า
ตัวเองนั้นดูด้อยค่าลงไป เช่น เราเห็นเพื่อนใน FB, IG ถ่ายรูปอวดเงิน, รถ,
บ้าน, lifestyle ที่ดูแพง เที่ยวต่างประเทศ....เมื่อเบื่อหน่าย สิ้นหวังนานเข้า ก็จะมีคำที่ตามมา 2 คำคือ alone (ปลีกตัวเองออกไปอยู่คนเดียว) และ lonely (ความรู้สึกโดดเดี่ยวหรือเหงานั่แหละ) ดังนั้น alone กับ lonely มีความ
หมายที่ต่างกัน
เริ่มจากการพยายามหาทางหลีกหนีความเยอะของคนใน social....มีผล
สำรวจของ MMGY Global พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่เป็นพวกชอบท่องเที่ยว
1ใน4 หรือ 25% เคยไปเที่ยวคนเดียว. พฤติกรรมฉายเดี่ยวนี้พบมากใน
ภูมิภาค ยุโรปและอเมริกา ที่มักจะกินคนเดียว, เที่ยวคนเดียว
โดยคนในสหราชอาณาจักร (UK) มีอัตราการฉายเดี่ยวเพิ่มขึ้นถึง 160%
ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา....
Lonely I'm Mr. Lonely ........(sightonstress.com)
ทำอะไรคนเดียวบ่อยเข้ามันก็ต้องมีเหงา(lonely) แน่นอน....คำว่า loneliness
มีความหมายว่า ความรู้สึกได้ถึงความทุกข์ ความอ้างว้างที่ไม่มีใครสักคนให้พบ
ปรากฏการณ์ วัฒนธรรม ฉายเดี่ยว (soloism culture)
ข้อมูลจาก tbwabackslash ในหัวข้อ Alone Together: Companionship in a Solo World มีผลสำรวจที่น่าสนใจของพฤติกรรมฉายเดี่ยว เขาทำอะไรและรู้สึกอย่างไร...
1. เข้าsocial media,หาเพื่อนคุยผ่านโปรแกรมหาคู่ หาเพื่อน
2. มีเพื่อนใน FB มีแต่ที่ไว้ใจได้หรือคุยได้จริง ๆ มีแค่ 4 คน จาก 155คน และคนที่กลุ่มตัวอย่าง 1 ใน 3 รู้สึกอยากแยกตัวออกจากสังคม
3. 40% ของกลุ่มตัวอย่างมีแนวโน้มจะเที่ยวคนเดียวมากขึ้น และ 49%
เต็มใจที่จะดูหนังคนเดียว
อ้างอิงจาก: https://medium.com/tbwabackslash/alone-together-e8a53b74be88
จากผลสำรวจจะเห็นแนวโน้มของคนที่ ฉายเดี่ยวมากขึ้น จึงนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจ ที่เรียกว่า Lonely economy ซึ่งคุณ Sarah Rabia Co-founder
ของ TBWA's Backslash. ให้ข้อเสนอแนะแก่นักการตลาดและผู้ประกอบการในการที่จะนำเสนอสินค้า/บริการเพื่อตอบโจทย์คนกลุ่มนี้
1. กลุ่มคนเหล่านี้มีความเต็มใจที่จะจ่ายแพง
need ของคนกลุ่มนี้คือ ต้องการความสงบ สันโดษ ดังนั้น ถ้าสินค้า/บริการ
ของคุณตอบโจทย์ตรงนี้ได้ แพงแค่ไหนเขาก็จ่าย นอกจากนี้ผู้ประกอบการ
ยังอาจใช้ช่องทางการตลาดอย่าง social media หาคนที่มีอิทธิพลหรือสร้างแรงบันดาลใจในการทำอะไรคนเดียวเฟี้ยวจะตาย ซึ่งควรเป็นบุคคลที่มี
อิทธิพลต่อความคิด (influencer) มาเป็นpresenter.......ในญี่ปุ่นมีธุรกิจเกี่ยวกับ คนแายเดี่ยวมากมายและแปลกๆ เช่น "เช่าลุง" "เช่าเป็นแฟน"
ขาย-เช่าบ้านคนตายที่เจ้าของเคยอยู่คนเดียวแล้วตาย ซึ่งราคาจะถูกกว่า
บ้านปกติ (เหมาะสำหรับคนที่อยู่เป็นโสด)
2. กระตุ้นให้เกิดสังคมของคนฉายเดี่ยว
ในเยอรมันอย่าง มิวนิค(Munich) มีwebsite ของคนที่ชอบฉายเดี่ยวเหมือนกันสร้างขึ้นมาจนเป็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีการแบ่งปันความรู้, how to
การไปเที่ยวสถานที่ต่าง ๆ , การนัดเจอกันเพื่อพูดคุยกันที่บ้าน....
นอกจากนี้การสร้างสังคมขึ้นมาทำให้เกิด sharing economy หรือการแบ่ง
ปันของให้เช่าใช้ เช่น คนนึงมีบ้านอยู่เมือง A. คนจากเมือง c อยากไปเที่ยว
เมือง A แต่จะนอนโรงแรมก็เบื่อคนเยอะ ก็ติดต่อกันในสังคมเดียวกันขอเช่า
กับคนมีบ้านในเมือง A. เป็นต้น
3. จากสังคมสร้างให้เป็นชุมชน (communities)
ตัวอย่างเช่น Apple store ในต่างประเทศ เปิดโอกาสให้คนที่มี lifestyle
ฉายเดี่ยว ไปใช้ wi-fi ฟรี, พบปะเพื่อนที่มีความชอบเหมือนกัน, มีclass สอน how to ต่าง ๆ เช่น ถ่ายภาพ, การมีปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคม....แต่มีเงื่อน
ไขว่าคนที่สามารถใช้บริการได้ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple เท่านั้น
(บางครั้ง) การอยู่คนเดียว เป็นสิ่งจำเป็นได้เห็นอะไร มากมาย
ได้ปลอบตัวเอง ได้ปล่อยเวลาได้เยียว ได้ยา แผลใจ
(เนื้อเพลงบางส่วนของเพลง รับไม่ไหว : อัสนี วสันต์ โชติกุล)
โฆษณา